Categories
ข่าวกีฬา

“ยิงจนท้อ ก็ไม่ได้ประตู”

หนองบัว โดน VAR ริบประตูคืนทุกลูก จนได้แค่เจ๊า เมืองทอง 0-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 21 คู่แรกของโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ผลงานในบ้านดีและมักเก็บกินทีมใหญ่ๆได้ จะต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้เหลือแค่ทำอันดับให้สูงที่สุดเท่านั้น สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 5-3-2 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-1-4-1 เหมือนเดิม

การยืนหลัง 5 ของหนองบัว น่าจะเล็งเห็นถึงความรัดกุมในแดนสุดท้ายและไม่อยากเป็นฝ่ายเสียประตูก่อน กระนั้นด้วยการขึ้นบอลของ เมืองทอง ที่อาจจะไม่ได้มาถี่ๆ ก็สามารถโจมตีใส่ด้วยการยิงจากเส้นกรอบเขตโทษ แต่ด้วยความเด็ดขาดที่มีน้อยไปหน่อย มันก็เป็นผลให้ไม่ได้ประตู ส่วนเกมรุกของหนองบัว พยายามจ่ายและวางยาวให้ 2 กองหน้าไปชงและเก็บกินกันเอง ซึ่งมันก็เห็นและน่าได้ประตู แต่ดันยิงติดเซฟ

ครึ่งหลังกลายเป็นเกมของ หนองบัว ที่อยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งมันก็แน่นอนว่าพวกเขาตะต้องใช้การระดมสาดบอล เพราะไม่มีช่องให้เจาะ โดยการโยนบอลใส่กรอบเขตโทษทั้งแบบ open play และฟรีคลิก มันก็เป็นผลและได้ประตู แต่ทั้งหมดถูก VAR ริบคืนทั้งหมด ทำให้เกมนี้ต้องเจ๊าแบบเจ็บใจ ส่วน เมืองทอง เกมรับยืนตำแหน่งป้องกันดี แต่พอเจอการเปิดบอลแม่นๆมันก็ต้องยอม ซึ่งเดชะบุญที่การยืนดักล้ำหน้าทำได้ดี รวมถึงการบังเหลี่ยมจนได้ฟาวล์ ส่วนเกมรุกในครึ่งหลังถือว่าสอบตกแบบสิ้นเชิง เพราะการต้องตั้งรับอย่างเดียว แล้วมันน่าจะสวนกลับตามจุดเด่นได้ง่าย แต่มันดันไม่มีแม้แต่โอกาสจะจบสกอร์  

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม หนองบัว พิชญ เอฟซี เริ่มต้นด้วยความเกรงกลัวด้วยการถอยรับแบบมากเกินไป จนเมื่อเกมเดินผ่านไปเรื่อยๆ ก็เริ่มกล้าและเห็นว่าตัวเองสู้ได้ แต่เชื่อคงไม่มีใครคิดว่าพญาไก่ชนจะออกมาสู้แบบใส่เต็มสูบขนาดนี้ ซึ่งสุดท้ายมันเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะมันทำให้ทีมได้ประตู กระนั้นมันน่าเสียดายที่ VAR ริบคืนไปหมด ขณะที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ครึ่งแรกสู้ได้อย่างสูสี แต่พอเข้าสู่ 45 นาทีหลัง กลายเป็นฝ่ายต้องกางตำรารับแบบยอมรับสภาพ เพราะเกมโต้กลับมลายหายสิ้น ฉะนั้นถ้าหากโดนยิง ก็คงจะเป็นอีกทีมที่เสร็จเจ้าบ้านผู้โหดเหี้ยม แต่ในวันนี้โชคและดวงเป็นใจ ทำให้ไม่แพ้ออกมา

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“เก้าอี้ร้อนจนด้าน”

ท่าเรือ ยังไม่ฟื้น บุกพ่าย เมืองทอง 2-1 ร่วงรูดลงกลางตาราง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 20 ในโปรแกรมของคืนวันเสาร์ ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ตอกชอกช้ำจากการโดนอุทัยธานีเขี่ยตกรอบบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ จะต้องเปิดบ้านพบกับ การท่าเรือ เอฟซี ที่นับตั้งแต่เปิดเลก 2 ยังไม่ชนะ อีกทั้งยังตกรอบบอลถ้วยหมดทุกรายการเหมือนกัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-1-4-1 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-4-1-1

