Categories
ข่าวกีฬา

สายฟ้าไม่ยอมพ่าย

บุรีรัมย์ รัว 3 เม็ดตีเจ๊า เมืองทอง ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 19 เกมบิ๊กแมตช์คู่ส่งท้ายของสัปดาห์ ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมกลางตารางที่ผลงานไม่ค่อยดีนัก จะต้องพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงที่ยังไร้พ่าย และตั้งใจอย่างมากที่จะมาย้ำแค้นให้ได้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบถนัดอย่าง 4-1-4-1 และทีมเยือนในระบบ 4-2-3-1

      เกมเริ่มมาได้ 2 นาที เมืองทอง ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากการเซตบอลจากแดนตัวเอง แล้วแนวรับทีมเยือนเปิดช่องไว้เล็กน้อย ก่อนที่ โจฮาน่า จะยิงไกลแบบสุดสวย ไม่เพียงเท่านั้น นาทีที่ 11 นพพล ออกบอลพลาด ทำให้โดนลากบอลกลับมายิงเป็น 2-0 และเท่านั้นยังไม่พอ กิเลนผยองมาได้ประตูทิ้งห่าง 3-0

โดยมีรูปแบบที่คล้ายกับประตูแรก แต่มุมที่ยิงเป็นเสาด้านซ้ายของ โจฮาน่า ซึ่งการออกนำไปก่อนถึง 3 ลูก และมีรูปเกมที่ดีกว่า ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากเมื่อเล่นกับ บุรีรัมย์ อย่างไรเสียทัพปราสาทสายฟ้า ก็มาได้ประตู 3-1 จาก ศุภณัฏฐ์ ที่แม้จะมีมุมไม่มาก แต่ก็ยังวอลเลย์เสียบสามเหลี่ยม

ครึ่งหลังเริ่มมาได้นาทีเดียว เมืองทอง ทิ้งห่างเป็น 4-1 จากการขึ้นบอลเป็นทอดๆและไม่ได้รวดเร็วอะไร ก่อนจบด้วยการยิงไซร์โค้งของ โจฮาน่า พร้อมกับเป็นแฮตทริกของเจ้าตัว จากนั้นเหมือนกิเลนผยอง จะค่อยๆเบาเกมของตัวเองลง กลับกัน บุรีรัมย์

ยังไม่ถอดใจและพยายามยิงประตูไล่คืนมาให้เร็วที่สุด กระทั่งนาทีที่ 77 ไล่มาเป็น 4-2 จากการโหม่งของ ดูมบูย่า นาทีที่ 82 ฟรีคลิกปั่นเสียบสามเหลี่ยมแบบสุดสวยของ ธีราทร เป็น 4-3 นั่นจึงทำให้เจ้าถิ่นที่ถอนคันเร่งไปแล้ว เกิดอาการเนื้อเต้นและต้องเปิดเกมสู้กับทีมเยือนที่กำลังเครื่องร้อน สุดท้ายเมื่อแลกกันหมัดต่อหมัด กลายเป็น บุรีรัมย์ ยิงตีเสมอ 4-4 ในช่วงทดเวลา

      บทสรุปจากเกม โจฮาน่า ถือเป็นผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างในเกมนี้ให้กับ เมือง ทอง ยูไนเต็ด ซึ่งการยิงอย่างเฉียบคมทำให้ทีมขึ้นนำไปไกลถึง 4-1 แต่ก็ต้องโทษเกมรับที่ตลอดทั้งเกมดูไม่นิ่งและพร้อมจะเปิดทางให้คู่แข่งได้ทำเกมง่ายๆ

โดยมันเห็นได้ชัดเมื่อถูกยิงไล่มา 4-2 เพราะหลังจากนั้นเล่นเกมให้รัดกุมไม่ได้ กระทั่งโดนยิงตีเสมออย่างที่เห็น ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ความประมาท ความผิดพลาดส่วนบุคคล ทำให้พวกเขาเสียประตูจนตั้งเกมไม่ติดราว 70 นาที แต่ที่เกมนี้กลับมาได้ เพราะไม่ถอดใจและมีลูกทีเด็ด ทำให้ตีเจ๊าและแบ่งแต้มออกได้สำเร็จ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

กิเลนแรงเกินใจ

เมืองทอง ยูไนเต็ด รัว 3 ในครึ่งหลัง แซงชนะ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 22 คู่บิ๊กแมตช์ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานในช่วงหลังเริ่มจะดีขึ้นเมื่อใช้บริการโค้ชคู่ จะต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผลงานหันหัวกลับมาดีเช่นกัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-4-2  ส่วนทีมเยือนวางระบบคุ้นเคยอย่าง 4-1-4-1

      ช่วงต้นเกมเป็นการชิงจังหวะกันเสียมากกว่า จนเกมผ่านไป 10 นาที รูปเกมเริ่มเด่นชัดและเพียงแค่ 16 นาที การท่าเรือ มาได้ประตูนำ 1-0 จากการจ่ายแทงทางด้านข้าง ก่อนจะเปิดใส่หัว แฮร์มิลตัน โหม่งแบบเต็มแรง ซึ่งแนวรับทีมเยือนเปิดพื้นที่ขนาดนี้

มันจึงไม่แปลกที่จะเสียประตู เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 29 สิงห์เจ้าท่าทุ่มบอลและพยายามจ่ายบอลเข้าเขตโทษ กระนั้นเมื่อตัวประกบไม่บังทาง วรชิต เจ้าตัวจึงจัดการยิงโค้งออกตัว พร้อมกับส่งให้ทีมนำห่าง 2-0

ครึ่งหลัง เมืองทอง ปรับเกมแบบขนานใหญ่ โดยอย่างแรกที่พวกเขาทำคือ การขึงบอลและเน้นเจาะทางฝั่งขวา จนในนาทีที่ 58 มาได้ประตูตีตื้น 1-2 จากการเจาะฝั่งขวาอย่างที่กล่าวไป โดยการเปิดบอลไปให้ โจฮาน่า ถือว่ายอดเยี่ยมที่ยิงทันที ทำให้แนวรับเจ้าถิ่นหมดสิทธิ์ป้องกัน

จากนั้นก็ยังเป็นทีมเยือนที่ได้ครองเกม แต่กว่าจะมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 ก็ต้องรอถึงนาทีที่ 83 ซึ่งเป็นการยิงจุดโทษ โดยการเสียประตูนี้ของ การท่าเรือ มันเร่งเร้าให้พวกเขาต้องบุกอีกครั้ง แต่ดันโดนสวนกลับด้วยบอลแทงและเสียประตู 2-3 ให้กิเลนผยอง

      บทสรุปจากเกม นี่เป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างเล่นดีคนละครึ่ง โดยทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี การเข้าทำมีจังหวะสอดรับที่ลงตัว รวมถึงความมั่นใจของ วรชิต ดูจะเป็นประโยชน์กับทีม เมื่อเจ้าตัวยิงไกลในลักษณะนี้มา 2 เกมติด แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง

สิงห์เจ้าท่าเป็นรองและโดนเจาะทางฝั่งซ้ายแบบต้านทานไม่ได้เลย กระทั่งการเจาะพื้นที่ดังกล่าว ก็ได้เป็นจุดที่ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ ขณะที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ครึ่งแรกแทบจะไม่ได้บุก ส่วนเกมรับก็มีปัญหาในเรื่องตามประกบตัวทั้ง 2 ลูก แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง

พวกเขาต่อเกมรุกติดและยิงตีตื้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กระนั้นก็ต้องกล่าวว่าประตูตีเสมอ 2-2 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม เพราะมันทำให้เกมเปิดและกลายเป็นกิเลนผยอง ที่ชนะในการแลกหมัดครั้งนี้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สายฟ้าเฉือนท้ายเกม”

โรช่า โอนโกว์ ส่ง บุรีรัมย์ ไปต่อด้วย

ศึกฟุตบอลรีโว่ลีกคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ณ สนามธันเดอร์โดม สตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด อดีตแชมป์รายการนี้ 1 สมัย ได้รับจับสลากเป็นเจ้าบ้านพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ทีมล่าสุดที่กวาดถ้วยรายการนี้ไปแล้ว 6 สมัย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-1-4-1 ส่วนทีมเยือนใช้ 4-4-2

      เกมในช่วง 15 นาทีแรก เมืองทอง ดูคึกคักกับการเซตบอลจากหน้าปากประตูตัวเอง แล้วค่อยๆแกะเพรสจากแดนกลางสู่แดนหน้า กระนั้นปัญหาที่เห็น คือ ตัวรุกเติมขึ้นมาเพียง 1-2 คน ทำให้การจบสกอร์ค่อนข้างห่างจากปากประตู จากนั้นเมื่อเกมผ่าน 20 นาที บุรีรัมย์ เพรสซิ่งแดนกลางได้อยู่หมัดและสามารถจู่โจมตีให้เจ้าบ้านได้เรื่อยๆ โดยการแทงบอลตัดแนวรับทางฝั่งขวา ก่อนจะตบบอลมาหน้าประตู กลายเป็นสูตรทีเด็ดที่สร้างจังหวะหวาดเสียวได้ อย่าไรเสียประตูนำ 0-1 มาจากการชิงจังหวะเล่นเร็วของ ธีราทร ให้ ศุภณัฏฐ์ ได้จับแล้วยิงทันที

ครึ่งหลัง เมืองทอง เปลี่ยนตัวรุกริมเส้นลงมา แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะ บุรีรัมย์ มีการเพรสซิ่งที่หนักหน่วงและได้บอลคืนค่อนข้างถี่ในแดนของเจ้าบ้าน แต่การสร้างจังหวะจบสกอร์มีน้อย กระทั่งนาทีที่ 80 จุดเปลี่ยนของเกมมาเกิดขึ้นเมื่อมีการแฮนด์บอลในเขตโทษ อย่าไรเสียหากมี VAR ลูกนี้อาจไม่เป็นจุดโทษเพราะมันเสมือนกับเอาแขนกางเพราะประคองตัว ก่อนที่จุดโทษนี้จะกลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 จากนั้นไล่หลังแค่ 7 นาที บุรีรัมย์ มาได้ประตูชัย 1-2 จากการจ่ายตัดหลังแบ็คขวา แล้วเปิดเข้าหน้าประตู โดยในจังหวะนี้มันพุ่งเข้าเท้าโรช่า จนเข้าประตูไป

บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด พยายามเล่นเกมของตัวเองด้วยการเซตบอลจากหน้าปากประตู แต่มันเป็นการเล่นที่เสียเวลา เสียพลังงาน และไม่มีโอกาสที่จะทำอันตรายคู่แข่ง เพราะในหลายๆจังหวะเสมือนกับการจ่ายบอลเพื่อแก้ไขและมิให้ถูกแย่งในแดนตัวเอง กระนั้นเหมือนจะมีโชคดีที่ได้ประตีเสมอท้ายเกม

แต่สุดท้ายโชคชะตาก็มาเอาคืนด้วยการเสียประตูกลับไป ทำให้กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมเพรสซิ่งแดนกลางทำงานได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่กดหัวเจ้าบ้านได้อยู่หมัด อย่างไรเสียเกมรุกสร้างจังหวะเข้าทำได้ดี แต่ในเรื่องของจังหวะจบสกอร์ยังมีน้อยไปหน่อย แล้วมันเกือบส่งผลให้วันนี้ต้องเล่นในช่วงต่อเวลา ซึ่งยังดีที่จังหวะฟุตบอลเป็นใจ ทำให้เฉือนชนะออกมาแบบหงุดหวิด

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“นำก่อน แต่เกือบแพ้”

เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังพลาด ได้แค่บุกเจ๊า โคราช 1-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 3 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่พึ่งบุกไปคว้า 3 แต้มแรกจากประจวบ จะต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ท 2 นัด เก็บได้แค่แต้มเดียว สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม  เจ้าบ้านใช้ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือนวาง 4-1-4-1  เช่นเดิม

นครราชสีมา มาสด้า

พยายามต่อบอลให้ถึงแดน 3 จากนั้นจะหาทางโยนบอลเข้ากรอบเขตโทษเพื่อให้กองหน้าโจมตีด้วยลูกกลางอากาศ แต่ถ้าเห็นช่องหลังไลน์ก็จะวางข้ามแนวรับทีมเยือนเข้าไป อย่างไรเสียความแม่นยำยังไม่มาพอ โอกาสได้จบสกอร์จึงน้อย แต่เมื่อมีโอกาสก็น่าได้เหมือนกัน ส่วนทางฝั่ง เมืองทอง แนวรับยืนได้มิดชิดดี แต่ตัวเกมรุกน้อย ขยับน้อย โอกาสจบสกอร์จึงแทบไม่มี เพราะแนวรับเจ้าถิ่นเยอะกว่าและรอดักบอลแบบง่ายๆ

ครึ่งหลัง โคราช พยายามเล่นแผนเดิมจากครึ่งแรก ส่วนทางฝั่งเมืองทอง ยูไนเต็ด มีการกำชับเรื่องการเคลื่อนและหาช่องของเกมรุก ซึ่งมันได้ผลและนำมาสู่ประตูนำ 0-1 แม้จะมีโชคนิดๆ เพราะเกือบจะไม่เข้า แต่ อดิศักดิ์ วิ่งมาตรงนั้นและยิงเข้าไปแบบไม่เหลือซาก กระนั้นไล่หลังเพียง 10 นาที โคราชมาได้ประตูตีเสมอ 1-1

ในนาทีที่ 66 จากการไล่เพรสซิ่งสูง แล้ว สมพร ยศ ดันจ่ายบอลปาดข้างเบาเกินไป ก่อนจะถูกฉกและยิงแบบไม่เหลือซากเช่นกัน จากนั้นกลายเป็นเกมแลกหมัดและทั้งคู่มีความผิดพลาดเล็กๆน้อย แต่ก็ไม่มีใครฉกฉวยโอกาสได้ โดยเฉพาะเจ้าบ้านอย่างสวาทแคท ที่น่าจะน็อค ก็ดันทำไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงจบที่การเสมอกัน 1-1

บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

เล่นได้ดีกว่าเล็กน้อยในครึ่งแรก แต่เกมรุกไม่แม่นยำพอ ทำให้ฉกฉวยโอกาสและขึ้นนำไม่ได้ แถมซ้ำร้ายมาเสียประตูก่อน กระนั้นก็ต้องชมที่นักเตะไม่ถอดใจและไล่บี้หนักหน่วงกว่าเดิม กระทั่งมาได้ประตูตีเสมอและมีโมเมนตัมที่ดีกว่าเล็กๆด้วย แต่สุดท้ายความไม่เฉียบคมของพวกเขาเอง

มันก็เป็นผลให้สวาทแคทได้แค่เสมอ ส่วนทางฝั่ง เมืองทองยูไนเต็ด ครึ่งแรกมีดีแค่เกมรับ ก่อนที่จะติวเข้มเกมรุก จนออกมายิงได้ 1 ลูก อย่างไรเสียเกมรับที่เล่นได้ดี ดันมาพลาดจนเสียประตู ทำให้หลังจากนั้นต้องแลกหมัดและเกือบเป็นฝ่ายโดนน็อคเสียด้วย ฉะนั้นการฟอร์มทีมในฤดูกาลนี้ของกิเลนผยอง คงต้องปรับจูนกันต่อไปอีกสักพัก โดยเฉพาะเกมรุกที่ขาดพ็อพพ์ เหมือนขาดใจ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สมหวังทั้งคู่”

เมืองทอง ได้ท็อปโฟร์ เฉือน ประจวบ ที่รอดตกชั้น 2-1     

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือเกมนัดสุดท้าย ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด จะต้องลงล่าท็อปโฟร์ด้วยการพบกับ พีที ประจวบ เอฟซี ที่การบุกมาเยือนมีความกดดันเต็มบ่า เพราะหากพวกเขาแพ้ แล้ว สมุทรปราการ ชนะ มันจะเป็นต่อพิฆาตที่ต้องร่วงตกชั้น ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบเก่ง 4-1-4-1 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 3-5-2

      ในช่วงต้นเกมต่างฝ่ายต่างเล่นแบบเน้นความปลอดภัย จนในนาทีที่ 24 เมืองทอง มาได้ประตูนำ 1-0 โดยจังหวะเปิดครั้งแรกล้น แล้ว อานิเยร์ ตามไปเก็บและจ่ายยัดให้ ซาร์เดอร์ ยิงแบบไม่มีสิทธิ์เซฟ ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับทีมเยือนดูเหม่อลอยไปหน่อย เพราะไม่ประกบชิดและสกัดไม่เด็ดขาด จากนั้น พีที ประจวบ ต้องพยายามบุก เพราะไม่อยากรอลุ้นผลอีกคู่ แต่ด้วยความที่ตัวเองเสียบอล มันก็เข้าทางเจ้าบ้านที่ได้สวนกลับตามถนัด แต่ยังดีที่แนวรับต่อพิฆาตยังลงมาปิดพื้นที่ไว มิเช่นนั้นอาจโดนยิงเพิ่มไปแล้ว  

ครึ่งหลัง เมืองทอง บุกขึ้นมาแล้วไม่ได้ประตูเพราะบอลออกเส้นหลังก่อน จากนั้นในจังหวะต่อเนื่องได้เกิดจุดพลิกผัน พีที ประจวบ ได้จุดโทษจากแฮนด์บอล  แล้ว โมต้า สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 1-1 ซึ่งจากสกอร์ตรงนี้ ทีมเยือนค่อนข้างพอใจจึงกลับมาเล่นแบบประคอง แต่การประคองมันก็เหมือนรอโดนยิง เนื่องจาก เมืองทอง โจมตีใส่เป็นระลอก กระทั่งมาได้ประตูนำ 2-1 จากการแทงไปหน้ากรอบแล้วเหลือแค่แตะหลบ ราโอวัช ก่อนใส่สกอร์เท่านั้น ส่วนในช่วงเวลาที่เหลือราว 10 กว่านาที ต่อพิฆาตไม่เร่งเกมอีกต่อไป เพราะผลสกอร์อีกคู่เป็นใจ ทำให้เกมนี้เหลือแค่เล่นให้จบเท่านั้น

บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด ลงเล่นเกมนี้แบบไม่มีความกดดันเท่าไร ทำให้เกมบุกเดินไปเรื่อยๆ เมื่อมีโอกาสก็เข้าทำทันที ซึ่งจะเห็นจากทั้ง 2 ประตู ที่ช่องว่างเมื่อไรโจมตีทันที ส่วนประตูที่เสียไป ถือเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคล ขณะที่ พีที ประจวบ เอฟซี วันนี้เหมือนเล่นตามมีตามเกิดและรอให้ฝนฟ้าเป็นตัวสิน เพราะการเล่นในแมตช์นี้ไม่เหมือนกับทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตาย ซึ่งมันจะเห็นได้จากเกมรับที่ยืนไม่แน่นหนาตลอด 90 นาที แล้วพอมีดวงและสกอร์เป็นใจ ก็กลับมาเล่นรับเสมือนรอโดนยิง แล้วสุดท้ายก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ กระนั้นยังดีที่ผลอีกคู่เป็นใจ มิเช่นนั้นมีสิทธิ์น้ำตาตกในไปแล้ว

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“วันบอลแฉลบแห่งชาติ”

เมืองทอง ทั้งเก่งทั้งเฮง ทุบ บียู 3-1 ลุ้นจบท็อปโฟร์ 2 นัดสุดท้าย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 คู่ส่งท้ายของวันอาทิตย์ ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ในตอนนี้มีลุ้นถึงท็อปโฟร์ จะต้องพบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ต้องรักษาอันดับที่ 3 ไว้ให้ได้เพื่อรอลุ้นส้มหล่นสำหรับโควตา ACL ทำให้ 3 แต้มในเกมนี้มีความหมายขึ้นมาทันที ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างใช้ระบบเก่งของตัวเอง โดยแบ่งเป็นเจ้าบ้านในระบบ 4-1-4-1 และทีมเยือนระบบ 4-3-3

      ในครึ่งแรกทั้ง 2 ทีม มีโอกาสพอๆกัน โดยทางฝั่ง ทรู แบงค็อก เริ่มต้นทางริมเส้น แล้วค่อยเลือกว่าจะจ่ายเข้ากลาง เลี้ยงตัด แทง หรือวางไปเสาไกล ส่วน เมืองทอง ใช้การต่อบอลตามช่อง ซึ่งอาจจะดูไม่วูบวาบเท่าทีมเยือน แต่ก็มาได้ประตูนำ 1-0 จากความผิดพลาดของ ฐิติพันธ์ ที่ไปจ่ายบอลพลาด จน อานีเยอร์ ได้ยิงติดบ็อคของ เอฟเวอร์ตัน แต่เหลี่ยมบอลดันเป็นใจและพุ่งเสียบเสาเข้าไป

ครึ่งหลัง บียู น่าได้ประตูตีเสมอสุดๆ จากการต่อบอลหน้าบ้านสู่แดนสุดท้ายของคู่แข่ง แต่ ชนานันท์ ดันยิงออกไปเสียได้ ซึ่งพอไม่ได้ประตูในจังหวะนี้ จังหวะถัดมาเป็นคิวของ เมืองทอง บ้าง ก็ได้โชว์การประสานงานของ 3 แนวรุกต่างชาติ ก่อนจบด้วย พ็อพพ์ ยิงติดแฉลบเข้าเสาแรกเป็น 2-0 ไม่เพียงเท่านั้น การเซตชอลขึ้นมาจากแดนตัวเอง ก็ได้มีการประสานของ 3 แนวรุกต่างชาติ จนสกอร์ไหลเป็น 3-0 จากนั้นทีมเยือนพยายามจะบุกเพื่อทวงประตูคืน แต่มักไปไม่ถึงแดนสุดท้ายเพราะเสียบอล ทำให้ต้องรอเจ้าบ้านเผลอในช่วงทดเวลา ถึงมาได้ประตูตีตื้น 3-1

      บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทด้วยฟอร์มที่ไม่ได้เหนือกว่า แต่พอคู่แข่งมีความผิดพลาดและตัวเองคว้าขึ้นนำได้ก่อนจบครึ่งแรก มันก็ช่วยให้ตัวเองเล่นง่าย ส่วนในครึ่งหลัง การรอดพ้นการเสียประตูจากจังหวะยิงของ ชนานันท์ ถือเป็นโมเมนตัมสำคัญที่ทำให้รูปเกมยังได้เปรียบ ก่อนที่ในจังหวะถัดมาจะสบโอกาสยิงทิ้งห่าง 2-0 และ 3-0 กระทั่งคว้า 3 แต้มในที่สุด

ขณะที่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด รูปเกมดูวูบวาบกว่าในช่วงต้น แต่พอมาพลาดเสียประตู ความลำบากก็เข้าหาทันที ซึ่งในช่วงต้นครึ่งหลังถ้าได้ประตูตีเสมอจาก ชนานันท์ รูปเกมจะไม่ลงเอยแบบนี้ แต่พอไม่ได้และเสียประตูเพิ่ม สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ฉะนั้นความพ่ายแพ้ในวันนี้ มาจากความผิดพลาดส่วนบุคคล ทีเด็ดทีขาดที่ไม่เต็มเปี่ยม และจังหวะฟุตบอลไม่เป็นใจให้เหล่าแข้งเทพเลย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ชลบุรี นำห่าง 0-3 แต่เมืองทองรัว 3 เม็ดใน 20 นาที

“20 นาทีแรก” ชลบุรี นำห่าง 0-3 แต่เมืองทองรัว 3 เม็ดใน 20 นาที จนจบเจ๊า 3-3 แบบดราม่า

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 2 ของฤดูกาล ในส่วนของวันอาทิตย์ มีเกมโคตรบิ๊กแมตช์รออยู่ที่ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฐานะเจ้าบ้าน เปิดรังพบกับคู่แค้นร่วมชาติอย่าง ชลบุรี เอฟซี สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม กิเลนผยองมาในระบบเดิม คือ 4-1-4-1 ขณะที่ฉลามชลปรับมาเป็น 4-4-2 แบบไดม่อน

          เกมการแข่งขันในครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีม ต่างใช้การบีบและเพรสซิ่งกันตั้งแต่กลางสนาม แต่หากให้เจาะลึกลงไปจะพบว่า เมืองทอง ออกอาการมากกว่า กล่าวคือ เมื่อเจอการบีบและเพรสซิ่งมักจะเสียบอลง่ายๆ ทำให้ผู้ที่เสียบอลยากกว่าอย่าง ชลบุรี สามารถต่อบอลขึ้นมาได้น่าหวาดเสียว กระทั่งมาได้ประตูนำ 0-1 ซึ่งในจังหวะนี้ต้องติงไลน์แมนที่ยกธงในจังหวะก่ำกึ่ง กระนั้นก็ต้องโทษผู้เล่นในแนวรับของเมืองทอง ด้วย ที่เลือกจะหยุดชะงักทั้งที่ไม่มีเสียงนกหวีด

เมืองทอง ยูไนเต็ด
เมืองทอง ยูไนเต็ด

          เกมในครึ่งหลัง เมืองทอง ยังแสดงความผิดพลาดแบบเดิมๆ แล้วเพิ่มเติมคือผิดพลาดหนักกว่าในครึ่งแรก โดยลูก 0-2 ต้องยอมเพราะความสุดยอด แต่ลูก 0-3 แนวรับกิเลนผยองยืนหลวม ไม่ตามประกบ ได้แต่เคลียร์ทิ้งและเก็บบอลจังหวะ 2 ไม่ได้ ทำให้การกดซ้ำไปซ้ำมากลายเป็นประตู 0-3 กระนั้นการผ่อนเกม

และการเปลี่ยนตัวที่ไม่สามารถทดแทนตัวจริงได้ มันได้กลายเป็นผลให้เกมของชลบุรี มีความหละหลวมในการประกบตัวจนโดนยิงไล่มา 1-3 จากนั้นฉลามชล ก็เริ่มออกอาการเมาหมัดในเกมรับ แล้วมาโดนลูก 2-3 ส่วนจุดโทษและประตูตีเสมอ 3-3 จังหวะนี้ผู้ตัดสินผิดพลาด เพราะโดนบอลก่อนและไม่ยอมเช็ค VAR

          บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้ต่ำว่ามาตรฐานราว 70 นาที แต่การเปลี่ยนตัวได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เพราะลงมาแล้วสามารถยกระดับเกมได้ ในขณะที่คู่แข่งเปลี่ยนแล้วแย่ลง ทำให้ในช่วง 20 นาทีที่เหลือ กิเลนผยองสามารถยิงไล่มาได้ 2 ลูก ก่อนจะได้ส้มหล่นจาการตัดสินที่ผิดพลาด ฉะนั้นจึงต้องกล่าวว่า  1 แต้ม

ในวันนี้ มาจากการแก้เกม ความมุ่งมั่น และโชคเข้ามาผสม ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี ครองเกมไว้เหนือกว่าและได้สกอร์ที่ต้องการ ทำให้ในช่วง 20 นาที ขอเพียงแค่ประคองให้จบ แต่การผ่อนเกมและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ดันมีผลอย่างใหญ่หลวง เพราะเมื่อเปลี่ยนแล้วทดแทนตัวจริงไม่ได้ แถมยังต้องลงมาเจอกับคู่แข่งในช่วงเวลาที่พีคขึ้นพอดี อีกทั้งยังมาเจอการตัดสินที่ผิดพลาด ทำให้วันนี้กลายเป็นฝันร้ายของฉลามชล  

เมืองทอง ยูไนเต็ด
เมืองทอง ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com