หนองบัว พิชญ เอฟซี ยิงนาทีท้าย ก่อนพ่าย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามพิชญ สเดตี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ตอนนี้อาการโคม่าและไม่น่าจะมีปาฏิหาริย์สำหรับการอยู่รอด จะต้องพบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่คะแนนและอันดับอยู่กลางตาราง ทำให้การบุกมาเยือนในวันนี้ ไม่ค่อยกดดันเท่าไร ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ขณะที่ทีมเยือนยึดระบบ 4-4-2  

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทั้ง 2 ทีม ต่างเปิดเกมบุกใส่กัน โดยทางฝั่ง โปลิศ เทโร จะเล่นบอลเร็วและน้อยจังหวะในพื้นที่ 3-4 ซึ่งมันเห็นถึงทีมเวิรค์และการสอดประสาน แต่มันน่าเสียดายที่ไม่ได้ประตูนำ เพราะแนวรับของเจ้าบ้านช่วยกันสกัดและป้องกันไว้ได้

ส่วนทางฝั่ง หนองบัว พิชญ เน้นการขึ้นบอลทางฝั่งซ้าย ก่อนจะจ่ายเลาะไปข้างหน้า กระทั่งถึงแดนสุดท้ายก็จะตบบอลมาหน้าประตู โดยโอกาสเหน่งๆนั้นมี แต่ก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน

ครึ่งหลัง รูปเกมยังเปิดแลกใส่กันอยู่ แต่การตัดฟาวล์ของ ปิยะพล มันส่งผลให้เจ้าตัวโดนใบแดง ซึ่งหลังจาก หนองบัว เหลือ 10 คน ก็เริ่มจะพลาดง่ายๆ จนในนาทีที่ 67 จ่ายบอลพลาดหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้โดน สรวิชญ์ ฉกบอลไปกระดกข้าม กิตติคุณ ให้ เทโร นำ 0-1 อย่างไรเสียเมื่อ หนองบัว

ดึงสมาธิกลับมาได้ พวกเขาก็สร้างโอกาสจากการโจมตีทางฝั่งซ้าย แต่บอลเจ้ากรรมดันไปชนเสา กระทั่งนาทีที่ 90+4 จังหวะชิงบอลในกรอบเขตโทษของเจ้าบ้าน พีรพัฒน์ ชิงบอลมาได้ แล้วจัดการยิงเช็คเสาให้มังกรโล่เงินนำ 0-2 จากนั้นเมื่อเอาบอลมาเขี่ย พญาไก่ชนยิงไล่มา 1-2 แล้วเวลาก็หมดลงทันที

      บทสรุปจากเกม หนองบัว พิชญ เอซี เกมนี้พยายามสู้อย่างสุดความสามารถ ดังจะเห็นได้จากบิ้วอัพบอลขึ้นไป กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลังจากโดนแดงและต้องเหลือ 10 คน พวกเขาเสียสมาธิจนมีความผิดพลาด สุดท้ายโดนยิงนำ มิหนำซ้ำยังมาโดนลูกยิงเช็คเสาในช่วงทดเวลา ทำให้หมดหวังที่จะมีแต้ม ทั้งๆที่สู้ได้ดี

ส่วนทางฝั่ง โปลิศ เทโร เอฟซี ต้องชื่นชมที่มาเปิดเกมบุกสู้ แม้สถานการณ์จะลอยตัวและไม่จำเป็นต้องโหมบุกก็ได้ ซึ่งผลตอบแทนของความทุ่มเท คือการได้ 2 ประตู และ 3 แต้มกลับบ้าน อย่างไรเสียการเปิดเกมบุกแลกแบบนี้ มันเห็นถึงรูรั่วในเกมรับที่พวกเขาต้องปรับ เพราะหากเป็นทีมใหญ่ พวกเขาจะโดนลงโทษด้วยการเสียประตูอย่างแน่นอน

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แรงไม่หยุด เปิดรังตบ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 24 ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ตอนนี้เก็บชัยมา 2 นัด จะต้องพบกับทีมที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่าง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด

ซึ่งสถิติการมาเยือนสนามแห่งนี้ ก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างมาใช้ระบบที่เคยชิน โดยเจ้าบ้านใช้ 4-2-3-1  และทีมเยือนวางผัง 4-4-2

      เชียงราย พยายามเล่นบอลแทง บอลไดเรค และรีบจบสกอร์แบบไม่ครองบอลไปมา แม้ว่าแนวรับเจ้าบ้านจะสปีดตามไม่ค่อยทัน แต่ก็ยังเอาอยู่ จนการแข่งขันดำเนินไปถึงนาทีที่ 34 นครราชสีมา จัดการแผงฤทธิ์ใส่ด้วยประตูนำ 1-0 จากการลากบอลของ สิโรจน์ แล้วเปิดมาหน้าประตู ก่อนจะจบด้วยการซัดวอลเลย์ของ มูสตาโว่ กระนั้นก็ต้องโทษ อภิรักษ์ ที่วิถีบอลและการตำแหน่งพร้อมสำหรับการป้องกัน

แต่ไม่ล้มตัวปัดบอล อย่างไรเสียในนาทีที่ 39 เชียงราย มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการแทงบอลขึ้นมา ซึ่ง โบนีญ่า กระชากหนี ชาร์ลี คลัฟ แล้วเปิดหักกลับมาให้ คิม จี มิน ยิงเข้าไป โดยจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นผิดพลาดเต็มๆที่ยืนตำแหน่งป้องกันไม่ดี

ครึ่งหลังเปิดฉากขึ้นมา ก็โจมตีใส่กันทันที แล้วเป็นโคราช ที่ได้ประตูจากเตะมุมของ ชาร์ลี คลัฟ ที่ยืนเป็นตัวสุดท้ายแบบไม่มีใครประกบ แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องโทษอภิรักษ์ เพราะบอลยังยู่ในวิถีที่บินปัดได้ แต่ดันยืนเฉย

จากนั้นกลายเป็นเข้าทางเจ้าถิ่น เมื่อพวเขาลงไปตั้งรับลึก ซึ่งมันเป็นเวย์ลำบากของทีมเยือน ที่ชอบเล่นเกมรุกแบบสวนกลับ ทำให้กว่าจะเจาะเข้าไปถึงแดนสุดท้าย ก็ยากลำบากพอสมควร สุดท้ายเมื่อพวกเขาดันเกมบุกแบบเต็มสูบ ก็มาโดนลูกปิดกล่อง 3-1 ในนาทีที่ 90+4  

      บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟ ซี เกมรับมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แล้วมีผลถึงการเสียประตู แต่พอได้ประตูที่ 2 เกมรับเล่นได้ดีจนคู่แข่งเจาะไม่เข้า ส่วนเกมรุก เห็นถึงความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีริมเส้น ทีเด็ดลูกเตะมุม และการโต้กลับ ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะคว้าชัยชนะแบบต่อเนื่อง

ขณะที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พยายามเล่นบอลไดเรคตามสไตล์ แต่เกมรับและความผิดพลาดส่วนบุคคล ทำให้เสียประตูจนไม่สามารถเล่นตามแผนได้ โดยสิ่งที่พวกเขาต้องพัฒนา คือการเจาะคู่แข่งที่รับลึกๆให้ได้ มิเช่นนั้นวันไหนถูกนำไปก่อน ประตูสู่ความพ่ายแพ้จะเปิดกว้างทันที

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB: Sport lover

ศึกรีโว่ไทยลีก 1 และโควตา ACL ไทยลีก 1

สถานการณ์การลุ้นแชมป์ของ ศึกรีโว่ไทยลีก 1 อาจจะกล่าวได้ว่ามันเห็นถึงบทสรุปกลายๆของทีมลุ้นแชมป์ เมื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำแต้มทิ้งห่างรองจ่าฝูงและทีมหัวตารางไปไกลกว่า 10 แต้ม

ทำให้การลุ้นอันดับที่ 2 และ 3 ดูจะเมามันส์มากกว่า เพราะแต่ละทีมยังฟอร์มไม่นิ่งและอันดับยังขึ้นๆลงๆสลับกันไปมา ฉะนั้นในบทความนี้จะมาประเมินถึงสถานการณ์ ณ ตอนนี้ และความเป็นไปได้ว่าใครจะเป็นแชมป์ และใครจะมีโอกาสติดอันดับ 2 กับ 3 เพื่อไปลุยศึก ACL ในฤดูกาลหน้า

สถานการณ์การลุ้นแชมป์  

      ในส่วนของการลุ้นแชมป์ ตอนนี้ลงแข่งไปแล้ว 22 นัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีแต้มนำ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เป็นรองจ่าฝูงถึง 12 แต้ม ซึ่งหากว่ากันตามทฤษฎี บียู ยังได้ลุ้นอยู่ แต่เมื่อดูจากเส้นทางที่ผ่านมา มันมีแต่จะห่างไปเรื่อยๆ เพราะแข้งเทพมีวันที่ฟอร์มหลุด ฉะนั้นในส่วนของแชมป์น่าจะสบายใจได้ จากนี้จึงเหลือแค่ว่าปราสาทสายฟ้า จะจบด้วยการเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายหรือไม่