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เมืองทอง ใช้เวลาราว 5 นาที ก็สามารถตั้งเกมด้วยการขึ้นบอลจากหลังและใช้การทำชิ่ง กับ โยกเปลี่ยนแกนเร็วเป็นการทำเกมรุก กระนั้นประตูนำ 1-0 มาจากจังหวะเตะมุม ที่ พ็อพพ์ ได้โหม่งบริเวณเสาไกลเข้าไป โดยในจังหวะนี้ โรลเลอร์ ไม่แข็งแรงพอที่จะเบียด แต่สำหรับ กวินทร์ ถือว่าผิดพลาดที่วางเท้าและพุ่งไม่สุดตัว ทั้งๆที่วิถีบอลไม่มุมและยังอยู่ในระยะที่จะป้องกันได้ ขณะที่ การท่าเรือ การต่อบอลและทำเกมรุกมีความไหลลื่น เพราะมี ซัวเรช คอยเชื่อมบอลทั้ง 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา แต่การจบสกอร์ไม่ดี

ครึ่งหลัง การท่าเรือ พยายามเร่งจังหวะเกมรุก ซึ่งการเร่งมากๆมันก็มีบางทีเกือบได้ผล แต่หลายจังหวะมันเร่งแล้วเสียของ จนทำให้ เมืองทอง ได้โต้กลับและได้ประตู 2-0 จากลูกเตะมุม ที่มีการโหม่งชงมาให้ ธีระพล ซัด แล้วแนวรับสิงห์เจ้าท่าไปยืนกองกันบริเวณเสาแรกและกลับมายืนขวางทางไม่ทัน จากนั้น โค้ชอู๊ด พยายามแก้เกมด้วยการเปลี่ยน โก ซุล-กิ ลงมา แล้วในทันทีก็ได้ประตูตีตื้น 2-1 ซึ่งเป็นการเปิดที่เข้าหัวพอดี กระนั้นแทนที่พวกเขาจะโหมบุกต่อ มันกลายเป็นว่าลูกทีมของโค้ชอู๊ดขึงไม่ได้และได้แต่ลุ้นประตูจากการยิงนอกกรอบ   

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมรับทำหน้าที่ได้ดี แม้จะภาพที่เกือบหลุด แต่มันก็ไม่ถึงกับผิดพลาดอะไร โดยประตูที่เสียไปก็ต้องยอม เพราะคู่แข่งเปิดแม่น ส่วนเกมรุก วันนี้เชื่อมเกมกันติดเร็วและไม่ต้องใช้เวลานาน ทำให้ประตูแรกมาเร็ว ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี เกมรับผิดพลาดไม่บ่อย แต่ผิดพลาดทีไรโดนลงโทษด้วยการเสียประตูทันที ทำให้ภาระตกไปอยู่ที่เกมรุก ซึ่งมีช่วงเวลาที่ต่อบอลได้ไหลลื่นเป็นบางช่วง ทำให้ไม่สามารถขึงและโหมใส่เจ้าถิ่นได้ สุดท้ายในเมื่อไม่มีประตูมาชดเชย ก็ต้องพ่ายแพ้ไปอีกเกม

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

การปรับเปลี่ยนนโยบายทีมที่เน้นใช้เด็ก แล้วมีการดึงอดีตตำนานของทีมอย่าง มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ เข้ามาทำทีม มันก็มีผลให้อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มีผลงานที่น่าตื่นตาและจบอันดับครึ่งบนของตาราง หลังจากทีมอยู่ในสภาวะซบเซามา 2-3 ปี

      ก่อนเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการเสริมตัวผู้เล่นไทยเพียงไม่กี่คน อีกทั้งการเสริมก็ไม่ใช่บิ๊กเนมอะไร เพราะด้วยแนวทางของโค้ชนั้นชัดเจนว่าต้องการใช้เด็กและเน้นทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมันก็สะท้อนผ่านไลน์อัพ 4-1-4-1 ที่จะใช้แบบนี้แทบทุกเกม เว้นเสียแต่วันไหนตัวเล่นขาดจริงๆ

      การออกสตาร์ทของ เมืองทอง อาจจะดูตะกุตะกะ เพราะมีชนะ เสมอ แพ้ วนๆกันไปตามประสาทีมเด็ก กระนั้นหากให้จำแนก เกมในบ้านค่อนข้างเหนียวและไม่แพ้ใครง่ายๆ อีกทั้งยังเก็บ 3 แต้มได้บ่อย ส่วนการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ก็แล้วแต่ขนาดของทีมคู่แข่ง โดยหากเป็นทีมใหญ่ ก็จะแพ้ตามเชิง แต่สกอร์ไม่ขาด ขณะที่ทีมขนาดกลางและเล็ก จะมีเพียงเสมอกับชนะ

การลงเล่นตลอดเลกแรกของ เมืองทอง จะมีจุดเด่นตรงที่การเล่นบอลกับพื้น โดยการเคาะบอลจะเริ่มจากหลังบ้านและค่อยๆขึ้นมาทีละแดน จากนั้นพอถึงแดนคู่แข่ง ก็ขึ้นเกมบุกทางริมเส้น นั่นจึงทำให้คู่แข่งมักแก้ลำด้วยการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่หน้าประตูของเมืองทอง แล้วในหลายๆมันก็ได้ผล จนกิเลนผยองออกบอลไม่ได้และต้องเสียประตู นอกจากนี้ จุดอ่อนของทีม คือ กองหลัง โดยเฉพาะ ชาติชาย ที่เป็นบ่อน้ำมันของแนวรับเกือบทุกนัด หรือต่อให้เอา เบาลินี่ ลงมา ก็เชื่องช้าและไม่ทันคู่แข่ง ส่วนเกมรุก ดูเหมือนจะมีแต่ปีกและขาดหน้าเป้าที่เป็นตัวสกอร์แบบธรรมชาติ

      ผลงานของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อจบเลกแรก อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยการมี 25 คะแนน ซึ่งมันถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งด้วยระยะห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูงเพียง 7 คะแนน มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีลุ้นติด 2 อันดับแรก สำหรับการไปลุยถ้วยเอเชีย ฉะนั้นบอร์ดบริหารจึงไม่รีรอและจัดการตามหาแข้งต่างชาติมาเสริมทีม เพื่อลบจุดอ่อนและเติมทีมให้ฟัดเหวี่ยงกับเหล่าทีมหัวตารางได้ สุดท้ายจึงจัดการคว้ามาได้ 2 ตัว คือ แกรนเบิร์ก แนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน ซึ่งจะเข้ามาผลึกกำลังกับ โรช่า และ อานิเยร์ กองหน้าตัวเป้าจากเอสโตเนีย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

การปรับเปลี่ยนนโยบายทีมที่เน้นใช้เด็ก แล้วมีการดึงอดีตตำนานของทีมอย่าง มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ เข้ามาทำทีม มันก็มีผลให้อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มีผลงานที่น่าตื่นตาและจบอันดับครึ่งบนของตาราง หลังจากทีมอยู่ในสภาวะซบเซามา 2-3 ปี

      ก่อนเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการเสริมตัวผู้เล่นไทยเพียงไม่กี่คน อีกทั้งการเสริมก็ไม่ใช่บิ๊กเนมอะไร เพราะด้วยแนวทางของโค้ชนั้นชัดเจนว่าต้องการใช้เด็กและเน้นทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมันก็สะท้อนผ่านไลน์อัพ 4-1-4-1 ที่จะใช้แบบนี้แทบทุกเกม เว้นเสียแต่วันไหนตัวเล่นขาดจริงๆ

      การออกสตาร์ทของ เมืองทอง อาจจะดูตะกุตะกะ เพราะมีชนะ เสมอ แพ้ วนๆกันไปตามประสาทีมเด็ก กระนั้นหากให้จำแนก เกมในบ้านค่อนข้างเหนียวและไม่แพ้ใครง่ายๆ อีกทั้งยังเก็บ 3 แต้มได้บ่อย ส่วนการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ก็แล้วแต่ขนาดของทีมคู่แข่ง โดยหากเป็นทีมใหญ่ ก็จะแพ้ตามเชิง แต่สกอร์ไม่ขาด ขณะที่ทีมขนาดกลางและเล็ก จะมีเพียงเสมอกับชนะ

การลงเล่นตลอดเลกแรกของ เมืองทอง จะมีจุดเด่นตรงที่การเล่นบอลกับพื้น โดยการเคาะบอลจะเริ่มจากหลังบ้านและค่อยๆขึ้นมาทีละแดน จากนั้นพอถึงแดนคู่แข่ง ก็ขึ้นเกมบุกทางริมเส้น นั่นจึงทำให้คู่แข่งมักแก้ลำด้วยการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่หน้าประตูของเมืองทอง แล้วในหลายๆมันก็ได้ผล จนกิเลนผยองออกบอลไม่ได้และต้องเสียประตู นอกจากนี้ จุดอ่อนของทีม คือ กองหลัง โดยเฉพาะ ชาติชาย ที่เป็นบ่อน้ำมันของแนวรับเกือบทุกนัด หรือต่อให้เอา เบาลินี่ ลงมา ก็เชื่องช้าและไม่ทันคู่แข่ง ส่วนเกมรุก ดูเหมือนจะมีแต่ปีกและขาดหน้าเป้าที่เป็นตัวสกอร์แบบธรรมชาติ

      ผลงานของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อจบเลกแรก อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยการมี 25 คะแนน ซึ่งมันถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งด้วยระยะห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูงเพียง 7 คะแนน มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีลุ้นติด 2 อันดับแรก สำหรับการไปลุยถ้วยเอเชีย ฉะนั้นบอร์ดบริหารจึงไม่รีรอและจัดการตามหาแข้งต่างชาติมาเสริมทีม เพื่อลบจุดอ่อนและเติมทีมให้ฟัดเหวี่ยงกับเหล่าทีมหัวตารางได้ สุดท้ายจึงจัดการคว้ามาได้ 2 ตัว คือ แกรนเบิร์ก แนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน ซึ่งจะเข้ามาผลึกกำลังกับ โรช่า และ อานิเยร์ กองหน้าตัวเป้าจากเอสโตเนีย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปภาพรวม เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในเลกที่ 1 ฤดูกาล 2021/22

การปรับเปลี่ยนนโยบายทีมที่เน้นใช้เด็ก แล้วมีการดึงอดีตตำนานของทีมอย่าง มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ เข้ามาทำทีม มันก็มีผลให้อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มีผลงานที่น่าตื่นตาและจบอันดับครึ่งบนของตาราง หลังจากทีมอยู่ในสภาวะซบเซามา 2-3 ปี

      ก่อนเริ่มออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการเสริมตัวผู้เล่นไทยเพียงไม่กี่คน อีกทั้งการเสริมก็ไม่ใช่บิ๊กเนมอะไร เพราะด้วยแนวทางของโค้ชนั้นชัดเจนว่าต้องการใช้เด็กและเน้นทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมันก็สะท้อนผ่านไลน์อัพ 4-1-4-1 ที่จะใช้แบบนี้แทบทุกเกม เว้นเสียแต่วันไหนตัวเล่นขาดจริงๆ

      การออกสตาร์ทของ เมืองทอง อาจจะดูตะกุตะกะ เพราะมีชนะ เสมอ แพ้ วนๆกันไปตามประสาทีมเด็ก กระนั้นหากให้จำแนก เกมในบ้านค่อนข้างเหนียวและไม่แพ้ใครง่ายๆ อีกทั้งยังเก็บ 3 แต้มได้บ่อย ส่วนการออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ก็แล้วแต่ขนาดของทีมคู่แข่ง โดยหากเป็นทีมใหญ่ ก็จะแพ้ตามเชิง แต่สกอร์ไม่ขาด ขณะที่ทีมขนาดกลางและเล็ก จะมีเพียงเสมอกับชนะ

การลงเล่นตลอดเลกแรกของ เมืองทอง จะมีจุดเด่นตรงที่การเล่นบอลกับพื้น โดยการเคาะบอลจะเริ่มจากหลังบ้านและค่อยๆขึ้นมาทีละแดน จากนั้นพอถึงแดนคู่แข่ง ก็ขึ้นเกมบุกทางริมเส้น นั่นจึงทำให้คู่แข่งมักแก้ลำด้วยการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่หน้าประตูของเมืองทอง แล้วในหลายๆมันก็ได้ผล จนกิเลนผยองออกบอลไม่ได้และต้องเสียประตู นอกจากนี้ จุดอ่อนของทีม คือ กองหลัง โดยเฉพาะ ชาติชาย ที่เป็นบ่อน้ำมันของแนวรับเกือบทุกนัด หรือต่อให้เอา เบาลินี่ ลงมา ก็เชื่องช้าและไม่ทันคู่แข่ง ส่วนเกมรุก ดูเหมือนจะมีแต่ปีกและขาดหน้าเป้าที่เป็นตัวสกอร์แบบธรรมชาติ

      ผลงานของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อจบเลกแรก อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยการมี 25 คะแนน ซึ่งมันถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งด้วยระยะห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูงเพียง 7 คะแนน มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีลุ้นติด 2 อันดับแรก สำหรับการไปลุยถ้วยเอเชีย ฉะนั้นบอร์ดบริหารจึงไม่รีรอและจัดการตามหาแข้งต่างชาติมาเสริมทีม เพื่อลบจุดอ่อนและเติมทีมให้ฟัดเหวี่ยงกับเหล่าทีมหัวตารางได้ สุดท้ายจึงจัดการคว้ามาได้ 2 ตัว คือ แกรนเบิร์ก แนวรับลูกครึ่งไทย-สวีเดน ซึ่งจะเข้ามาผลึกกำลังกับ โรช่า และ อานิเยร์ กองหน้าตัวเป้าจากเอสโตเนีย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“อาถรรพ์ธันเดอร์โดมยังอยู่”

เมืองทอง บีจี ผลัดกันนำ-ตาม สุดท้ายจบมิตรภาพ 2-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 คู่บิ๊กแมตช์ของสัปดาห์นี้ ไปกันที่สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ดันพลิกล็อคตกรอบบอลถ้วย ด้วยน้ำมือของทีมรองบ่อน จะต้องพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ไม่ชนะใครในลีก 4 นัดติด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้แผน 4-1-4-1 ตามเดิม เช่นเดียวกับทีมเยือนที่เป็น 3-5-2

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เมืองทอง พยายามจะเซตบอลจากหลังตามถนัด แต่การถูกบีบสูง ทำให้เสียบอลหน้าบ้านตัวเองบ่อยครั้ง กระนั้น บีจี ปทุม ก็ไม่สามารถฉวยโอกาสตรงนี้ให้เป็นประตูได้ อีกทั้งการขึ้นเกมบุกครั้งแรกของ เมืองทอง ก็ได้กลายเป็นประตูนำ 1-0 ซึ่งการขึ้นบอลในจังหวะนี้และอีกหลายๆครั้ง เจ้าบ้านจะใช้การต่อบอลเร็วทางริมเส้นเพื่อดึงตัวประกบ จากนั้นเมื่อเข้าสู่แดน 3 ก็จะวางบอลเปลี่ยนแกนให้กับตัวที่เติมขึ้นมา แล้วมันสร้างความหวาดเสียวจนเกือบได้ประตูทิ้งห่าง ตรงข้ามกับทีมเยือนที่คู่แข่งพลาดให้ รวมถึงมีจังหวะหลุดเดี่ยว แต่ก็ยิงประตูตีเสมอไม่ได้

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม เปลี่ยน อภิสิทธิ์ลงมายืนตำแหน่งปีกซ้าย แล้วจังหวะแรกที่เจ้าตัวจับบอล ก็ได้เปิดและกลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 โดย ชาติชาย คือ คนที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากประกบ ดิโอโก้ อยู่ดีๆ แต่พอถึงจังหวะบอลลอยมา ดันไม่กระโดดตาม จากนั้น บีจี ปทุม พยายามให้ผู้เล่นลากบอลและเคลื่อนที่เยอะๆ ซึ่งมันดีกว่าการส่งไปมาตรงที่แนวรับเจ้าบ้านตามปรกบไม่ค่อยทัน แล้วไม่นานนัก กระต่ายแก้วก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-2 กระนั้นการยิงของ อิคซาน ต้องชื่นชม เพราะมุมถูกปิดหมด แต่กลับสามารถพลิกตัวยิงจนบอลพุ่งเสียบเสาไกล

แม้ว่าจะสกอร์จะนำ 1-2 แต่ บีจี ปทุม ก็ยังเพรสซิ่งสูงและได้บอลตลอด กระนั้นการต่อบอลและจบสกอร์ที่ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถยิงเพิ่ม ส่วน เมืองทอง ออกบอลพลาดหน้าบ่อย แต่พอแกะเพรสออกมาได้ ก็สามารถใช้บอลริมเส้นโจมตีจนได้ลูกตีเสมอ 2-2

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมรับมีความผิดพลาดในการป้องกันและการออกบอล ซึ่งมันพลาดค่อนข้างเยอะ แต่ยังดีที่คู่แข่งไม่คมทำให้โดนเพียงเท่านี้ ส่วนเกมรุกต้องชื่นชมที่มีโอกาสน้อย แต่สามารถต่อบอลและสอดประสานไหลลื่น รวมถึงจบสกอร์เฉียบคม ขณะที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมรุกเพรสซิ่งจนตัดบอลดี แต่การเข้าทำย่ำแย่และไม่มีทีมเวิร์ค เช่นเดียวกับกองหลังที่เปิดช่องและเสียประตูจากลูกโด่งอีกแล้ว

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“พลาดปั๊บสกอร์ไหล”

เมืองทอง เต็มระบบ ถล่ม โคราช 4-1 ส่งท้ายเลกแรก  

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 15 ของฤดูกาล ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผลงานค่อนข้างลอยตัวแล้ว จะต้องพบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทีมที่เล่นนอกบ้านได้ไม่ดีเอาเสียเลย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-1-4-1 เหมือนเดิม เช่นกันกับทีมเยือนที่ใช้ 4-2-3-1

      เกมการแข่งขันเริ่มต้นไปได้แค่ 3 นาที ธวัชชัย แจกของขวัญด้วยการออกมาตัดบอลพลาด แล้วจังหวะต่อมา แนวรับของทีมเยือนถอยกันหมด ทำให้ พ็อพพ์ ที่เติมขึ้นมาได้ยิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 จากนั้นให้หลังไม่กี่นาที นายทวารผู้นี้ก็ต้องเปลี่ยนตัวออก เพราะมีอาการบาดเจ็บ

      หลังจากเสียประตู นครราชสีมา พยายามจะเดินเกมบุก แต่ก็เหมือนอย่างที่คาด คือ แนวรุกชำนาญแต่การใช้ความเร็ว ทำให้เมื่อเจอแนวรับที่ถอยต่ำ จึงต้องใช้การโยนหรือจ่ายยัดไปหน้าประตู ขณะที่ เมืองทอง ถอยลงไปรับแต่ก็รอโอกาสสวนกลับ แล้วมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 จากการจ่ายให้ พิชา ใช้ความเร็วเลี้ยงฝ่าและยิงเข้าไป ซึ่งในจังหวะนนี้ต้องโทษแนวรับทีมเยือนด้วย ที่ตามประกบอยู่ดีๆแต่ นัฐพงษ์ ดันไปเข่าอ่อนและล้ม ไม่ต่างกันกับ พิศาล ที่ปล่อยให้โดนยิงลอดขาที่เสาแรก ทั้งที่ไม่อยู่ในระยะที่จ่อขนาดนั้น

ครึ่งหลัง โคราช พยายามจะทำเกมบุกเพื่อทวงประตูตีไข่แตกให้เร็ว แต่พอโดนสวนกลับและเสียประตู สกอร์มันก็ขาด โดยแม้ว่าจะยิงไล่มา 3-1 แต่เวลาก็เหลือน้อย มิหนำซ้ำพอโดนยิงฝัง 4-1 เกมก็จบลงแบบสมบูรณ์ทันที  

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่ต้นเกม อีกทั้งทีมที่เจอก็เป็นทีมที่วรรณะต่ำกว่า ทำให้สถานการณ์ค่อนข้างได้เปรียบและรอโต้กลับเพื่อยิงเพิ่มเท่านั้น แล้วแท็กติกที่ว่ามานั้นก็เป็นผลกับการยิงถึง 4 ประตู และคว้า 3 แต้ม ไปแบบง่ายๆ ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี การเสียประตูก่อนเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องระวัง แล้ววันนี้ดันเสียเร็วและต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูอีก ทำให้เกมนี้ไม่มีอะไรเป็นใจ อีกทั้งการขึงบุกใส่และครองบอลให้เหนียวแน่นต่อทีมที่รับต่ำ พวกเขาก็ไม่มีความถนัดอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อไรที่เสียบอล พวกเขาก็ต้องถอยไปรับอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายเมื่อเสียบอลบ่อยๆ แล้วแนวรับมีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีก ประตูที่เสียก็เลยไหลและขาดอย่างรวดเร็ว  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“10 ตัว ที่รูปเกมเหนือกว่า”

บียู 10 ตัว จัดการตบ เมืองทอง นิ่มๆ 3-1 รั้งจ่าฝูงต่ออีกสัปดาห์

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 14 คู่ส่งท้ายของโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามธรรมศาสตร์รังสิต ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่กำลังรั้งจ่าฝูงและฟอร์มแรงต่อเนื่อง จะต้องพบกับทีมวัยหนุ่มคะนองอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผลงานไปลุ่มๆดอนๆ แต่อยู่ในเกณฑ์ดี สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-3-3 ขณะที่ทีมเยือนใช้แผนเดิมอย่าง 4-1-4-1

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นได้ราว 10 กว่านาที ทรู แบงค็อก ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะ พีรพัฒน์ ไปเปิดปุ่มใส่คู่แข่งจนโดนใบแดงโดยตรง ซึ่งนั้นทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาตั้งหลักอยู่นาน กว่าจะคุมเกมและยิงประตูนำ 1-0 จากการยิงไกลเสียบสามเหลี่ยมแบบสุดสวย แต่เพียงชั่วครู่ เมืองทอง มาตามตีเสมอ 1-1 จากการเปิดเตะมุมและหัวชง ก่อนจะตามยิงเข้าไป ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับเจ้าบ้านมีความผิดพลาดในการยืนป้องกัน อย่างไรเสีย แข้งเทพ ก็มาได้ประตูนำ 2-1 จากลูกฟรีคลิกที่เปิดให้ เอฟเวอร์ตัน โหม่ง 

ครึ่งหลัง เมืองทอง ที่ตัวเหนือกว่า พยายามจะแก้เกมเพื่อแก้เพรสซิ่งและทำเกมรุก แต่ภาพที่ออกมา คือ การรับส่งบอลไม่แม่นและไม่สามารถหลีกหนีการเพรสซิ่งอันหนักหน่วงในแดนอันตรายของเจ้าบ้านได้ ทำให้โอกาสยิงประตูไม่มีและเสียบอลให้ บียู เอาบอลไปโต้กลับ กระทั่งเสียประตู 3-1 หลังจากนั้น เมืองทอง ยังคงเดินเกมบุกต่อ ซึ่งมันก็เริ่มดีขึ้น แต่ไม่มีจังหวะจบสกอร์ ส่วนทางฝั่ง บียู เกมรับเริ่มจะเห็นช่องว่างมากขึ้น แต่ยังเดะชะบุญที่ไม่เสียประตู ขณะที่เกมโต้กลับก็มลายหาไปทันที นับตั้งแต่ วานเดอร์ หลุยส์ ถูกเปลี่ยนตัวออกไป

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เจอสถานการณ์ที่ไม่ดีตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งยังดีที่ตัวเองยังประคองสถานการณ์แล้วมาได้ประตูจากความสุดยอดของนักเตะและความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้าม กระนั้นแนวรับของทีมก็ยังดูมีปัญหา ซึ่งยังดีที่ที่คู่แข่งไม่ได้มีศักยภาพสูง มิเช่นนั้นวันนี้จะเหนื่อยหนักกว่านี้ ขณะที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ศักยภาพเป็นรอง แต่สถานการณ์เหมือนจะเป็นใจให้ แต่วันนี้ตัวเองไม่ได้มาในฟอร์มที่ดี เพราะมันมีภาพของเกมรุกที่เจาะพื้นที่แดนสุดท้ายไม่ได้ และเกมรับก็ยืนกันผิดพลาด กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าคู่แข่งมีลูกยิงที่สุดยอดด้วย ทำให้ทั้งหมดทั้งมวลผสมกันจนกลายเป็นความพ่ายแพ้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“อย่ากระตุกหางกิเลน”

เมืองทอง โดนก่อนแต่รัวแซง ขอนแก่น 3-1“อย่ากระตุกหางกิเลน”

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 7 คู่ส่งท้ายของวันเสาร์ อยู่ที่สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฐานะเจ้าถิ่น เปิดบ้านรับน้องใหม่อย่าง ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่อยากจะมาหยิบแต้มออกไป สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ตามคาดและไม่พลิกโผ คือ 4-1-4-1 ของเจ้าบ้าน และ 3-5-2 ของทีมเยือน 

          ขอนแก่น เปิดฝ่ายครองบอลเข้าใส่เจ้าบ้าน แต่เมื่อถึงจังหวะเข้าทำ ก็จะฝากหรือแทงไปให้ เมโล่ ซึ่งเพียง 13 นาที ขอนแก่น ก็มาได้ประตูนำ 0-1 แบบสุดสวย จากการฝากบอลให้ดาวเตะชาวบราซิลเลี้ยงหลบหน้าหลบหลัง ก่อนตะบันจากนอกกรอบเสียบสามเหลี่ยมเข้าไป จากนั้นกลายเป็นสถานการณ์บังคับให้ เมืองทอง ต้องบุก แต่ด้วยสปีดบอลที่ช้า ทำให้เวลาที่จะได้เอาไปโหมบุกต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

          ในขณะที่ต้องเล่นเกมรุกเพื่อเอาประตูตีเสมอ แนวรับของเมืองทอง ก็เปิดพื้นที่ด้านข้างไว้ค่อนข้างเยอะและโดนโจมตีจากพื้นที่ตรงนี้แบบหวาดเสียว ซึ่งยังดีที่คู่แข่งไม่ใช่ทีมใหญ่ มิเช่นนั้นมีสิทธิ์โดนบวกประตูเพิ่มไปแล้ว กระนั้นหลังจากนาทีที่ 25 ผ่านไป การทำชิ่ง การสอดประสานเริ่ม และการวางบอลยาวจากหลังเริ่มดีขึ้น ทำให้สามารถพาบอลไปได้ถึงแดนสุดท้ายของ ขอนแก่น แต่ยังไม่ได้ประตูตีเสมอเพราะไม่คมเอง  

ครึ่งหลัง เมืองทอง พยายามเล่นเกมรุกด้วยการเจาะพื้นที่ว่าง ผ่านการวางบอลยาวจากหลังและเปลี่ยนแกนเร็ว ซึ่งสาเหตุที่ทำแบบนี้มันช่วยให้หลีกหนีการประกบของแนวรับทีมเยือนได้ กระทั่งมันกลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 จากนั้นประตู 2-1 แนวรับขอนแก่น ผิดพลาดที่เข้าไม่ถึงสักคน รวมถึงผู้รักษาประตูที่ชกบอลไม่โดน ทำให้ตัวรองที่ยืนรออยู่จัดการเก็บกิน ซึ่งการโดนพลิกแซงทำให้ จงอางผยอง ต้องเปิดเกมรุกตามเชิง แต่สุดท้ายก็มาโดนโต้กลับจนเสียประตูปิดกล่อง 3-1

          ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เสียประตูการยิงประตูอย่างยอดเยี่ยมของ เมโล่ ก็จริง แต่ในจังหวะอื่น เกมรับยังคงมีช่องโห่วมากมาย ยังดีที่วันนี้คู่แข่งไม่ใช่ทีมใหญ่ มิเช่นนั้นได้คาบ้านและจอดป้ายไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว ส่วนเกมรุก จริงๆควรตีเสมอได้ตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว หากจบสกอร์ได้คมกว่านี้ มิใช้รอเวลาจนถึงครึ่งหลังแบบที่เป็น ขณะที่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด การชิงความได้เปรียบด้วยการยิงนำก่อนไม่ได้ช่วยอะไร เพราะแนวรับเปิดช่องว่างไว้ตลอด อีกทั้งยังมาเจอแท็กติกที่ทำให้แนวรับต้องวิ่งประกบแบบวุ่นวาย ซึ่งหากวันนี้คู่แข่งยิงได้คม สกอร์อาจไหลเหมือนในเกมที่พบกับ ชลบุรี ก็ได้

ติดตามข่าวสารกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“จุดโทษคนละทีแล้วแยกย้าย”

เมืองทอง โดนและได้จุดโทษ สุดท้ายเจ๊า หนองบัว 1-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 6 ลงแข่งขันกันในกลางสัปดาห์ โดยในส่วนนี้ของพาไปที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้ฟอร์มการเล่นลุ่มๆดอนๆ ไม่มีความมั่นคงในผลงาน พบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่สบายขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากเก็บชัยในลีกได้ 2 นัดแล้ว สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-1-4-1 ส่วนทางฝั่งทีมเยือนใช้ 3-5-2

       เกมการแข่งขันเริ่มไปได้ 2 นาที เมืองทอง กำลังเซตบอลหลังบ้านแล้วดันจ่ายน้ำหนักขาด ทำให้กองหลังจอมเอ๋ออย่าง ชายชาติ ตัดฟาวล์แบบเสียเหลี่ยมและเป็นจุดโทษ 0-1 ที่ แฮรมิลตัน ซอยยเท้าถี่ๆเข้ามายิง ซึ่งน้ำหนักไม่ค่อยดี แต่ทิศทางยังดีพอที่เข้าประตูไป แม้จะโดนปัดไว้ได้เล็กน้อย จากนั้นเพียง 10 นาทีให้หลัง กิเลนผยองก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจุดโทษเหมือนกัน จากข้อหาที่ไปเข้าพรวดใส่    

       หลังจากที่สกอร์กลับมาเท่ากัน เมืองทอง พยายามเปิดจะเซตบอลและบุกใส่ ซึ่งจะเริ่มจากพื้นที่ริมเส้นแล้วค่อยๆตัดเข้าด้านใน ไม่เสี่ยงเปิดยาวไปหน้าประตู กระนั้นอุปสรรคที่ต้องเจอ คือ หนองบัวจะดันสูงและไล่บีบในจังหวะที่ กิเลนผยอง สุ่มเสี่ยงจะเสียบอล แต่ย่างไรเสียการไล่บี้แบบนี้ช่วยแค่เกมรับ เพราะการตัดบอลและนำไปโต้กลับ ไม่มีปรากฏให้เห็นกระทั่งหมด 45 นาทีแรก   

ครึ่งหลัง เมืองทอง ลงมาเล่นเกมบุกด้วยการเซตบอลจากหลังบ้าน จากนั้นเมื่อเข้าสู่แดน 3-4 ของคู่แข่ง ก็จะเล่นแบบน้อยจังหวะและจบสกอร์ ซึ่งจากเดิมที่เจาะริมเส้น ก็เริ่มเจาะพื้นที่กลางสนามได้ โดยทั้งหมดมีโอกาสยิง แต่ก็ไม่ผ่านมือผู้รักษาประตู ส่วนทางฝั่งหนองบัว เกมบุกจะเรียกว่าพิการเลยก็ได้ เพราะแทบจะไม่มีการตัดบอลเพื่อเอาไปจบสกอร์เลย ทำให้เกมรับต้องรับภาระไปเต็มๆ อีกทั้งในนาทีนั้นมีสิทธิ์แพ้สูงมากหากโดยยิงประตู แต่อย่างไรเสียลูกทีมของโค้ชวังก็ต้านทานอยู่และเอาแต้มออกมาได้

       ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด แสดงความผิดพลาดในเกมรับครั้งเดียวและเสียประตู แต่จากนั้นก็แทบจะไม่มีข้อผิดพลาด เพราะคู่แข่งบุกมาไม่ถึง ส่วนในแผนกเกมรุก วันนี้ทำได้ตามมาตรฐาน แต่มันไม่มีสกอร์ก็เท่านั้น ขณะที่หนองบัว พิชญ การได้ประตูนำเร็ว ทำให้ทีมริเริ่มที่จะรัดกุม ทั้งที่เวลายังเหลืออีกมาก กระนั้นเมื่อโดนตีเสมอก็เลือกที่จะรัดกุมต่อไป ซึ่งยังดีที่เอาแต้มออกมาได้ แต่หากเจาะลึกลงไปจะพบว่าแท็กติกของโค้ชวังค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับการไม่มีแต้มกลับบ้าน เพราะเกมรุกแทบจะไม่มีโอกาสได้รบกวนคู่แข่งเลย

ติดตามข่าวสารกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover