Categories
ข่าวกีฬา

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

แต้มต้องมีฝันต้องเป็นจริง เชียงใหม่ยูไนเต็ดในท็อปลีกสุดมันส์ที่นี่

เชียงใหม่ยูไนเต็ด กับฝันที่ต้องเป็นจริง ที่หวังแบ่งแต้ม กับสุดยอดแห่งทีมบุรีรัมย์ ในเกมยกทัพเยือน สะเทือนลีกครั้งนี้

นับว่าเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งกับทัพนักเตะ ทีมขุนพลคุณภาพช้างเผือก เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่มีการคุมทีมโดยมาดาม ออม ศรีโสภา​ โกฐคำลือ​ ในฐานะผู้นำทีมประจัญบาน ผู้จัดการทีมเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ได้มีการปล่อยตัวทีมงานนักเตะ เดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเวียตเจ็ท  ปลายทางเป้าหมายต่อไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ สังเวียนอันสุดท้าทายเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเตรียมความพร้อมของทีม ในการทำศึกไทยลีก 2021 – 22 นัดที่ 3 ของทีมในวันเสาร์ที่ 18 กันยายนนี้ กับเสียงยืนยันหนักแน่นว่าความพร้อมของทีมช้างเผือก มีความฟิตเต็มร้อย พร้อมบวกไม่ว่ากับทีมใดก็ตามที

แม้ความสำเร็จยังไม่สูง แต่ปูทางสู่ความมันส์ และอนาคตที่สุดใสได้อย่างแน่นอน

จากผลงานที่ผ่านมา เจ้าทีมเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่หลายคน เฝ้าจับตารอดูอยู่ไม่น้อย คงนับเป็นหนึ่งในน้องใหม่แห่งลีกที่มีการแข่งขันสูงสุดเมืองไทย จากการเริ่มคุมบังเหียน โดยโค้ชอั๋น สุรพงษ์​ คงเทพ​ แม้ว่าผลงานที่ผ่านมา ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจมากนักเนื่องจาก ลงสนาม 2 นัด กับมีเพียง 1 แต้ม แต่ถึงกระนั้นก็นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจับตาดูเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมา นั้นเป็นหนึ่งในเกมที่ชิงไหวชิงพริบกันเป็นที่สุด เนื่องจากการแข่งขันนัดแรก เปิดบ้านแพ้ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด 1 – 2

และนัดที่ 2 ยังบุกเสมอสุพรรณบุรีเอฟซี 2-2 อย่างสนุก จึงได้พอที่จะแบ่งแต้มมาให้แฟนบอลได้ชื่นใจกันบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นฟอร์มในการเล่น ที่เจ้าตัวเองก็พอใจในระดับหนึ่ง และเชื่อได้ว่าการพัฒนาไปข้างหน้า จะเกิดขึ้นได้อย่างพุ่งกระฉูดเป็นแน่ แท้เลยทีเดียว

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

คำมั่นสัญญาคว้าชัยกลับไปฝากชาวเหนือ

ยอดแห่งทีมภาคเหนือ ช้างเผือก ยูไนเต็ด สุรพงษ์ คงเทพ ได้มีการกล่าวกับคอบอล ที่คอยเชียร์ไว้ว่า แม้ว่าการเข้ากำศึกในบุรีรัมย์ครั้งนี้ นับว่าเป็นปราสาทที่แข็งแกร่ง และเป็นเกมที่ยากยิ่ง แต่ขอให้คำมั่นว่าการเดินทางไกลในครั้งนี้ ทางทีมงาน และนักเตะทุกคนมีใจเกินร้อย พร้อมคว้าแต้ม คว้าชัย ไปฝากพี่น้องสโมสรอันเป็นที่รักชาวเชียงใหม่ และชาวเหนือทุกคนอย่างแน่นอน นี่เป็นคำมั่นสัญญา ซึ่งแน่นอนว่าในลีกแห่งนี้มีความสนุกให้ทุกคนได้ติดตามเป็นแน่แท้

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

เปิดตารางทำการ ฟาดแข้ง ช้างเผือก ปะทะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 สำหรับโปรแกรมของทีมช้างเผือก เชียงใหม่ ที่จะมีการเริ่มทำศึกไทยลีก 2021 – 22 นัดที่ 3 ด้วยการบุกไปเยือนปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นที่ สนามช้างอารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์อย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 18 กันยายน 64 เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป โดยสามารถติดตามความมันส์ได้ในการถ่ายทอดสด ทางช่อง PPTV HD 36 และช่อง AIS Play

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

สรุป

คู่นี้นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Match ที่น่าติดตาม และเชียร์กันอย่างติดขอบสนาม เพราะเจ้าถิ่นอย่างบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ต้องให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นแน่ ส่วนแต้มที่จะได้ไป ใครจะแบ่งได้เยอะกว่ากัน นั่นก็ยังไม่มีคำตอบ ร่วมเชียร์ และชมพร้อม ๆ กันได้เลยในวันเวลาดังกล่าว สำหรับคอบอลชาวเหนือ และเสีอจ้าวถิ่นอย่างบุรีรัมย์แล้วห้ามพลาดกันเลย

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com https://www.facebook.com/Sport-lover-101626538901960

Categories
ข่าวกีฬา

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (แข้งเทพ)

“บอดโทษทำเจ๊า” บียู พลาดโทษท้ายเกม จึงได้แค่เจ๊า การท่าเรือ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 2 ของฤดูกาล ในคู่ของวันอาทิตย์ อีกหนึ่งในเกมบิ๊กแมตช์อยู่ที่สนามธรรมศาสตร์รังสิต ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดรังพบกับ การท่าเรือ เอฟซี สำหรับผังการเล่น เจ้าบ้านมาในระบบเดิม คือ  4-3-3 ขณะที่ทีมเยือนปรับมาเป็น 4-4-2

          ทั้ง 2 ทีม ต่างเล่นด้วยความรัดกุม โดยทางฝั่ง บียู มีสปีดการต่อบอลที่ช้า แล้ววันนี้มาเจอกับแนวรับที่ยืนได้แน่นและไม่เปิดช่องว่างเลย ทำให้เกมบุกดูตันๆไป ส่วนการท่าเรือ ได้ทำเกมบุกในลักษณะโต้กลับ แต่ก็ไม่สามารถสร้างจังหวะเข้าทำได้ในทันที เพราะแนวรับของเจ้าบ้านยืนประกบชิดจนพลิกบอลยาก ทำให้แนวรุกของสิงห์เจ้าท่า ต้องจ่ายย้อนแล้วต่อบอลกับถ่ายเปลี่ยนแกนเร็วเข้าสู้

          ประตูขึ้นนำ 0-1 ของการท่าเรือ มาจากความผิดพลาดของ ทอมเบียรห์ ที่เสียเหลี่ยมแบบหมดรูป แล้วซัวเรส จ่ายไซร์กก้อยให้ โบนีญ่า จบสกอร์ ซึ่งนี้เป็นโอกาสเหน่งๆครั้งแรกของทีมเยือนแล้วได้ประตูเลย จากนั้น บียู ก็เอาคืน ด้วยการเลี้ยงหลบจนคู่แข่งจนหลังหัก แล้วยิงเสียบเสาไกลเป็น 1-1 โดยการตัดสินใจที่จะเลี้ยงฝ่าในจังหวะนั้นอาจเป็นสิ่งที่ควรลองบ้าง เพราะการต่อบอลตลอด 45 นาทีแรก มันไม่สามารถนำไปสู่การจบสกอร์ได้

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

          ครึ่งหลัง การท่าเรือ ยังเล่นเกมรับได้ดีเหมือนเดิม ส่วนเกมรุกจะพยายามทำเร็วด้วยการวางบอลไปยังพื้นที่ริมเส้น จากนั้นจะเล่นไม่กี่จังหวะแล้วจบสกอร์ กระนั้นมันก็ยังไม่ค่อยใกล้เคียงกับการได้ประตู ขณะที่บียู ปรับแผนการเคลื่อนที่ การวิ่งนำทาง จ่าบอลไปข้างหน้า ไม่ออกข้างหรือคืนหลังถ้าไม่จำเป็น ซึ่งในลักษณะที่ว่ามานี้มันช่วยให้เกมบุกของแข้งเทพไหลลื่นขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากนัก เพราะแนวรับของทีมเยือนไม่เปิดแผลให้ อย่างไรเสียในช่วงท้ายเกม ความผิดพลาดแบบเจตนาก็ช่วยหนุนนำให้ บียู มีโอกาสขึ้นนำจากจุดโทษ แต่ เฮแบร์ตี้ ดันยิงไม่มุมพอ ทำให้จบเกมด้วยการเสมอกันไป 1-1   

          ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม วันนี้เป็นเกมระดับคุณภาพ เพราะความผิดพลาดเล็กนิดเดียว มีผลถึงการเสียประตู หรือการฉวยโอกาสเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถช่วยให้ทีมได้ประตูเช่นกัน แต่หากเจาะลึกเฉพาะทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เล่นเกมรับได้รัดกุมดี แต่ความผิดพลาดครั้งเดียว ส่งผลร้ายถึงขั้นเสียประตู ขณะที่เกมรุก มีสปีดบอลที่ช้าเกิน ทำให้การเจาะแนวรับคู่แข่งดูตันๆในครึ่งแรก แต่พอครึ่งหลังมีการปรับสปีดและแท็กติกการเคลื่อนที่ มันก็ช่วยให้เกมไหลลื่นขึ้น ขณะที่การท่าเรือ เอฟซี เกมรับทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ผิดกับนัดแรกที่พลาดบรรลัย ซึ่งการยืนป้องกันอย่างดีแบบนี้ ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญให้ทีมมีแต้ม ส่วนเกมรุก การสร้างโอกาสมีน้อยไปสักหน่อย แต่กระนั้นเมื่อมีโอกาสทอง ก็สามารถลงโทษได้ดี

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

เชียงราย ตาม 2 หน แต่ได้โทษพลิกดับโคราช 3-2

ตาม 2 หน แต่พลิกชนะ” เชียงราย ตาม 2 หน แต่ได้โทษพลิกดับโคราช 3-2 แบบสุดดราม่า

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 2 ของฤดูกาล ในส่วนนี้จะพาไปดูเกมที่สิงห์ สเตเดี้ยม สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในฐานะเจ้าบ้านและมีแฟนบอลเข้ามา 25 % ของความจุ รับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ในนัดแรกโดนน้องใหม่เผาเครื่องมา สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านเปลี่ยนมาใช้ระบบ 3-5-2 ขณะที่ทีมเยือนก็ปรับมาเป็น 4-3-3

          ในช่วงต้นเกม เชียงรายมีปัญหากับการต่อบอลจากหลังสู่กลาง ที่ค่อนข้างช้าและไม่แม่นยำ ทำให้หลายครั้งต้องสาดยาวไปข้างหน้า โดยเมื่อบอลอยู่ในแดนคู่แข่ง แนวรุกของกว่างโซ้งมหาภัยจะต่อบอลได้อย่างไหลลื่น แล้วเมื่อไรที่จังหวะได้และช่องเปิดก็ยิงทันที อย่างไรเสียด้วยความผิดพลาดของการเสียบอลหน้าบ้านและการป้องกันที่ยังดูไม่เข้าที่ ก็มีผลให้ นครราชสีมา ลงโทษด้วยประตูขึ้นนำ 0-1  จากนั้นโคราช เหมือนจะถอนคันเร่ง เพราะแทบจะไม่มีโอกาสบุกอีกเลย

เพราะในอีก 30 นาทีกว่าๆที่เหลือ เจ้าบ้านอย่างเชียงราย ครอบครองไว้ฝ่ายเดียว ขาดเพียงความเฉียบคมที่ยิงทิ้งทิ้งขว้างไป กระนั้นในช่วงท้ายครึ่งแรกก็มาได้จุดโทษและลูกตีเสมอ 1-1 จากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูอย่าง ธณชัย หนูราช ที่ออกมาป้องกันแล้วดันเอามือไปรวบขา เอกนิษฐ์ แต่อย่างไรเสีย เจ้าบ้านดีใจได้ดีนาทีเดียว เพราะทันทีที่โคราชเขี่ยบอล ก็สามารถพาบอลมาถึงหน้าบ้านคู่แข่งแล้วจบสกอร์ตุงตาข่าย ทำให้การตีเสมอของเชียงราย เมื่อสักครู่ แทบจะไร้ผล      

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

เกมในครึ่งหลัง โคราช ถอนตัวไปรับแน่น แต่เมื่อนานๆเข้ามันเสมือนกับการรอโดนยิง เพราะผู้เล่นของสวาทแคท ไล่แต่บอลจนเสียพลังงาน โดยไม่สามารถเอาบอลมาครองเพื่อฆ่าเวลาหรือพักหายใจได้ อีกทั้งการไม่เพรสซิ่งแดนบนก็ยิ่งทำให้การโจมตีเข้ามาถึงแดน 3-4 ได้เร็ว สุดท้ายจังหวะบอลที่แฉลบมาเข้าทาง ศิวกร ก็กลายเป็นประตู 2-2

ซึ่งในเวลาที่เหลือน้อยนิด ลูกทีมของโค้ชโจพยายามจะบุกบ้าง แต่มันก็สายเกินไป เพราะการถอนคันเร่งไปเป็นเวลานาน มันมีผลให้จังหวะการเข้าทำขาดความปะติดปะต่อ แล้วในช่วงทดเวลาก็ยังมาโชคร้ายเสียจุดโทษและเป็นระตูพลิกแซงของ เชียงราย 3-2

          ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มีปัญหาให้เห็นในเกมรับ ได้แก่ การยืนตำแหน่งที่ดี การตามประคู่แข่ง รวมถึงการขึ้นบอลที่เสียง่ายเกินไป ส่วนเกมรุกแม้จะยิงได้ถึง 3 ประตู แต่ก็ยังปรากฏภาพของการจบสกอร์เหน่งๆที่พลาดเป้า ขณะที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ออกสตาร์ทเกมนี้ได้ดี แต่การถอนคันเร่งทุกครั้งที่นำ มันต้องมีแผนที่รัดกุมกว่านี้ เพราะจากภาพที่เห็นจากเกมนี้ เมื่อไรที่โดนกดนานๆก็จะเริ่มยวบลงและเสียประตู    

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com    

Categories
ข่าวกีฬา

ชลบุรี นำห่าง 0-3 แต่เมืองทองรัว 3 เม็ดใน 20 นาที

“20 นาทีแรก” ชลบุรี นำห่าง 0-3 แต่เมืองทองรัว 3 เม็ดใน 20 นาที จนจบเจ๊า 3-3 แบบดราม่า

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 2 ของฤดูกาล ในส่วนของวันอาทิตย์ มีเกมโคตรบิ๊กแมตช์รออยู่ที่ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฐานะเจ้าบ้าน เปิดรังพบกับคู่แค้นร่วมชาติอย่าง ชลบุรี เอฟซี สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม กิเลนผยองมาในระบบเดิม คือ 4-1-4-1 ขณะที่ฉลามชลปรับมาเป็น 4-4-2 แบบไดม่อน

          เกมการแข่งขันในครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีม ต่างใช้การบีบและเพรสซิ่งกันตั้งแต่กลางสนาม แต่หากให้เจาะลึกลงไปจะพบว่า เมืองทอง ออกอาการมากกว่า กล่าวคือ เมื่อเจอการบีบและเพรสซิ่งมักจะเสียบอลง่ายๆ ทำให้ผู้ที่เสียบอลยากกว่าอย่าง ชลบุรี สามารถต่อบอลขึ้นมาได้น่าหวาดเสียว กระทั่งมาได้ประตูนำ 0-1 ซึ่งในจังหวะนี้ต้องติงไลน์แมนที่ยกธงในจังหวะก่ำกึ่ง กระนั้นก็ต้องโทษผู้เล่นในแนวรับของเมืองทอง ด้วย ที่เลือกจะหยุดชะงักทั้งที่ไม่มีเสียงนกหวีด

เมืองทอง ยูไนเต็ด
เมืองทอง ยูไนเต็ด

          เกมในครึ่งหลัง เมืองทอง ยังแสดงความผิดพลาดแบบเดิมๆ แล้วเพิ่มเติมคือผิดพลาดหนักกว่าในครึ่งแรก โดยลูก 0-2 ต้องยอมเพราะความสุดยอด แต่ลูก 0-3 แนวรับกิเลนผยองยืนหลวม ไม่ตามประกบ ได้แต่เคลียร์ทิ้งและเก็บบอลจังหวะ 2 ไม่ได้ ทำให้การกดซ้ำไปซ้ำมากลายเป็นประตู 0-3 กระนั้นการผ่อนเกม

และการเปลี่ยนตัวที่ไม่สามารถทดแทนตัวจริงได้ มันได้กลายเป็นผลให้เกมของชลบุรี มีความหละหลวมในการประกบตัวจนโดนยิงไล่มา 1-3 จากนั้นฉลามชล ก็เริ่มออกอาการเมาหมัดในเกมรับ แล้วมาโดนลูก 2-3 ส่วนจุดโทษและประตูตีเสมอ 3-3 จังหวะนี้ผู้ตัดสินผิดพลาด เพราะโดนบอลก่อนและไม่ยอมเช็ค VAR

          บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้ต่ำว่ามาตรฐานราว 70 นาที แต่การเปลี่ยนตัวได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เพราะลงมาแล้วสามารถยกระดับเกมได้ ในขณะที่คู่แข่งเปลี่ยนแล้วแย่ลง ทำให้ในช่วง 20 นาทีที่เหลือ กิเลนผยองสามารถยิงไล่มาได้ 2 ลูก ก่อนจะได้ส้มหล่นจาการตัดสินที่ผิดพลาด ฉะนั้นจึงต้องกล่าวว่า  1 แต้ม

ในวันนี้ มาจากการแก้เกม ความมุ่งมั่น และโชคเข้ามาผสม ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี ครองเกมไว้เหนือกว่าและได้สกอร์ที่ต้องการ ทำให้ในช่วง 20 นาที ขอเพียงแค่ประคองให้จบ แต่การผ่อนเกมและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ดันมีผลอย่างใหญ่หลวง เพราะเมื่อเปลี่ยนแล้วทดแทนตัวจริงไม่ได้ แถมยังต้องลงมาเจอกับคู่แข่งในช่วงเวลาที่พีคขึ้นพอดี อีกทั้งยังมาเจอการตัดสินที่ผิดพลาด ทำให้วันนี้กลายเป็นฝันร้ายของฉลามชล  

เมืองทอง ยูไนเต็ด
เมืองทอง ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาลใหม่ ใกล้เปิดฉากแล้วในสัปดาห์หน้า ซึ่งก่อนจะเริ่มการแข่งขัน สิ่งที่ทุกคนล้วนคาดเดาและทำนาย คือ ทีมที่มีโอกาสเป็นแชมป์และตกชั้น โดยจาก 16 ทีม จะมีทีมไหนที่ดูสุ่มเสี่ยงบ้าง วันนี้เราจะไปดูกัน

หนองบัว พิชญ เอฟซี

          หลังจากอกหักมาหลายครั้งกับการเลื่อนชั้น ในที่สุดทัพพญาไก่ชนก็ได้ก้าวขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในฐานะแชมป์ไทยลีก 2 แต่อย่างเสียกุนซือผู้พาทีมได้แชมป์อย่าง น้าฉ่วย ดันแยกทางกับทีมไป ทำให้ต้องไปดึงโค้ชวัง เข้ามาแทน โดยจากคุณภาพของนักเตะและโค้ชมันจัดว่าธรรมดา จนอดห่วงไม่ได้จริงๆว่า หนองบัว ภายใต้การคุมของโค้ชวัง อาจจะไม่ต่างกับตอนที่ทำประจวบเมื่อซีซั่นที่แล้ว ที่ต้องดิ้นรนหนีตายอยู่นานสองนานถึงรอด แถมเลือดตาแทบกระเด็น    

ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ขอนแก่น ยูไนเต็ด

          หลังจากพ้นโทษแบน จงอางผยองต้องไปเริ่มใหม่ในไทยลีก 4 แต่ก็ได้เลื่อนชั้นทุกปี จนระทั่งปีนี้ได้อยู่ลีกสูงสุดอย่างไทยลีก 1 อย่างไรเสียการก้าวขึ้นมาตรงนี้ กว่าจะทำได้สำเร็จก็ต้องดวลเป้ากับ นครปรม ยูไนเต็ด มาแบบสุดระทึก ขณะที่การเตรียมทีมช่วงปรีซั่นไม่ปรากฏให้เห็นถึงนักเตะดาวดัง ส่วนโค้ชก็ใช้บริการ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ซึ่งมันก็ดูเป็นงานหนักของโค้ชโต่ย อยู่เหมือนกัน สำหรับการพาทีมน้องใหม่เผชิญหน้ากับเสือสิงห์กระทิงแรดในลีกสูงสุด ฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องจัดจงอางผยองไว้ในกลุ่มหนีตาย   

ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

โปลิศ เทโร เอฟซี

          การเสียตัวผู้เล่นหลักไป ในขณะที่ตัวเข้ามาทดแทนก็ไม่ได้อยู่ในเกรดเอ อีกทั้งนักเตะเกือบค่อนทีมอยู่ในวัยชราภาพ ทำให้ปีที่ผ่านมาเป็นงานหนักของโค้ชอ้น ในการพาทีมหนีตายแล้วทำได้สำเร็จ แต่สำหรับฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มขึ้น เราก็ยังไม่เห็นมังกรโล่เงินจะอัพเกรดทีม ทำให้หลีกหนีไม่พ้นจริงๆที่จะต้องกลุ่มพวกเขาไว้ในจำพวกทีมหนีตาย   

ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

สุพรรณบุรี เอฟซี

          แม้ว่าสภาพทีมจะย่ำแย่เพียงใด แต่ช้างศึกยุทธหัตถีตัวนี้ก็รอดตายมาทุกครั้ง เพราะขนาดตัวเองตกชั้นไปแล้ว ก็ยังอุตสาห์มีทีมถอนตัว จนทำให้พวกเขาได้เล่นในลีกสูงสุดต่อ แต่กระนั้นมันก็ใช่ว่าพวกเขาจะโชคดีไปเสียทุกครั้ง เพราะในปีนี้อาจถึงคราวของพวกเขาจริงๆแล้วก็ได้ เพราะสภาพทีมมีแต่ลดระดับตัวเองลง แต่อย่างไรเสียหาก อเดบาโย่ พาทีมรอดตายอีกปี ฟุตบอลไทยอาจต้องไปขอวิชาจากกุนซือผู้นี้อย่างจริงจัง เพราะมันไม่เคยมีปรากฏมาก่อน กับสโมสรหนึ่งที่จะรอดตกชั้นแบบฉิวเฉียดหลายปีติดต่อกัน  

ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครคือเต็งที่จะตกชั้นไปจากไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืดในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22 จะเปิดฉากฟาดแข้งในสัปดาห์หน้าแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดฤดูกาลในทุกซีซั่น ทุกคนล้วนแต่จับจ้องไปที่ทีมเต็งก่อน ในขณะที่ทีมม้ามืดจะเป็นที่ฮือฮาก็ต่อเมื่อผลงานพุ่งแรงขึ้นมา โดยจากการสอดส่องและเฝ้าสังเกต ก็มี 4 ทีม ที่เข้าข่ายต่อการเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้      

สมุทรปราการ ซิตี้

          เขี้ยวสมุทรต้องเสียผู้เล่นตัวหลักไปหลายคนในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้หลายคนอดห่วงไม่ได้ว่าจะไหวไหม แต่กระนั้นด้วยความเป็นญี่ปุ่นและสไตล์การทำทีมที่เน้นระบบ โดยไม่พึงซุปตาร์ จึงเชื่อว่า อิชิอิ จะทำทีมให้อยู่ในทรงเดิมและอยู่บริเวณกลางตาราง แต่หากเครื่องร้อนถึงขีดสุดเมื่อไร พวกเขาอาจเป็น 1 ในทีมที่มีลุ้นตั๋วถ้วยเอเชียก็ได้

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ชลบุรี เอฟซี

          ฉลามชลยืนกล้าขาแข็งกับการใช้ตัวเยาวชนของทีมเป็นกกลุ่มผู้เล่นตัวหลัก อีกทั้งการได้โค้ชเตี้ย เข้ามา ก็ช่วยให้ระบบและทีมเวิร์คทำได้อย่างลงตัว แต่กระนั้นเมื่อช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่ผ่านมา การเสริมตัวต่างชาติจัดว่าล้มเหลวสุดๆ ทำให้ผลงานดรอปตามลงไปด้วย อย่างไรเสียในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาได้ตัวต่างชาติจากโคราชถึง 2 ราย นั่นคือ คานยุบ กับ มูริลโล่ ซึ่งการเสริมน้อยแต่เปี่ยมคุณภาพแบบนี้ จึงเชื่อว่าฉลามชลตัวนี้มีสิทธิ์สูงอย่างยิ่งที่จะเป็นม้ามืดของศึกไทยลีก 1

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

          สภาพทีมที่อุดมไปดูตัวเยาวชน อีกทั้งในช่วงปิดฤดูกาลก็ไม่ได้เสริมตัวดังเข้ามา ทำให้สายตาที่เพ่งไปอาจจะน้อย แต่กระนั้นอยากให้ติดตามดูฝีมือของ มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ ที่เป็นกุนซือใหญ่ ซึ่งเมื่อฤดูกาลก่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าการใช้เด็กได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด หากเน้นการเล่นที่เป็นทีม อีกทั้งน่าติดตามว่าตัวต่างชาติที่มีจะช่วยยกระดับทีมได้ขนาดไหน แต่ที่แน่ๆเชื่อว่ากิเลนผยอง ปีนี้ มีลุ้นทำอันดับดีๆ ไม่ร่วงไปตารางอีกเป็นแน่

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

          แข้งเทพจัดเป็นราชาที่ไร้ซึ่งถ้วยรางวัลประดับบารมี เพราะในยุคของมาโน่ เคยมีแต่เกือบในฐานะรองแชมป์ ส่วนการเข้ามาของโค้ชแบน ก็ค่อยๆพา บียู ที่อยู่กลางตาราง ขึ้นมาจบอันดับที่ 5 แบบมีลุ้นตั๋วถ้วยเอเชีย ฉะนั้นในฤดูกาลใหม่นี้ โค้ชแบน ได้ทำทีมแบบเต็มสูบ แถมยังมีตัวมาเสริมอีก ทำให้สามารถมองได้ว่าแข้งเทพในปีนี้ มีสิทธิ์จะเป็นม้ามืดอีกราย ที่ก้าวขึ้นมาท้าทายทีมอื่นในกลุ่มหัวตาราง

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืดในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืดในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน

อุปนิสัยที่โดดเด่นของคนไทย คือ ความโอบอ้อมอารี ความเคารพต่อผู้อาวุโส  และการช่วยเหลือพวกพ้อง หรือจะเรียกในภาษาทางการว่าระบบอุปถัมภ์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนก่อให้เกิดคติหรือแนวทางบ้างอย่าง ต่อการทำทีมฟุตบอลในไทยเหมือนกัน โดยมันจะมีอะไรบ้างและเป็นในลักษณะไหน วันนี้เราจะไปดูกัน

การเป็นพันธมิตรของสโมสรใหญ่ กับสโมสรเล็กในเครือข่าย            หากเป็นสโมสรในต่างประเทศ การจะสร้างพันธมิตรในเชิงฟุตบอลจะต้องเป็นการสร้างพันธมิตรของสโมสรฟุตบอลระหว่างประเทศ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ หรือหากอยู่ในประเทศเดียวกัน ก็จะเป็นในลักษณะการส่งเยาวชนที่อายุยังน้อยจากศูนย์ฝึก มาขัดเกลาฝีเท้ากับสโมสรอาชีพ

แต่สำหรับฟุตบอลไทย การเป็นพันธมิตรระหว่างกันจะเกิดขึ้นระหว่างสโมสรใหญ่ในลีกสูงสุด กับสโมสรเล็กในลีกรอง โดยการสร้างพันธมิตรในลักษณะนี้ของทีมใหญ่ เป็นไปเพื่อให้นักเตะสำรองที่ไม่มีโอกาสสนาม หรือนักเตะเยาวชน ได้มีโอกาสลงสนามผ่านการปล่อยให้ยืมตัว

แต่กระนั้นในบ้างกรณีก็จัดการยกทีมเยาวชนและโค้ชไปเล่นกับทีมเล็ก เสมือนกับการเอาคนเข้าไปอยู่ในบ้านเปล่าๆหลังหนึ่งที่ไม่มีคนเลย ซึ่งหลายครั้งแฟนบอลอยากเรียกกันแบบติดตลกว่าทีมสาขา 2 เช่น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยกนักเตะไปเล่นกับ นครนายก เอฟซี, พัทยา ยูไนเต็ด และอุดรธานี เอฟซี หรือในกรณีของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่มีพันธมิตรอย่าง ราชประชา เอฟซี, ขอนแก่น เอฟซี และเชียงใหม่ เอฟซี

การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน
การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน

เปลี่ยนสีเสื้อและตราสโมสร

          หากเป็นสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศ สีเสื้อเริ่มต้นมาอย่างไร ก็จะใช้สีนั้นไปตลอด แต่ก็อาจมีบ้างที่เปลี่ยน เช่นกับตราสโมสรที่มีสัตว์ สิ่งของใดเป็นสัญลักษณ์ ก็จะใช้ไปตลอด เว้นเสียการปรับปรุงให้ดูทันสมัย แต่สำหรับฟุตบอลไทยแล้ว ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

โดยเฉพาะทีมในลีกรองและรากหญ้า ที่บางทีมเปลี่ยนเฉดสี หรือเปลี่ยนไปเลยตามความชอบ จนไม่สามารถทราบได้แล้วว่าทีมนั้นๆมีสีอะไรเป็นสีหลัก เช่นเดียวกันกับตราสโมสร ที่การเปลี่ยนแปลงมักต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง อาทิ การท่าเรือ เอฟซี ที่เป็นรูปสมอ โลมา สิงโต และม้า

ซึ่งนี่ยังไม่นับสโมสรในลีกรองและลีกรากหญ้า ที่บ้างครั้งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนเกิดความสับสนว่านี่คือทีมน้องใหม่หรือเปล่า

          จากที่นำมาเล่าในวันนี้ มันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงอุปนิสัยที่เป็นราเหง้าของคนไทย ซึ่งมันก็มีข้อดีอยู่ แต่มันก็ตามมาพร้อมกับข้อเสียอีกมากมาย เช่น การทำระบบพันธมิตรแบบทีมใหญ่สนับสนุนทีมเล็ก มันจะทำให้รากของฟุตบอลไทยไม่พัฒนา

ขณะที่ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์สำคัญของทีมบ่อยๆ มันก็จะเป็นการบั่นทอนแฟนบอลจนไม่รู้สึกอินไปกับทีม เหมือนเช่นที่ฟุตบอลต่างประเทศเป็น    

การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน
การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู

ข่าวคราวของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กลับมาเป็นที่สนใจตามหน้าสื่ออีกครั้ง หลังจากสัญญาใกล้จะหมดสิ้นปีนี้ แต่ทำไมยังไม่มีการต่อออกไป ก่อนที่ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไปลงเอยกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว 5 เดือน เสียอย่างนั้น ซึ่งที่มาและที่ไปทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น วันนี้เราจะได้รู้กัน

          ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายมาอยู่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อปี 2018 ด้วยค่าตัว 30 ล้านบาท จาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด โดยการอยู่ในถิ่นลีโอ สเตเดี้ยม ได้รับค่าเหนื่อย 4 แสนบาท อีกทั้งในช่วงที่ทีมตกชั้นลงไปสู่ไทยลีก 2 สโมสรก็ได้ปล่อยยืมไปอยู่ญี่ปุ่น จากนั้นเมื่อกลับมาก็พาทีมคว้าแชมป์ได้ นั่นจึงทำให้เอเย่นต์เข้าไปต่อรองกับสโมสร ว่าต้องการให้นักเตะของตัวเองอัพค่าเหนื่อยเป็น 7-8 แสนบาทต่อเดือน

พร้อมกับค่าเซ็นปีละ 1 ล้านบาท ซึ่งในยามวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ ไม่มีสโมสรไหนจะอัพค่าเหนื่อยเป็น 2 เท่าได้ เพราะตลอดปีที่ผ่านมาไม่มีรายรับเลย ฉะนั้นอย่างดีที่สุด คือ เพิ่มได้ 10-20% จากเงินเดือนเดิม หรือเท่าเดิม ฉะนั้นการที่อยู่ๆเดินเข้ามาแล้วขออัพเป็น 2 เท่า แบบไร้การต่อบอล จึงทำให้ บอสปวิณ หัวเสีย พร้อมกับสั่งให้ขับออกจากทีมชุดใหญ่ทันที

ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู
ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู

การท่าเรือ เอฟซี เป็นอีกสโมสรที่น่าจะจ่ายค่าตัวไหว นั่นจึงทำให้เอเย่นต์เข้าไปเสนอด้วยเรตที่เท่ากัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เพราะค่าเหนื่อยที่มากขนาดนี้ คนจ่ายต้องคิดหนักแน่ เพราะนักเตะที่มีอยู่เดิมก็มากอยู่ นั่นจึงทำให้การหาสโมสรใหม่ล่มลง หรือการจะลดค่าตัวแล้วเดินกลับเข้าไปเจรจาใหม่ มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

นั่นจึงทำให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สนใจในตัว ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เหมือนกัน ได้มีการเจรจาต่อรองกับเอเยนต์ แล้วรีบตกลงรับเงื่อนไข แม้จะให้ค่าเหนื่อยเพียง 4 แสนบาท เพราะถ้าหากปล่อยให้ดีลล่มไปอีก สโมสรที่จะมาจ่ายค่าเหนื่อยให้ อาจเหลือเพียง 2-3 แสนบาทต่อเดือนเท่านั้น

ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู
ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู

จากเคสการย้ายทีมของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ในครั้งนี้ นับเป็นบทเรียนสำคัญของนักเตะไทยทุกคนที่ควรหันกลับมามองว่าฝีเท้าของตัวเองควรอยู่ในเรตไหน อีกทั้งในยามวิกฤตโควิด-19 ก็ควรเห็นใจสโมสร เพราะตลอดปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้เข้ามาเลย

ทำให้การดีลที่ดีและให้เกียรติ คือ ต่อรองว่าของเพิ่ม 10-20%, ขอเท่าเดิม หรือลดเท่าไรก็ว่าไป เพราะถ้าหากยืนข้อเสนอแบบเคสนี้ นอกจากนักเตะจะเสียโอกาส ก็ยังเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของสโมสรอีกด้วย 

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

“น้องใหม่ ประเดิมสวย” หนองบัว ฝ่าสายฝนตบโคราช นิ่มๆ

2-0 ประเดิมไทยลีก

ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 เปิดสนามอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ โดยคู่ประเดิมสนามเป็นดาร์บี้อีสาน ระหว่าง หนองบัว พิชญ เอฟซี น้องใหม่ที่ขึ้นมาในฐานะแชมป์ไทยลีก 2 กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่เมื่อฤดูกาลก่อนโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงสุดๆ สำหรับผังการเล่นที่ขึ้นมา เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือน ปรับมาเป็น 4-2-1-3 หรือ 4-2-3-1 

          ในช่วง 10 นาทีแรก เป็น นครราชสีมา ที่ดูเหนือกว่านิดๆกับการเพรสซิ่งสูงแล้วดักบอลได้ แต่ก็เข้าทำไม่ได้ เพราะแนวรับคู่แข่งยืนปักหลักอยู่เยอะ หรือการขึ้นเกมจากริมเส้น ก็ทำอะไรไม่ค่อยถนัด เพราะถูกตัดฟาวล์อยู่ตลอด แต่ต่อให้ได้เปิดก็ไม่แม่นเสียเอง

ส่วนทางฝั่งหนองบัว ดูจะเป็นรองในช่วงต้น เพราะได้แต่สาดบอลยาวริมเส้น แต่เมื่อเกมผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาสามารถเซตบอลขึ้นมาเปิดได้อย่างสม่ำเสมอ จนเริ่มเห็นช่องในแนวรับของคู่แข่งที่มักเปิดพื้นที่ไว้ กระทั่งเป็นที่มาของทั้ง 2 ประตู ในครึ่งแรก

น้องใหม่ ประเดิมสวย หนองบัว ฝ่าสายฝนตบโคราช นิ่มๆ 2-0 ประเดิมไทยลีก
น้องใหม่ ประเดิมสวย หนองบัว ฝ่าสายฝนตบโคราช นิ่มๆ 2-0 ประเดิมไทยลีก

ครึ่งหลัง โคราช พยายามจะเปิดเกมบุก ด้วยการขึ้นบอลทางริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง แล้วอาศัยการเปิดโด่งเข้าไป แต่ก็มักถูกสกัดและไม่สามารถรองบอลจังหวะ 2 ได้ดีเท่าที่ควร ทำให้คู่แข่งสามารถทำเกมสวนกลับได้ตลอด อีกทั้งการโดนโต้แต่ละครั้งก็เสียเวลาหลายนาที ซึ่งตรงจุดนี้จะส่งผลให้ไม่สามารถกดดันคู่แข่งอย่างต่อเนื่องได้ ส่วนทางฝั่งหนองบัว เกมรับสามารถยืนตำแหน่งได้ดีแบบไม่มีข้อผิดพลาด ขณะที่เกมบุกก็ได้โต้ แต่ความเฉียบคม คือ สิ่งที่หายไป

          ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม หนองบัว พิชญ เอฟซี มาเล่นด้วยแท็กติกยืนรับต่ำและไม่ดันสูง ทำให้เกมโต้กลับที่เป็นของถนัดของคู่แข่งไม่สามารถแผงฤทธิ์ได้ ขณะที่ลูกกลางอากาศก็ไม่อันตรายใดๆ ทำให้ภาพที่ปรากฏ คือ การโขกสกัดไปเรื่อยๆ กระทั่งหมดเวลา ส่วนเกมบุกมีช่องมีโอกาสก็ทำได้ดี แต่น่าตำหนิเล็กน้อย

เพราะในครึ่งหลังมีโอกาสแต่ดันพลาดไป ส่วนทางฝั่งนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี การขาดคานยุบ ไป ทำให้เกมบุกเหลือแค่ด้านข้าง แล้วยิ่งมาเจอกับคู่แข่งที่ยืนรับต่ำ จึงยิ่งเป็นงานยากไปกันใหญ่ พลางจะโยนบอลโด่ง ก็ไร้ประสิทธิภาพ แถมเสียเวลาและโอกาสไปมากมาย โดยเฉพาะในครึ่งหลัง ขณะที่ในแผงเกมรับก็ยืนกันได้รั่วสุดๆ ดังจะเห็นได้จากการเปิดโดนเปิดริมเส้นและการแทงทะลุช่อง ที่มักจะมีเสียวเสมอ แล้วก็มาโดนจริงๆ ซึ่งยังดีที่โดนแค่ 2 ลูก เพราะหากคู่แข่งคมกว่านี้ สกอร์อาจมีไหล   

“น้องใหม่ ประเดิมสวย” หนองบัว ฝ่าสายฝนตบโคราช นิ่มๆ 2-0 ประเดิมไทยลีก
“น้องใหม่ ประเดิมสวย” หนองบัว ฝ่าสายฝนตบโคราช นิ่มๆ 2-0 ประเดิมไทยลีก

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

“ช้างขาวประเดิมชัย” ตราด เปิดบ้านเฉือน นครปฐม แบบเหนือๆ 2-0

ศึกฟุตบอลไทยลีก 2 เปิดสนามคู่ขนานกับศึกฟุตบอลไทยลีก 1 โดยคู่เปิดหัวของลีกรอง อยู่ที่สนามกีฬากลางจังหวัดตราด ตราด เอฟซี ที่พึ่งตกชั้นลงมา พบกับ นครปฐม ยูไนเต็ด ที่ต้องอกหักกับการอดเลื่อนชั้นเมื่อฤดูกาลก่อน สำหรับผังการเล่นที่ขึ้นมา เจ้าบ้านมาในระบบ 3-4-3 ส่วนทางฝั่งทีมเยือนใช้แผน 4-3-3 

          ในช่วงต้นเกม นครปฐม ดูจะสู้ได้ดีกับการเพรสซิ่งสูงเพื่อดักบอล แต่ด้วยความที่คู่แข่งไม่ดันสูง จึงทำให้การโจมตีแบบสายฟ้าแลบต้องจบด้วยการยิงไกลและไม่เข้าเป้า ส่วนอีกอาวุธที่เสือป่าราชานิยมใช้ คือ การเซตบอลจากหลัง แต่การเล่นลักษณะนี้ในแมตช์นี้

มีปัจจัยในเรื่องของฝนที่ตกลงมาก่อนเกม ทำให้การเซตและต่อบอลลดสปีดลง อีกทั้งทีมเวิรค์ก็ไม่ได้มีความเข้าใจอย่างยิ่งยวด ทำให้หลังผ่าน 10 นาที เกมบุกก็ค่อยๆเลือนหายไป ขณะที่เจ้าบ้านอย่างตราด อาวุธไม่หลากหลายเท่า เพราะใช้การขึ้นบอลจากริมเส้นและเปิดไปหน้าประตู ซึ่งมันก็มีความแม่นยำกับการได้โขกอยู่เป็นระยะ

แต่ในขณะเดียวกันคู่แข่งก็มีความพลาด ทำให้ในช่วง 20 นาทีแรก ช้างขาวจ้าวเกาะ ขึ้นนำ 2-0 จากการเปิดแล้วโขก ในขณะที่คู่แข่งตามไม่สุดกับประกบห่าง

ช้างขาวประเดิมชัย
ช้างขาวประเดิมชัย

ครึ่งหลัง ตราด เล่นแบบตามเกมไปเรื่อยๆกับการถอยไปตั้งโซนรับ แต่เมื่อมีโอกาสก็ทำเกมโต้กลับ ขาดเพียงสกอร์ที่ทำไม่ได้ ส่วนทางฝั่ง นครปฐม พยายามจะเซตเกมบุกจากหลัง แต่ด้วยปัจจัยด้านสนามที่ไม่อำนวย ทำให้สปีดของบอลช้าลงจนต้องเล่นช็อตแก้ไข

แล้วเสียบอลไปบ่อยๆ กระทั่งขาดความต่อเนื่องในการกดหัวคู่แข่ง นอกจากนี้ทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ ฟรีคลิก หรือการเล่นลูกกลางอากาศ เสือป่าราชาไม่ค่อยมีทีเด็ด ทำให้อาวุธที่จะเอาไปทวงประตูคู่แข่งไม่มี สุดท้ายสกอร์จึงไม่เกิด

          ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ตราด เอฟซี ลงมาเล่นในลีกรอง เกมรับดูนิ่งและแน่น แต่กระนั้นยังไม่สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะคู่แข่งไม่มีประสิทธิภาพเอง ส่วนเกมบุกมีเพียงแค่การเปิดบอลยาวใส่ ซึ่งมักอาจจะไม่สวยงาม แต่เมื่อทำแล้วแม่นยำและเกิดผล

ฉะนั้นจึงว่าอะไรไม่ได้ ขณะที่ นครปฐม เอฟซี การรวมตัวฝึกซ้อมไม่นานมันเห็นผลชัดเจน เริ่มจากเกมบุกที่ดูขาดๆเกิน ทำให้จังหวะชะงักไปหมด แล้วยิ่งมาเจอกับสภาพสนามแบบนี้จึงยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนเกมรับ ทีมเวิร์คและการแบ่งหน้าที่เพื่อประกบตัวมีความผิดพลาดให้เห็นบ้าง แล้วมันดันเป็นช่องว่างให้คู่แข่งลงโทษพอดี

ช้างขาวประเดิมชัย
ช้างขาวประเดิมชัย

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com