สถานการณ์ทำอันดับติดโควตา ACL

      โควตา ACL รอบแบ่งกลุ่ม จะแบ่งให้ทีมแชมป์ลีก ส่วนรอบเพลย์ออฟจะให้กับทีมรองแชมป์ อย่างไรเสียหากทีมแชมป์ลีกอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์ช้างเอฟเอ คัพ ได้ โควต้ารอบเพลย์ออฟจะตกเป็นของอันดับ 3 ในตารางลีกทันที ฉะนั้นเมื่อดูสถานการณ์ ณ ตอนนี้ บุรีรัมย์ จองไปแล้ว 1 ทีม เช่นเดียวกับ แบงค็อก ที่น่าจะไม่พลาด ทำให้อันดับที่ 3 ต้องแย่งชิงกัน โดยมีถึง 5 ทีม ที่กำลังมีลุ้นอยู่ในตอนนี้

จาก 5 จะมีผู้สมหวังเพียง 1 ทีม ?

      ผลงานของ เมืองทอง ที่สามารถคว้าชัยได้ 3 เกมติด ทำให้แต้มก้าวกระโดดจนมีลุ้นโควตาถ้วยเอเชีย กระนั้นเมื่อมองถึงการยืนระยะ ก็อาจเป็นเพียงการสร้างสีสรรค์ในช่วงนี้เท่านั้น เช่นเดียวกับ การท่าเรือ ที่แม้จะดูดีขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากมีการเปลี่ยนโค้ช แต่ด้วยความไม่สม่ำเสมอในผลงาน ก็คงมีผลให้พวกเขามีลุ้นห่างๆ แต่มิอาจทำคะแนนเข้าไปใกล้กว่าที่เป็น

      เชียงราย ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะมีลุ้นโควตาตรงนี้ เพราผลงานในบ้านเป็นจุดแข็ง แต่ผลงานในช่วงนี้เหมือนจะหลุดๆไป ซึ่งต้องหากทางกลับฝั่งให้เร็วที่สุด ก่อนจะหลุดวงโคจรไปจริงๆ ขณะที่ ราชบุรี เลกที่ 2 ถือเป็นขาลงแบบชัดเจน เพราะมันมีแต่ถอยหลังลงคลองและไม่น่าจะมีโอกาสได้ลุ้นค่อนข้างแน่ ส่วน ชลบุรี อยู่ในอันดับ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการรอลุ้นโควตาส้มหล่น

กระนั้นด้วยตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บเยอะและผลงานยังหาทางกลับมาไม่ได้ มันจึงเริ่มจะเสียวๆว่าพวกเขาจะเสียอันดับตรงนี้ให้ทีมอื่น ฉะนั้นหากกล่าวโดยสรุป อันดับที่ 3 ยังมองไม่ออกว่าใครจะสมหวัง เพราะฟอร์มยังไม่มั่นคงสักทีม แต่ ชลบุรี ราชบุรี และ เชียงราย น่าจะอยู่ในข่ายที่ได้ลุ้นมากที่สุด และตัวชี้วัดก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีช่วงเก็บแต้มแบบรัวๆมากที่สุด  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 (โปรแกรมวันอังคาร)

ศึกฟุตบอล รีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ในโปรแกรมวันอังคาร ลงเตะกันทั้งสิ้น 4 คู่ ซึ่งผลสกอร์ที่เกิดขึ้นถือว่ายิงกันกระจาย ไล่ตั้งแต่สถานการณ์ที่สุดแสนจะกดดันของ ชลบุรี ที่ไม่ชนะใคร 7 นัดเข้าให้แล้ว หรือ การท่าเรือ ที่พลิกนรกกลับมาคว้า 3 แบบสุดเหลือเชื่อ แต่ที่พีคสุดคงหนีไม่พ้น บุรีรัมย์ ที่โดน บียู ยัดเยียดความพ่ายแพ้ใส่ ทำให้สถานะแชมป์ไร้พ่ายจบลงแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร รีบไปตามอ่านกันได้ด้านล่างนี้  

สุโขทัย เอฟซี 1-0 ชลบุรี เอฟซี

      สุโขทัย แต้มยังไม่ขาดจากโซนแดงนัก ทำให้การคว้าชัยชนะเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่นเดียวกับ ชลบุรี ที่ต้องการชัยชนะเพราะห่างหายไปนานถึง 6 นัดแล้ว ซึ่งในเกมการแข่งขันค่อนข้างสูสีเมื่อดูจากโอกาส แต่ในนาทีที่ 60 เป็นค้างคาวไฟที่ยิงประตูขัย 1-0 และถึงแม้ช่วงท้ายเกมจะเหลือ 10 คน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ประคองตัวและเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ  

ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด 2-3 การท่าเรือ เอฟซี

      เกมคู่นี้ถือว่าพลิกนรกเลยก็ว่าได้ เพราะทางฝั่ง เชียงราย นำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรก ซึ่งทีมที่ชำนาญเกมรับอย่างกว่างโซ้งมหาภัย น่าจะประคอสกอร์นี้จนจบเกมได้ แต่ การท่าเรือ ไม่ยอมแพ้ เมื่อยิงตีตื้น 2-1 ในนาทีที่ 68 ก่อนที่จะบดอยู่สักพัก กระทั่งมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 และ 2-3 ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม พร้อมกับคว้า 3 แต้ม ออกมาแบบสุดระทึก  

เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-1 ลำพูน วอริเออร์

      ผลงานของ เมืองทอง คว้าชัยมาแล้ว 4 เกมติด แล้วในเกมนี้พวกเขาสานต่อความยอดเยี่ยมไว้ได้ โดยในครึ่งแรกจัดการยิง ลำพูน 2-0 จนในครึ่งหลัง ราชันโคขาว ยิงตีตื้น 2-1 ทำให้พวกเขามีความหวังขึ้นมา แต่เมื่อเล่นไปก็ไม่สามารถทำได้ กระทั่งท้ายเกม กิเลนผยองมายิงปิดกล่อง 3-1 นั่นจึงส่งให้ทีมเยือนยังอยู่ในโซนแดงตามเดิม   

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 4-3 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

      เกมคู่บิ๊กแมตช์ในสัปดาห์นี้ เป็นเกมตัดสินว่า บุรีรัมย์ จะการันตีการคว้าแชมป์ หากพวกเขาบุกไปคว้าชัยเหนือ ทรู แบงค็อก ซึ่งเกมเปิดมาครึ่งชั่วโมง พวกเขายิงนำไปก่อน 0-2 แต่ บียู ไม่ยอมแพ้ มายิงตีตื้น 1-2 และยิงแซงเป็น 3-2 ในครึ่งหลัง กระทั่งท้ายเกม บุรีรัมย์ ยิงตีเสมอ 3-3 ทำให้เกมน่าจะจบที่การเจ๊า แต่สุดท้าย แข้งเทพ มายิงนำ 4-3 ในนาทีที่ 90+5 พร้อมกับจารึกว่าเป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้ใส่ทัพปราสาทสายฟ้า

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 24

ศึกฟุตบอล รีโว่ไทยลีก นัดที่ 24 โปรแกรมวันเสาร์กลับมาลงสนาม 4 คู่ อีกครั้ง โดยเกม 2 คู่แรกในเวลา 6 โมงเย็น ต้องไปตามลุ้นผลและการหนีตายของทีมท้ายตาราง ขณะที่ดาร์บี้แมตช์อีสาน ต้องมาดูกันว่า ขอนแก่น จะเป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความปราชัยใส่ บุรีรัมย์ ได้หรือไม่ ขณะที่คู่ปิดท้าย ทีมหนีตายที่ฟอร์ดี ต้องมาพบกับทีมหัวตารางที่ฟอร์มแย่ ซึ่งความพร้อมและผลที่คาดจะเป็นอย่างไร นับจากนี้เราจะมารีวิวและวิเคราะห์กัน 

ลำพูน วอริเออร์ พบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี (18.00 น.)  

      เกมคู่เปิดหัวรับประกันว่ามันส์หยด เพราะเป็นการพบกันโดยตรงของทีมในโซนตกชั้น ซึ่งทางฝั่ง ลำพูน สภาพทีมและฟอร์มการเล่นดูดีกว่า แต่ปัญหาของพวกเขาคือ เกมที่ควรเก็บ 3 แต้ม มักได้เพียงแต้มเดียว ทำให้อันดับไม่ขยับ ขณะที่ หนองบัว การเก็บ 6 แต้ม จาก 3 นัดหลัง ก็พอจะช่วยพวกเขายังมีโอกาสรอด อย่าไรเสียก็เชื่อว่าทั้ง 2 ทีม จะเล่นด้วยความระมัดระวังและผลที่ออกมาน่าจะแบ่งแต้มกันไป กระนั้นหากมีผู้ชนะ ก็ขอยกให้ราชันโคขาว

พีที ประจวบ เอฟซี เมืองทอง ยูไนเต็ด (18.00 น.)

      ผลงานของ พีที ประจวบ เหมือนจะอยู่ในช่วงที่ดาวน์ลง หากเทียบกับช่วงออกสตาร์ท นั่นจึงทำให้อันดับจ่อโซนแดงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตรงกันข้ามกับ เมืองทอง ที่ฟอร์มพุ่งแรงและคว้าชัยชนะติดต่อกัน 4 เกมเข้าให้แล้ว ทำให้จากทีมตารางกลางตาราง ตอนนี้กลับมาเกาะกลุ่มหัวตารางแบบหน้าตาเฉย อย่างไรเสียการบุกเยือนถิ่นสามอ่าว สเตเดี้ยม ของกิเลนผยอง มักเจออาถรรพ์อยู่เสมอ นั่นจึงทำให้เชื่อว่าทีมเยือนมีโอกาสสะดุดและจบด้วยการแบ่งแต้มอีกคู่

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขอนแก่น ยูไนเต็ด (18.30 น.)

      บุรีรัมย์ กำลังอยู่ในช่วงเก็บแต้มแบบรัวๆ และไม่มีท่าทีจะออกอาการสะดุดให้เห็น ขณะที่ ขอนแก่น ฟอร์มการเล่นไม่ย่ำแย่ และเก็บแต้มได้สม่ำเสมอจนน่าอยู่รอดปลอดภัย แต่การต้องบุกไปเยือนจ่าฝูงคงยากที่จะต้านทานและน่าจะบุกไปพ่ายแพ้ให้กับปราสาทสายฟ้า แบบสกอร์ไม่ขาด

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด (19.00 น.)

      ก่อนหน้านี้ โคราชเหมือนจะย่ำแย่ แต่ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เก็บชัยชนะ 2 เกมติด ทำให้หลุดพ้นจากโซนแดงเสียที ขณะที่ เชียงราย ฟอร์มการเล่นตอนนี้ดูจะแกว่งไปสักหน่อย โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่เหลือ 10 คน จนต้องตั้งรับเพื่อเซฟแต้มในบ้าน นั่นจึงทำให้มองว่าสวาทแคทจะไม่แพ้ในเกมนี้ ส่วนจะได้ 1 หรือ 3 แต้ม ต้องไปลุ้นในเกม

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 23 โปรแกรมวันศุกร์-เสาร์

ศึกฟุตบอล รีโว่ไทยลีก นัดที่ 23 มีเกมวันศุกร์ลงสนาม 1 คู่ ซึ่งจะเป็นเกมที่กดดันสุดๆสำหรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หากเก็บแต้มไม่ได้ ส่วนเกมในวันเสาร์ จะเปิดหัวด้วยการพบกันของทีมหัวตาราง ก่อนจะตามมาด้วยเกมหนีตาย และปิดท้ายที่เกมสบายๆของ 2 ทีม ที่อยู่กลางตาราง โดยการวิเคราะห์และผลที่คาดจะเป็นอย่างไร นับจากนี้เราจะไปรีวิวกัน

สุโขทัย เอฟซี พบกับ นคราชสีมา มาสด้า เอฟซี (วันศุกร์, 19.00 น.)

      สุโขทัย มีผลงานที่โดดเด่นในบ้านอย่างยิ่ง กับการเก็บ 3 แต้ม หรืออย่างแย่คือแบ่งแต้ม อีกทั้งการเข้ามาเติมเต็มของ บาจโจ้ ก็ช่วยให้เกมรุกมีความอันตรายอีกครั้ง

ส่วนทางฝั่ง โคราช พึ่งคว้าชัยชนะนัดแรก นับตั้งแต่โค้ชโจ้เข้ามาคุมทีม อย่างไรเสียหากมองจากสถิติของเจ้าบ้านและฟอร์มการเล่นยามออกไปเยือนของสวาทแคท ก็ทำให้เชื่อว่าค้างคาวไฟจะเฉือนชนะในเกมนี้ได้  

ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ ราชบุรี เอฟซี (วันเสาร์, 18.00 น.)

      ฟอร์มของ เชียงราย ดูเหมือนจะดรอปลง ไล่ตั้งแต่การตกรอบบอลถ้วยและต่อเนื่องมาถึงการพ่ายแพ้คาบ้านต่อ บียู ทั้งๆที่ปีนี้ กว่างโซ้งมหาภัย ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเล่นในบ้าน ส่วนทางฝั่ง ราชบุรี  4 เกมหลังฟอร์มบู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะแพ้ 3 เกมติดต่อกัน ก่อนที่นัดล่าสุดจะดีขึ้นกับการได้ 1 แต้ม นั่นจึงทำให้เกมนี้อาจเป็นจุดของทีมใดทีมหนึ่ง หลังจากมีฟอร์มที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ ซึ่งทางฝั่งของเจ้าบ้านน่าจะไม่แพ้ในเกมนี้

ลำพูน วอริเออร์ พบกับ พีที ประจวบ เอฟซี (วันเสาร์, 18.30 น.)

      ผลงานของ ลำพูน อาจจะไม่ได้ย่ำแย่และวิกฤต แต่ทีมด้านล่างและคู่แข่งต่างทำแต้มขึ้นมาทาบ หรือแซงไปแล้ว นั่นจึงทำให้ราชันโคขาว ต้องกลับมาอยู่ในโซนแดงอีกครั้ง ส่วนทางฝั่ง ประจวบ การเก็บแต้มได้เรื่อยๆ มิอาจช่วยให้พวกเขาพ้นจากทีมในข่ายโซนตกชั้น นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องวนเวียนอยู่ตรงนี้ด้วยการมีแต้มห่างจากโซนอันตราย 1 แต้ม โดยการบุกไปเยือนสนามกลางของต่อพิฆาต เชื่อว่าพวกเขาจะไม่แพ้และอย่างน้อยน่าจะได้แต้มกลับบ้าน   

เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี (วันเสาร์, 19.00 น.)

      เมืองทอง กลับมามีผลงานดีแบบเซอร์ไพรส์อีกครั้ง กับการคว้าชัย 3 นัดรวด ส่วนทางฝั่ง เทโร อาจจะติดเสมอมากไปสักหน่อยในช่วงนี้ อย่างไรเสียด้วยสถิติการพบกัน ณ สนามธันเดอร์โดม ก็เชื่อว่ากิเลนผยองจะเฉือนชนะได้    

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

แมตต์ สมิธ เพราะกลัวเสียสุนัข !

การพ่ายแพ้ต่อ หนองบัว พิชญ เอฟซี คาบ้าน 1-3 ถือเป็นหลักฐานที่ประจักษ์ต่อสายตาว่า แมตต์ สมิธ หมดความชอบธรรมที่จะเป็นเฮดโค้ช ไม่เพียงเท่านั้น เสียงโห่ไล่จากแฟนบอลในสนาม

คำวิจารณ์จากแฟนในโลกออนไลน์ รวมไปถึงสื่อต่างๆ ที่ชี้ไปทางเดียวกันว่ามันเกินกว่าจะเยียวยาได้แล้ว แต่ทำไมบอร์บริหารยังไม่ออกมาเทคแอคชั่นอะไร ทั้งๆที่เมื่อเทีบบกับโค้ชคนเก่า ผลงานถือว่าต่างกันราวจักรวาลกับขุมนรกเลยทีเดียว

เรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายราย อาจจะเป็นเศษเสี้ยวสำหรับข้อแก้ต่างให้ แมตต์สมิธ แต่อย่างไรเสียผู้เล่นที่เจ็บราว 10 กว่าคน ก็กลับมาลงเล่นบางส่วนแล้ว หรือตัวที่มีอยู่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกับตัวหลักมากขนาดนั้น ซึ่งอย่างน้อยๆหากเกาะอยู่ในอันดับ 4-6 มันก็ยังพอจะเข้าใจได้

แต่จากสิ่งที่เห็นคือ บอลไม่มีทรง ไม่มีรูปแบบ ทั้งเกมรุกและรับ แต่ที่ยังชนะได้บ้างเป็นบางนัด ล้วนมาจากความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น โดยการพ่าย โปลิศ เทโร เอฟซี จนตกรอบช้างเอฟเอ คัพ ก่อนจะถูกซ้ำด้วยการถูก หนองบัว พิชญ เอฟซี ถล่มคาบ้านถึง 1-3 มันก็สื่อให้เห็นว่าสภาพทีมตอนนี้มีแต่ทรงกับทรุดจริงๆ

จากสายข่าววงใน มีรายงานเช่นกันว่าบอร์ดบริหารมีความคิดที่จะปลด แมตต์ สมิธ หากไม่ชนะ ประจวบ แต่เกมนั้นดันชนะ ทำให้แผนต่อไปคือ ให้คุมทีมจนจบฤดูกาล กระนั้นจากสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ถือว่าย่ำแย่และเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ซึ่งการไม่ปลด

ณ ตอนนี้ อาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี กล่าวคือ ตอนนี้ บีจี ปทุม ยังอยู่ในเส้นทางบอลถ้วยรีโว่ลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ ซึ่งแม้ว่าแชมป์รายการนี้จะไม่ได้ไป ACL แต่อย่างน้อยๆมันก็เป็นการสร้างขวัญกำลังที่ดีสำหรับนักเตะและแฟนบอล ถัดมาจะเป็นเรื่องแฟนบอล ที่หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป แฟนบอลหาย หายได้หดเป็นแน่ และที่สำคัญคือ ศรัทธาจากแฟน

สำหรับบอร์ดบริหาร และโดยเฉพาะบอสปวิณ เคสการดึง แมตต์ เข้ามาคุมทีม แล้วไม่ยอมปลดแม้ผลงานย่ำแย่ มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่และคำวิจารณ์ถึงตัวท่านประธาน หากอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งเฮดโค้ช ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ในครั้งต่อไป

มันจะถูกมองว่าเป็นการแก้ตัวมากกว่าแถลงความจริง ฉะนั้นโดยสรุป ทางออกนั้นมีและสามารถทำได้ทุกเวลา แต่บอสปวิณไม่เลือกทำ เพราะกลัวเสียสุนัขที่ลั่นวาจาตำหนิโค้ชเก่าไปแล้วนั่นเอง

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

หนองบัว พิชญ เอฟซี เร่งสุดกำลัง ได้แค่เจ๊า

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 19 เกมคู่หนีตายที่ต้องจับตามอง ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ยังจมโซนแดงแบบต่อเนื่องและไม่มีท่าทีจะดีขึ้น กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่แม้จะเปลี่ยนมือมาเป็นโค้ชโจ แต่ก็ยังตามหาชัยชนะไม่เจอ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-3-3  ส่วนทีมเยือนวางผัง 4-2-3-1

      ในช่วง 20 นาทีแรกของเกม ทั้ง 2 ทีม เหมือนจะดูเชิง หรือไม่ก็ทันจังหวะกัน เพราะโอกาสจบสกอร์มีน้อยมากๆ ซึ่งจะมีลุ้นหน่อยก็จากฟรีคลิกและลูกตั้งเตะ กระทั่งนาทีที่ 36 จุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้นเมื่อ หนองบัว พิชญ ขึ้นนำ 1-0 จากการโจมตีทางฝั่งขวาและเปิดไปให้กับ ทาร์เดลี่ ได้ซัดแบบเต็มข้อ กระนั้น

แนวรับทีมเยือนถือว่าผิดพลาดหลายจุด ไล่ตั้งแต่ฝั่งซ้ายที่เปิดพื้นที่กว้างมหาศาลและ อากีราโน่ ที่ยืนป้องกันอยู่ด้านหน้า ดันลื่นจน ทาร์เดลี่ ได้พักอกและยิงแบบไร้การรบกวน ทำให้หลังจากนั้น นครราชสีมา ต้องเดินเกมบุกและในนาทีที่ 41 มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก อับดุลราฟิค ที่กลับตัวยิงจากบอลที่กระเด้งมาเข้าทาง    

ครึ่งหลัง โคราช ลงมาบุกและโจมตีจากด้านข้าง แต่มักเสียและโดน หนองบัว เอาไปโต้กลับ กระนั้นเมื่อบอลถึงจังหวะจบสกอร์ แนวรับโคราชจะเข้าไปประกบ ทาร์เดลี่ แล้วสกัดบอลไว้ได้ทุกครั้ง จากนั้นเกมตื้อลงไป ก่อนที่ท้ายเกม พญาไก่ชนกลับมาเร่งเกมอีกครั้ง แล้วมีโอกาสจะขึ้นนำ 2-1 แต่ดันถูก VAR ริบคืนเพราะล้ำหน้าอย่างน่าเสียดาย  

      บทสรุปจากเกม หนองบัว พิชญ เอฟ ซี เกมรับถือว่าเล่นได้ดีและไม่มีความผิดพลาด แต่ประตูที่เสียต้องยอมว่าเป็นจังหวะฟุตบอลที่ไม่เป็นใจ ส่วนเกมรุก ทาร์เดลี่ กลายเป็นหน้าเป้าที่ถูกจับตายสนิท เพราะไม่มีตัวอื่นมาช่วยเล่นและดึงตัวประกบไป นอกจากนี้ยังน่าเสียดายที่การเร่งเกมช่วงท้าย ไม่สามารถยิงประตูชัยได้

ขณะที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เกมรับเปิดช่องว่างมหาศาล ผนวกกับความผิดพลาดส่วนบุคคล ทำให้เสียประตูไปก่อน แต่ก็โชคดีที่จังหวะฟุตบอลเป็นใจจนได้ลูกตีเสมอ นอกจากนั้นต้องตำหนิว่าเกมรุกเสียบอลง่ายและบ่อยเกินไป ทำให้ไม่มีโอกาสได้บุกอย่างจริงจัง อีกทั้งยังดีที่คู่แข่งไม่ใช่ทีมใหญ่ มิเช่นนั้นอาจโดนโต้กลับและถูกยิงมากกว่า 1 ประตู

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 (โปรแกรมวันอาทิตย์)   

ศึกฟุตบอล รีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ เป็นโปรแกรมวันสุดท้ายก่อนที่จะปล่อยนักเตะไปพักผ่อนช่วงสงกรานต์ ซึ่งก่อนจะไปพักนั้น เราอาจได้ทราบถึงทีมแชมป์อย่างเป็นทางการ และในขณะเดียวกันอาจต้องโบกมือลาทีมที่ต้องร่วงลงไปเล่นไทยลีก 2 เพราะแต้มขาดจากโซนปลอดภัย โดยจะเป็นทีมไหนและใครบ้าง นับจากนี้เราจะไปรีวิวและวิเคราะห์กันทีละคู่

ชลบุรี เอฟซี พบกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด (17.30 น.)

      ชลบุรี กำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มย่ำแย่สุดๆเมื่อไม่ชนะใครมา 7 เกมติดต่อกันแล้ว แต่บอร์ดบริหารก็ยังใจแข็งให้โค้ชเตี้ยคุมทีมไปจนจบฤดูกาล ไม่ต่างกันมากกับ เชียงราย ที่ในช่วงหลังฟอร์มไม่ดี โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่อุตส่าห์นำไปก่อนถึง 2-0 แต่ดันโดนยิงรัวแซงเป็น 2-3 แบบคาบ้านเสียอย่างนั้น ทำให้เกมนี้จะเป็นการชี้ชะตาทีมใดทีมหนึ่ง แต่ผลที่ออกมาน่าจะแบ่งแต้มมากที่สุด

การท่าเรือ เอฟซี พบกับ ราชบุรี เอฟซี (18.00 น.)

      การท่าเรือ ที่กำลังฟอร์มดีๆ เหมือนจะเจองานยากลำบากที่ในการบุกไปเยือน เชียงราย แต่สุดท้ายพวกเขาไม่ยอมแพ้และช่วยกันยิงแซงชนะได้สำเร็จ ต่างจาก ราชบุรี ที่ในตอนนี้ไม่ชนะใครมาเกมติดต่อกันแล้ว อีกทั้งรูปแบบของเกมก็ดูหาทางฟื้นไม่เจอ ทำให้เกมนี้มองไม่ยากก ว่าสิงห์เจ้าท่าจะเด็ดหัวทีมเยือนได้แบบไม่ระบมหัวแม่เท้า

ลำพูน วอริเออร์ พบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (18.00 น.)

      ลำพูน ยังคงขึ้นๆลงๆระหว่างโซนปลอดภัยกับโซนตกชั้น โดยสภาพนักเตะที่มีแต่ตัวชราภาพ ดูจะไม่สอดคล้องกับการทำงานของโค้ชที่ดีกรีสูง แล้วในวันนี้ต้องมาเจอ แบงค็อก ที่พึ่งโชว์ฟอร์มโหดใส่บุรีรัมย์ มาหยกๆ ฉะนั้นไม่ว่าราชันโคขาวจะทำอย่างไร ก็คงเสร็จบียู ด้วยสกอร์แบบเฉือนๆ

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ ลำปาง เอฟซี (19.00 น.)

      กำลังจะเดินหน้าสร้างสถิติไร้พ่าย แต่ดันถูก บียู หักโค่นลงในเกมล่าสุด กระนั้นการันตีแชมป์ก็ยังคงอยู่ในมือพวกเขา หากแต่เมื่อไรก็เท่านั้น ส่วนทางฝั่งลำปาง แน่นอนว่าพวกเขาเป็นรองแบบสุดกู่

อีกทั้งต้องมาเยือนในเกมที่เจ้าถิ่นโฟกัส 3 แต้ม ฉะนั้นไม่ว่าจะมองมุมไหน หรือรถม้ามรกตจะอุดประตูแน่นแค่ไหนก็ตาม ปราสาทสายฟ้าจะเผด็จศึกได้ เผอๆทีมเยือนอาจเป็นสนามอารมณ์สำหรับเจ้าบ้าน สำหรับการระบายแค้นจากเกมล่าสุด ซึ่งสกอร์อาจไหลได้หากความเดือดดาลทะลุปรอท   

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover