Categories
ข่าวกีฬา

“ร่วงทีมแรก เพราะเสริมหน้าไม่เสริมหลัง”  

สรุปผลงาน เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

หลังจากสร้างปรากฏการณ์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในถ้วยช้างเอฟเอ คัพ เมื่อครั้งยังอยู่ลีกรอง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ได้สร้างผลงานชิ้นโบว์อีกอย่าง คือ การไต่ขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดด้วยระยะเวลาอันสั้น กระนั้นการเล่นลีกสูงสุดปีแรกของทัพช้างเผือกก็ไม่ได้สวยหรูอย่างใจคิด เพราะด้วยศักยภาพของนักเตะที่เป็นรองทีมอื่นๆ ทำให้ผลงานจมโซนแดงตั้งแต่เริ่มต้นยันจบเลกแรก

      เชียงใหม่ มีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยราว 10 คะแนน นั่นจึงทำให้บอร์ดบริหารได้จัดการเสริมทัพนักเตะ ด้วยการยืมแนวรุก 2 ตัวจาก ลีโอ เชียงราย มาร่วมทีม คือ บิลล์ โรซิม่าร์ กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา มาช่วยทำเกมบุกเพราะตลอดเลกแรกที่ผ่านมา เกมรุกเข้าขั้นฝืดและยิงใครไม่ค่อยได้ กระทั่งกลายเป็นอีกสาเหตุที่พวกเขาเก็บแต้มไม่ค่อยได้

ทันทีที่เลก 2 เปิดฉาก เชียงใหม่ ก็ยังคงอาการเดิมกับการเสียประตูและพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป ทำให้ ไอตัน เลือกไขก๊อกลาออกไป ก่อนที่โค้ชจั๊บ สุรชัย จิระศิริโชติ จะขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชแทน พร้อมกับพาทีมคว้าชัยเหนือ สมุทรปราการ และการท่าเรือ ซึ่งตรงจุดนั้นทำให้ช้างเผือกมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นและมีหวังที่จะอยู่รอด แต่ด้วยความผิดพลาดก่อนตลาดปิดที่ไม่เสริมกองหลัง มันก็กลายเป็นผลให้ทีมต้องเสียประตูแทบทุกนัด แม้เกมรุกจะน่ากลัวและยิงได้เกือบทุกนัดก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้เพราะเสียประตูเยอะกว่า กระทั่งนัดที่เสมอกับ เชียงราย 0-0 พวกเขามีอันต้องตกชั้นอย่างเป็นทางการ

      การก้าวขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดและตกชั้นกลับไปอย่างรวดเร็วของ เชียงใหม่ มันมีความน่าเสียดายเกิดขึ้น เพราะในเรื่องของงบประมาณพวกเขาไม่ขัดสน แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและเป็นสาเหตุที่ทำให้ตกชั้น คือ การเสริมตัวผู้เล่น โดยในเลกแรกพวกเขาผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง กับการเสริมตัวผู้เล่นเก่งๆเพื่อมาช่วยตัวที่อยู่กับทีมมานานตั้งแต่ลีกรอง ทำโอกาสแก้ตัวก่อนเปิดเลก 2 จำเป็นต้องเสริมอย่างเต็มที่และเพียงพอ

แต่สิ่งที่ปรากฏ บอร์ดบริหารเลือกเสริมตัวผู้เล่นเพียงครึ่งเดียว คือ เสริมกองหน้า แต่ไม่เสริมกองหลัง ทำให้เมื่อทีมต้องลงแข่ง ความสมดุลจึงไม่มีเพราะเกมรับพร้อมจะเสียประตูตลอด ส่วนเกมรุกแรกๆก็ยิงได้เรื่อยๆ แต่เมื่อยิงเท่าไรทีมก็ไม่ชนะ ความท้อแท้หมดกำลังก็เกิดขึ้น สุดท้ายผลงานจึงเป็นอย่างที่เห็น นั่นคือ การกลับไปเริ่มต้นในไทยลีก 2 เป็นทีมแรก

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“องค์ประกอบไม่ดี เกือบเอาตัวไม่รอด”

สรุปผลงาน ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

นับตั้งแต่ ราชบุรี ก้าวขึ้นสู่ไทยลีก 1 เมื่อฤดูกาล 2013 ปีที่แล้วถือเป็นจุดสูงสุดของสโมสรกับการไปลุย ACL รอบแบ่งกลุ่ม จากการจบอันดับ 4 ในเลกแรกของฤดูกาล 2020/21 แต่เหตุไฉนในเลกแรกของฤดูกาลนี้ ราชันมังกรกลับแปลงร่างเป็นงูดิน กับผลงานสุดดำดิ่งจนจ่อพื้นที่โซนแดง

      ในช่วงที่ ราชบุรี มีฟอร์มอันโหดเหี้ยม ตัวแปรที่สำคัญคงหนีไม่พ้นการมี 3 ประสานตัวรุกชาวต่างชาติอย่าง ล็องจิล, คาราบูเอ้ และ โบลี่ แต่เมื่อ 2 รายหลังมีอันต้องย้ายทีมไป ราชันมังกรกลับไม่สามารถหาตัวแทนได้ ดังจะเห็นได้จาก 6 เกมใน ACL ที่ประสิทธิภาพการทำประตูไม่มีความอันตรายอีกแล้ว จนเมื่อเกมลีกเริ่มออกสตาร์ท การได้ แดร์เลย์ อาจเป็นดีลที่ดี แต่ปัญหาใหญ่ คือ กองกลางที่ไม่สามารถคุมจังหวะ คุมเกม และแจกจ่ายบอลไปให้แนวรุกได้ กระทั่งหน้าเป้าต้องรับบอลจากด้านข้างหรือบอลจังหวะเก็บตกเป็นหลัก ส่วนในแผงกองหลัง การจับคู่กับของ ปวีร์ และ ปวีณวัช ถือเป็นหายนะของทีมอย่างแท้จริง เพราะทั้ง 2 ต่างเชื่องช้าตามหุ่นที่ปรากฏ อีกทั้งยังเฟอะฟะผิดพลาดง่ายๆ กลับกันมันเป็นการแจ้งเกิดแก่ กัมพล ที่ต้องออกแรงเซฟช่วยทีมเกือบทุกนัด

ทันทีที่ออกสตาร์ทเลก 2 ราชบุรี ปรับเปลี่ยนผู้เล่นเพียงเล็กน้อย และตัวกุนซือใหญ่ยังเป็น สมชาย ไม้วิลัย ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่ากังวล เพราะสภาพทีมไม่มีความสมบูรณ์ อีกทั้งอันดับก็ไม่ห่างจากโซนแดง กระทั่งหลังเกมที่เปิดบ้านพ่าย เมืองทอง ในสภาพที่ทีมเยือนมีผู้เล่นติดโควิดค่อนทีม มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้บอร์ดบริหาร ต้องทำปรับตำแหน่งกุนซือ ด้วยการไปดึง บรูโน เปไรร่า กุนซือชาวโปรตุเกส เข้ามาคุมทีม โดยในช่วง 5 นัดแรกในลีก เก็บแต้มมากขึ้น พ่ายแพ้น้อยลง ทำให้อันดับขยับมาอยู่กลางตาราง แต่เมื่อหมดช่วงโปรโมชั่น ผลงานของราชันมังกรก็กลับมาเหมือนเดิม กระนั้นด้วยบุญเก่าที่เก็บสะสมมา มันก็ช่วยให้พวกเขาจบเหนือโซนแดง 6 แต้ม

      การจบอันดับ 12 ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี คงไม่ต้องสืบว่าหลุดจากเป้าหมายไปมากขนาดไหน โดยปัจจัยที่นำมาสู่ฤดูกาลอันแสนสาหัสนี้ คงจะไล่ตั้งแต่การเสริมตัวต่างชาติในแนวรุกที่ทนแทนตัวเก่าไม่ได้ การมีเกมรับเป็นจุดอ่อนและไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายการเปลี่ยนโค้ช คือ ไพ่สุดท้ายที่ราชันมังกรใช้ แล้วยังดีที่มันได้ผลอยู่บ้าง มิเช่นนั้นพวกเขามีสิทธิร่วงลงไปลีกรองเป็นแน่

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

ภาพรวม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

ในเลกที่ 2 ของฤดูกาลก่อน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ได้รับการยกย่องว่าเป็นทีมที่มีฟอร์มแรงที่สุด เพราะจากกำลังหนีโซนแดง อยู่ๆก็กระโดดขึ้นมารั้งอันดับกลางตารางแบบหน้าตาเฉย ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลงานไฉไลขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นการเสริม จีดี้ คานยุบ ที่เมื่อเข้ามาแล้วสามารถเชื่อมเกมจากหลังสู่หน้าให้ใกล้เหมือนปากซอยได้อย่างแนบเนียน รวมถึงนักเตะรายอื่นๆที่ผลงานโดดเด่นขึ้นมา ทำให้ทันทีที่ฤดูกาลจบลง ทีมคู่แข่งต่างเข้ามารุมและแย่งตัวเก่งของพวกเขาออกไป

      นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ต้องเสีย ชิดชนก ไปให้กับ บีจี ปทุม พร้อมกับ คานยุบ และ มูริลโล่ ให้ ชลบุรี ซึ่งใน 2 รายหลัง ถือเป็นความเสียหายขั้นรุนแรง พร้อมกับงานที่ท้าท้ายว่าจะเอาใครมาแทน โดยสุดท้ายบอร์ดบริหารได้จิ้มไปที่ของนอกอย่าง คาเม่ คาริคารี่ กับ มาร์โค ซาฮาเน็ค และ ควาเบนา อัปเปียห์-คูบี แต่กระนั้น ความหวาดหวั่นถึงการตกชั้นก็ยังมีอยู่ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าตัวต่างชาติที่เข้ามาใหม่ จะเป็นของจริงและเล่นได้หรือเปล่า

คำกล่าวของโค้ชโจ ที่นิยามทีมของตัวเองว่าเป็นดีเซลเครื่องร้อนช้า ถือเป็นเรื่องจริงตามเนื้อผ้า เพราะในช่วงต้น แม้ผลงานจะไม่แย่ แต่ทรงบอลและฟอร์มการเล่นยังไม่น่าประทับใจ โดยเฉพาะ คาริคารี่ ที่ดูปรับตัวไม่ได้ และส่อแววจะไปไม่รอดกับทีม กระนั้นเมื่อผ่านไปครึ่งทาง ดาวยิงชาวกาน่า ก็เริ่มระเบิดฟอร์มด้วยการถล่มประตูในทุกๆนัดที่ลงสนาม กระทั่งกลายเป็นขวัญใจคนใหม่และช่วยทีมเก็บแต้มแบบรัวๆ อย่างไรเสียปัญหาในเกมรับ ก็เริ่มจะเห็นได้ว่าการใช้แบ็คโฟร์แบบไทยล้วน ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของแนวรุกต่างชาติได้ แล้วมันได้กลายเป็นปัจจัยให้ทีมเสียประตูเยอะ ส่วนผลงานแบบภาพรวม โคราชเป็นทีมที่ไม่ได้จุดแข็งในบ้าน แต่จะเป็นทีมที่เผด็จศึกคู่แข่งที่วรรณะต่ำกว่าได้ตลอด ตรงกันข้ามหากเป็นทีมใหญ่ สวาทแคทมักตาเรียบแบบไม่เหลือซาก  

      หากเทียบผลงานเลกแรกของฤดูกาลนี้ กับฤดูกาลก่อน ยังไงเสียผลงานของฤดูกาลนี้ย่อมกินขาด แต่หากไปเทียบกับครึ่งปีหลังของฤดูกาลก่อน อาจจะไม่โหดเหี้ยมเท่า กระนั้นบอร์ดบริหารก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเราได้เห็นถึงการเสริมนักเตะต่างชาติในแผงกองหลัง พร้อมกับโละตัวต่างชาติที่ไม่เข้ากับระบบออก อีกทั้งยังเสริมโควตาเอเชียอย่าง ชินทาโระ ที่คาดหวังว่าจะมาสร้างตำนานบทใหม่ เหมือนที่ คานยุบ เคยทำไว้ กระนั้นสิ่งที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ต้องภูมิใจ คือ นับจากนี้ไม่ต้องมองหลังถึงการหนีตาย อีกทั้งยังสามารถมีลุ้นทำอันดับให้สูงกว่าฤดูกาลที่แล้วได้   

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

การปรับเปลี่ยนนโยบายทีมที่เน้นใช้เด็ก แล้วมีการดึงอดีตตำนานของทีมอย่าง มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ เข้ามาทำทีม มันก็มีผลให้อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มีผลงานที่น่าตื่นตาและจบอันดับครึ่งบนของตาราง หลังจากทีมอยู่ในสภาวะซบเซามา 2-3 ปี

      ก่อนเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการเสริมตัวผู้เล่นไทยเพียงไม่กี่คน อีกทั้งการเสริมก็ไม่ใช่บิ๊กเนมอะไร เพราะด้วยแนวทางของโค้ชนั้นชัดเจนว่าต้องการใช้เด็กและเน้นทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมันก็สะท้อนผ่านไลน์อัพ 4-1-4-1 ที่จะใช้แบบนี้แทบทุกเกม เว้นเสียแต่วันไหนตัวเล่นขาดจริงๆ

      การออกสตาร์ทของ เมืองทอง อาจจะดูตะกุตะกะ เพราะมีชนะ เสมอ แพ้ วนๆกันไปตามประสาทีมเด็ก กระนั้นหากให้จำแนก เกมในบ้านค่อนข้างเหนียวและไม่แพ้ใครง่ายๆ อีกทั้งยังเก็บ 3 แต้มได้บ่อย ส่วนการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ก็แล้วแต่ขนาดของทีมคู่แข่ง โดยหากเป็นทีมใหญ่ ก็จะแพ้ตามเชิง แต่สกอร์ไม่ขาด ขณะที่ทีมขนาดกลางและเล็ก จะมีเพียงเสมอกับชนะ

การลงเล่นตลอดเลกแรกของ เมืองทอง จะมีจุดเด่นตรงที่การเล่นบอลกับพื้น โดยการเคาะบอลจะเริ่มจากหลังบ้านและค่อยๆขึ้นมาทีละแดน จากนั้นพอถึงแดนคู่แข่ง ก็ขึ้นเกมบุกทางริมเส้น นั่นจึงทำให้คู่แข่งมักแก้ลำด้วยการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่หน้าประตูของเมืองทอง แล้วในหลายๆมันก็ได้ผล จนกิเลนผยองออกบอลไม่ได้และต้องเสียประตู นอกจากนี้ จุดอ่อนของทีม คือ กองหลัง โดยเฉพาะ ชาติชาย ที่เป็นบ่อน้ำมันของแนวรับเกือบทุกนัด หรือต่อให้เอา เบาลินี่ ลงมา ก็เชื่องช้าและไม่ทันคู่แข่ง ส่วนเกมรุก ดูเหมือนจะมีแต่ปีกและขาดหน้าเป้าที่เป็นตัวสกอร์แบบธรรมชาติ

      ผลงานของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อจบเลกแรก อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยการมี 25 คะแนน ซึ่งมันถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งด้วยระยะห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูงเพียง 7 คะแนน มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีลุ้นติด 2 อันดับแรก สำหรับการไปลุยถ้วยเอเชีย ฉะนั้นบอร์ดบริหารจึงไม่รีรอและจัดการตามหาแข้งต่างชาติมาเสริมทีม เพื่อลบจุดอ่อนและเติมทีมให้ฟัดเหวี่ยงกับเหล่าทีมหัวตารางได้ สุดท้ายจึงจัดการคว้ามาได้ 2 ตัว คือ แกรนเบิร์ก แนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน ซึ่งจะเข้ามาผลึกกำลังกับ โรช่า และ อานิเยร์ กองหน้าตัวเป้าจากเอสโตเนีย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

การปรับเปลี่ยนนโยบายทีมที่เน้นใช้เด็ก แล้วมีการดึงอดีตตำนานของทีมอย่าง มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ เข้ามาทำทีม มันก็มีผลให้อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มีผลงานที่น่าตื่นตาและจบอันดับครึ่งบนของตาราง หลังจากทีมอยู่ในสภาวะซบเซามา 2-3 ปี

      ก่อนเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการเสริมตัวผู้เล่นไทยเพียงไม่กี่คน อีกทั้งการเสริมก็ไม่ใช่บิ๊กเนมอะไร เพราะด้วยแนวทางของโค้ชนั้นชัดเจนว่าต้องการใช้เด็กและเน้นทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมันก็สะท้อนผ่านไลน์อัพ 4-1-4-1 ที่จะใช้แบบนี้แทบทุกเกม เว้นเสียแต่วันไหนตัวเล่นขาดจริงๆ

      การออกสตาร์ทของ เมืองทอง อาจจะดูตะกุตะกะ เพราะมีชนะ เสมอ แพ้ วนๆกันไปตามประสาทีมเด็ก กระนั้นหากให้จำแนก เกมในบ้านค่อนข้างเหนียวและไม่แพ้ใครง่ายๆ อีกทั้งยังเก็บ 3 แต้มได้บ่อย ส่วนการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ก็แล้วแต่ขนาดของทีมคู่แข่ง โดยหากเป็นทีมใหญ่ ก็จะแพ้ตามเชิง แต่สกอร์ไม่ขาด ขณะที่ทีมขนาดกลางและเล็ก จะมีเพียงเสมอกับชนะ

การลงเล่นตลอดเลกแรกของ เมืองทอง จะมีจุดเด่นตรงที่การเล่นบอลกับพื้น โดยการเคาะบอลจะเริ่มจากหลังบ้านและค่อยๆขึ้นมาทีละแดน จากนั้นพอถึงแดนคู่แข่ง ก็ขึ้นเกมบุกทางริมเส้น นั่นจึงทำให้คู่แข่งมักแก้ลำด้วยการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่หน้าประตูของเมืองทอง แล้วในหลายๆมันก็ได้ผล จนกิเลนผยองออกบอลไม่ได้และต้องเสียประตู นอกจากนี้ จุดอ่อนของทีม คือ กองหลัง โดยเฉพาะ ชาติชาย ที่เป็นบ่อน้ำมันของแนวรับเกือบทุกนัด หรือต่อให้เอา เบาลินี่ ลงมา ก็เชื่องช้าและไม่ทันคู่แข่ง ส่วนเกมรุก ดูเหมือนจะมีแต่ปีกและขาดหน้าเป้าที่เป็นตัวสกอร์แบบธรรมชาติ

      ผลงานของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อจบเลกแรก อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยการมี 25 คะแนน ซึ่งมันถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งด้วยระยะห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูงเพียง 7 คะแนน มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีลุ้นติด 2 อันดับแรก สำหรับการไปลุยถ้วยเอเชีย ฉะนั้นบอร์ดบริหารจึงไม่รีรอและจัดการตามหาแข้งต่างชาติมาเสริมทีม เพื่อลบจุดอ่อนและเติมทีมให้ฟัดเหวี่ยงกับเหล่าทีมหัวตารางได้ สุดท้ายจึงจัดการคว้ามาได้ 2 ตัว คือ แกรนเบิร์ก แนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน ซึ่งจะเข้ามาผลึกกำลังกับ โรช่า และ อานิเยร์ กองหน้าตัวเป้าจากเอสโตเนีย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้สะท้อนให้เห็นถึงคำกล่าวที่ว่า “เป็นแชมป์นั่นยาก แต่ป้องกันแชมป์นั่นยากกว่า” เพราะในช่วงเริ่มต้น พวกเขายังคงโชว์ฟอร์มได้สมราคาแชมป์เก่า แต่พอผลงานเริ่มสะดุด พวกเขาได้มีการปลด วิดมาร์ ออก พร้อมกลับลำมาใช้โค้ชเก่าอย่าง ดุสิต เฉลิมแสน แล้วใน 2 นัดสุดท้าย ดันสะดุดอย่างรุนแรงด้วยการพ่ายแพ้ทั้งหมด อีกทั้งอันดับยังร่วงลงไปถึงที่ 4 ของตาราง

      ย้อนกลับไปในช่วงต้นฤดูกาล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้มีการแต่งตั้งโค้ชใหม่หน้าเดิมอย่าง เรออนาโด้ วิดมาร์ ซึ่งเคยคุมทีมเมื่อช่วงปี 2016 โดยการแข่งขัน ACL รอบแบ่งกลุ่ม ถือเป็นงานแรกของกุนซือชาวออสเตรเลีย แล้วสุดท้ายสามารถพาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด ถัดมาได้พาทีมบุกไปคว้าถ้วยไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ก่อนเปิดฤดูกาลรีโว่ไทยลีก

การออกสตาร์ทเกมลีก บีจี ปทุม ต้องเผชิญปัญหาตัวผู้เล่นในแนวรับมีอาการบาดเจ็บแบบยกแผง มิหนำซ้ำ แนวรุกคนสำคัญอย่าง ดิโอโก้ ก็ต้องพักนาน 3 เดือน จากปัญหาบาดเจ็บที่หัวไหล่ นั่นจึงทำให้ วิดมาร์ ต้องหมุนเวียนผู้เล่น แต่ผลงานก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กระนั้นพอผ่านไปได้ครึ่งทาง ตัวสำรองไม่สามารถทดแทนได้แนบสนิท ทำให้เริ่มมีเกมที่แพ้แบบพลิกล็อคและสะดุดเสมอ ได้แก่ แพ้เชียงรายและเทโรในบ้าน กับบุกไปเสมอโคราช กระทั่งหลังเกมที่ชนะ สมุทรปราการ 1-0 บอร์ดบริหารของทีมได้เรียกโค้ชโอ่งกลับมาคุมทีม ขณะที่ วิดมาร์ ขอลาออกและไม่รับตำแหน่งฝ่ายเทคนิค โดยเหตุผลที่บอสปวิณพูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ “โค้ชผมดื้อ”

การเริ่มงานนัดแรกในรอบสองของโค้ชโอ่ง เริ่มต้นด้วยการบุกไปพ่าย หนองบัว พิชญ ซึ่งนี่ถือเป็นความพ่ายแพ้นัดแรกของฤดูกาล จากนั้นนัดต่อไปต้องบุกไปเยือนการท่าเรือ แล้วแพ้ออกมา 1-0 ในสภาพที่ว่า บีจี ปทุม สู้ไม่ได้และรูปเกมไม่เป็นทรงเลย ทำให้จากเกาะกลุ่มหัวตารางอยู่ดีๆ กลายเป็นต้องลงมารั้งอันดับที่ 4

ในเลกที่ 2 ของ บีจี ปทุม หากผลงานออกมาดี โค้ชโอ่งย่อมได้คุมต่อยาวๆ แต่จากผลงาน 2 นัด ก่อนปิดเลกแรก ถือว่าเสียหายและเพิ่มความกดดันในการออกสตาร์เลกที่ 2 ที่ต้องชนะ แล้วถ้าผลออกมาไม่เป็นดังที่คาดหวัง มันก็น่าคิดไม่น้อยว่าบอร์ดบริหารจะยังไว้ใจอยู่หรือไม่ เพราะนอกจากจะต้องป้องกันแชมป์ไทยลีกแล้ว ก็ต้องไม่ลืมว่ากระต่ายแก้วมีคิวต้องลงเล่น ACL รอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้สะท้อนให้เห็นถึงคำกล่าวที่ว่า “เป็นแชมป์นั่นยาก แต่ป้องกันแชมป์นั่นยากกว่า” เพราะในช่วงเริ่มต้น พวกเขายังคงโชว์ฟอร์มได้สมราคาแชมป์เก่า แต่พอผลงานเริ่มสะดุด พวกเขาได้มีการปลด วิดมาร์ ออก พร้อมกลับลำมาใช้โค้ชเก่าอย่าง ดุสิต เฉลิมแสน แล้วใน 2 นัดสุดท้าย ดันสะดุดอย่างรุนแรงด้วยการพ่ายแพ้ทั้งหมด อีกทั้งอันดับยังร่วงลงไปถึงที่ 4 ของตาราง

      ย้อนกลับไปในช่วงต้นฤดูกาล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้มีการแต่งตั้งโค้ชใหม่หน้าเดิมอย่าง เรออนาโด้ วิดมาร์ ซึ่งเคยคุมทีมเมื่อช่วงปี 2016 โดยการแข่งขัน ACL รอบแบ่งกลุ่ม ถือเป็นงานแรกของกุนซือชาวออสเตรเลีย แล้วสุดท้ายสามารถพาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด ถัดมาได้พาทีมบุกไปคว้าถ้วยไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ก่อนเปิดฤดูกาลรีโว่ไทยลีก

การออกสตาร์ทเกมลีก บีจี ปทุม ต้องเผชิญปัญหาตัวผู้เล่นในแนวรับมีอาการบาดเจ็บแบบยกแผง มิหนำซ้ำ แนวรุกคนสำคัญอย่าง ดิโอโก้ ก็ต้องพักนาน 3 เดือน จากปัญหาบาดเจ็บที่หัวไหล่ นั่นจึงทำให้ วิดมาร์ ต้องหมุนเวียนผู้เล่น แต่ผลงานก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กระนั้นพอผ่านไปได้ครึ่งทาง ตัวสำรองไม่สามารถทดแทนได้แนบสนิท ทำให้เริ่มมีเกมที่แพ้แบบพลิกล็อคและสะดุดเสมอ ได้แก่ แพ้เชียงรายและเทโรในบ้าน กับบุกไปเสมอโคราช กระทั่งหลังเกมที่ชนะ สมุทรปราการ 1-0 บอร์ดบริหารของทีมได้เรียกโค้ชโอ่งกลับมาคุมทีม ขณะที่ วิดมาร์ ขอลาออกและไม่รับตำแหน่งฝ่ายเทคนิค โดยเหตุผลที่บอสปวิณพูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ “โค้ชผมดื้อ”

การเริ่มงานนัดแรกในรอบสองของโค้ชโอ่ง เริ่มต้นด้วยการบุกไปพ่าย หนองบัว พิชญ ซึ่งนี่ถือเป็นความพ่ายแพ้นัดแรกของฤดูกาล จากนั้นนัดต่อไปต้องบุกไปเยือนการท่าเรือ แล้วแพ้ออกมา 1-0 ในสภาพที่ว่า บีจี ปทุม สู้ไม่ได้และรูปเกมไม่เป็นทรงเลย ทำให้จากเกาะกลุ่มหัวตารางอยู่ดีๆ กลายเป็นต้องลงมารั้งอันดับที่ 4

ในเลกที่ 2 ของ บีจี ปทุม หากผลงานออกมาดี โค้ชโอ่งย่อมได้คุมต่อยาวๆ แต่จากผลงาน 2 นัด ก่อนปิดเลกแรก ถือว่าเสียหายและเพิ่มความกดดันในการออกสตาร์เลกที่ 2 ที่ต้องชนะ แล้วถ้าผลออกมาไม่เป็นดังที่คาดหวัง มันก็น่าคิดไม่น้อยว่าบอร์ดบริหารจะยังไว้ใจอยู่หรือไม่ เพราะนอกจากจะต้องป้องกันแชมป์ไทยลีกแล้ว ก็ต้องไม่ลืมว่ากระต่ายแก้วมีคิวต้องลงเล่น ACL รอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

การปรับเปลี่ยนนโยบายทีมที่เน้นใช้เด็ก แล้วมีการดึงอดีตตำนานของทีมอย่าง มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ เข้ามาทำทีม มันก็มีผลให้อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มีผลงานที่น่าตื่นตาและจบอันดับครึ่งบนของตาราง หลังจากทีมอยู่ในสภาวะซบเซามา 2-3 ปี

      ก่อนเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการเสริมตัวผู้เล่นไทยเพียงไม่กี่คน อีกทั้งการเสริมก็ไม่ใช่บิ๊กเนมอะไร เพราะด้วยแนวทางของโค้ชนั้นชัดเจนว่าต้องการใช้เด็กและเน้นทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมันก็สะท้อนผ่านไลน์อัพ 4-1-4-1 ที่จะใช้แบบนี้แทบทุกเกม เว้นเสียแต่วันไหนตัวเล่นขาดจริงๆ

      การออกสตาร์ทของ เมืองทอง อาจจะดูตะกุตะกะ เพราะมีชนะ เสมอ แพ้ วนๆกันไปตามประสาทีมเด็ก กระนั้นหากให้จำแนก เกมในบ้านค่อนข้างเหนียวและไม่แพ้ใครง่ายๆ อีกทั้งยังเก็บ 3 แต้มได้บ่อย ส่วนการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ก็แล้วแต่ขนาดของทีมคู่แข่ง โดยหากเป็นทีมใหญ่ ก็จะแพ้ตามเชิง แต่สกอร์ไม่ขาด ขณะที่ทีมขนาดกลางและเล็ก จะมีเพียงเสมอกับชนะ

การลงเล่นตลอดเลกแรกของ เมืองทอง จะมีจุดเด่นตรงที่การเล่นบอลกับพื้น โดยการเคาะบอลจะเริ่มจากหลังบ้านและค่อยๆขึ้นมาทีละแดน จากนั้นพอถึงแดนคู่แข่ง ก็ขึ้นเกมบุกทางริมเส้น นั่นจึงทำให้คู่แข่งมักแก้ลำด้วยการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่หน้าประตูของเมืองทอง แล้วในหลายๆมันก็ได้ผล จนกิเลนผยองออกบอลไม่ได้และต้องเสียประตู นอกจากนี้ จุดอ่อนของทีม คือ กองหลัง โดยเฉพาะ ชาติชาย ที่เป็นบ่อน้ำมันของแนวรับเกือบทุกนัด หรือต่อให้เอา เบาลินี่ ลงมา ก็เชื่องช้าและไม่ทันคู่แข่ง ส่วนเกมรุก ดูเหมือนจะมีแต่ปีกและขาดหน้าเป้าที่เป็นตัวสกอร์แบบธรรมชาติ

      ผลงานของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อจบเลกแรก อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยการมี 25 คะแนน ซึ่งมันถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งด้วยระยะห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูงเพียง 7 คะแนน มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีลุ้นติด 2 อันดับแรก สำหรับการไปลุยถ้วยเอเชีย ฉะนั้นบอร์ดบริหารจึงไม่รีรอและจัดการตามหาแข้งต่างชาติมาเสริมทีม เพื่อลบจุดอ่อนและเติมทีมให้ฟัดเหวี่ยงกับเหล่าทีมหัวตารางได้ สุดท้ายจึงจัดการคว้ามาได้ 2 ตัว คือ แกรนเบิร์ก แนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน ซึ่งจะเข้ามาผลึกกำลังกับ โรช่า และ อานิเยร์ กองหน้าตัวเป้าจากเอสโตเนีย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวมของเหล่าทีมชาติ

ที่ตกรอบแรก ในศึก AFF SUZUKI CUP 2020 กลุ่ม B

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 การสลากในสาย B ถือได้ว่าเป็นการรวมแหล่งของชาติยักษ์และทีมที่กำลังพุ่งแรงขึ้นมา นั่นจึงทำให้การชิงพื้นที่ 2 อันดับแรก เพื่อไปต่อในรอบรองชนะเลิศ ต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้าย ซึ่งในบรรดาทีมที่ต้องกลับบ้านไปก่อน จะเป็นใครและมีสภาพเป็นอย่างไร บทความนี้จะมาอธิบายให้เห็นภาพอย่างละเอียด

ทีมชาติลาว

ขุนพลพันธุ์ข้าวเหนียว ปกติจะเป็นทีมไม้ประดับให้คนอื่นได้ไล่ถล่ม แต่ในหนนี้ดูจะเห็นลู่ทางที่ดีรออยู่ แม้จะถูกจับมาอยู่สายหนักก็ตาม เพราะมีถึง 3 ราย ที่เล่นอยู่ในลีกไทย อีกทั้งยังได้ตัวระดับพรีเมี่ยมอย่าง บิลลี่ เกตุแก้ว พิมพอน กลับมารับใช้แผ่นดินเกิด พร้อมกับตัวเยาวชนที่ทำผลงานได้ดี กระนั้นพอการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น แนวรับของทีม คือ ปัญหาใหญ่ มิหนำซ้ำยังมีประเด็นดราม่าผ่านโซเชียล ระหว่างกัปตันทีมอย่าง สุอาพอน วงเชียงคำ กับ สมาพันธ์ฟุตบอล จนทำให้ 2 นัดสุดท้าย มีการจับดองเจ้าตัวและผลงานของทีมก็รูดลงเหวด้วยความพ่ายแพ้รวด 4 นัด เป็นบ๊วยของกลุ่ม

ทีมชาติกัมพูชา

ปกติ กัมพูชา คือ ชาติที่เป็นของหวานของชาวอาเซียน เพราะเจอเมื่อไร ยังไงก็ถล่มได้สบาย ทำให้การเข้ามาคุมทีมของแข้งจอมพเนจรสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง เคนสึเกะ ฮอนดะ ถูกจับตาว่าจะพาชาติที่ไม่มีเกียรติยศใดๆเกี่ยวกับฟุตบอลไปได้ไกลขนาดไหน ซึ่งในทันทีที่ลงสนาม ขุนพลแดนหมื่นปราสาทก็ได้โชว์ให้เห็นการเล่นที่เป็นระบบระเบียบและมีสภาพจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตามแบบฉบับญี่ปุ่นสไตล์ กระนั้นหากพูดถึง สปีดบอล ทักษะขั้นพื้นฐาน และความฟิตในการวิ่งเพรสซิ่ง มันยังไม่พัฒนาไปมากเท่าที่ควร ทำให้ในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาชนะไป 1 นัด จากการชนะลาว 0-3 ส่วนนัดที่ประทับใจก็มีให้เห็น อาทิ นัดที่แพ้ อินโดนีเซีย 2-4  

ทีมชาติมาเลเซีย

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น พวกเขาได้ตั้งเป้าถึงการคว้าแชมป์ เพราะในการแข่งขันหนก่อน หรือก่อนหน้านั้น พวกเขามักเข้าถึงรอบชิงอยู่เรื่อยๆ แต่จากปัญหาการเรียกตัวนักฟุตบอล การแพร่ระบาดโควิด-19 ในทีม และการทำทีมของ ตัน เชง โฮ ที่เมื่อหมดมุกเมื่อไร ก็ใช้การสาดโด่งโต้งๆอย่างเดียว หรือการจัดตัวที่ขัดใจแฟนบอลอยู่เนืองๆ ซึ่งสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้ผสมปนเปกัน กระทั่งทำให้ฮารีเมามาลายาต้องตกขบวนและตกรอบแรกไป

ติดตามข่าวกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover