Categories
ข่าวกีฬา

หยุดฝันแชมป์ไร้พ่าย

โมต้า ตัวแสบ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ยิงเฉือน บุรีรัมย์

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ณ สนามทรู สเตเดี้ยม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่รั้งอันดับ 2 ของตาราง จะต้องพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นำเป็นจ่าฝูง อีกทั้งวันนี้จะการันตีแชมป์แบบ 100% หากบุกมาคว้าชัยชนะเหนือแข้งเทพได้ ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างมาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน  

      ทรู แบงค็อก ครองบอลได้เหนียวและต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถพาเข้าไปในแดน 3-4 ได้ แล้วเพียงแค่นาทีที่ 11 พวกเขาเสียบอลกลางทางให้ บุรีรัมย์ ที่แม้จะสวนเร็วไม่ได้ เพราะมีแนวรับเจ้าบ้านยืนประคองอยู่ แต่ ศุภชัย ตัดสินใจยิงไกลเสียบหน้าต่างมุมบนให้ทีมเยือนนำ 0-1 จากนั้น บียู พยายามเดินเกมรุก ด้วยการวางบอลยาวไปยังบริเวณริมเส้นและเล่นจังหวะเดียว จนโอกาสใกล้เคียงเริ่มปรากฏ

กระนั้นในนาทีที่ 32 จังหวะบอลที่ไม่มีอะไร แนวรับ บียู จ่ายคืนเบาเกินไป ทำให้ ศุภชัย ที่อ่านจังหวะอยู่ วิ่งสปีดขึ้นบอลฉกและยิงทิ้งห่างให้ บุรีรัมย์ นำเป็น 0-2 อย่างไรเสียไล่หลังเพียง 2 นาที แข้งเทพมาได้ประตูตีตื้น 1-2 จากจังหวะจ่ายเลียดทางด้านข้าง โดยระยะที่มันจ่อประตูมาก มันมีผลให้ รัตนากร สกัดเข้าประตูตัวเองไป

ช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง รูปเกมของ บียู ไม่สามารถโจมตีใส่ผู้มาเยือนได้ กระทั่งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว การวางบอลเปลี่ยนแกนและเปิดไปหน้าประตู เพื่อให้ตัวด้านในจบสกอร์ มันมีโอกาสเหน่งๆหลายครั้ง กระทั่งในนาทีที่ 65 ได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการลากบอลชายเดี่ยวของ วานเดอร์ แล้วจ่ายแทงเฉียงไปทางขวาเพื่อเปิดไปหน้าประตูให้เพื่อนเข้าชาร์ต

จากนั้นรูปเกมเป็นของ บียู และนาทีที่ 77 มาได้ประตูแซงนำ 3-2 จากเตะมุมที่ โมต้า วิ่งฉีกไปโหม่งที่เสาแรก กระนั้น บุรีรัมย์ ไม่ยอมแพ้และมายิงตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 81 จากความผิดพลาดของ เอฟเวอร์ตัน ที่โหม่งพลาด ทำให้ เคาซิช ได้ยิงแบบเต็มข้อ นั่นจึงทำให้เกมน่าจะจบแบบแบ่งแต้ม แต่ในช่วงวินาทีสุดท้ายของเกม บียู เก็บบอลและโต้กลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ โมต้า จะยิงแบบเฉือนๆจนบอลชนเสาและกระเด้งเข้าประตูไป ทำให้เกมจบด้วยชัยชนะของแข้งเทพ 4-3

บทสรุปจากเกม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เสียทั้ง 3 ประตู จากความผิดพลาดของตัวเองแบบล้วนๆ แต่มันชดเชยด้วยการยิงประตูที่มากกว่า คือ 4 ลูก ฉะนั้นการคว้า 3 แต้มใหญ่ในวันนี้ อาจจะดูน่ายินดี แต่ปัญหาเดิมๆก็ยังคงมีอยู่ ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รูปเกมเป็นรองเจ้าบ้าน

แต่มีความเฉียบคมและฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งได้หมด กระนั้นเกมรับก็มีรูรั่วให้เห็นอยู่ โดยการเสียประตูทั้ง 4 ลูก ล้วนมาจากการยืนตำแหน่งป้องกันที่ไม่แนบชิด ฉะนั้นต่อให้เป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ ปราสาทสายฟ้าก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ที่ไหน เมื่อไร ไม่แพ้

ศุภณัฎฐ์ ตัวป่วน ช่วย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ณ สนามดราก้อนโซล่าร์ปาร์ค บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า 5 สมัย และแชมป์ทีมล่าสุด พบกับ การท่าเรือ เอฟซี แชมป์เก่า 3 สมัย โดยเกมนัดนี้จะแข่งขันนัดเดียวรู้ผล ฉะนั้นหากเสมอกันในช่วง 90 นาที จะมีการต่อเวลาและยิงจุดโทษเพื่อหา 1 ทีม เข้าไปชิงชนะเลิศ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ปราสาทสายฟ้าใช้ระบบ 4-4-2 ส่วนสิงห์เจ้าท่าเปลี่ยนเล่นระบบ 3-5-2

      นับตั้งแต่นาทีที่ 10-25 ของเกมการแข่งขัน บุรีรัมย์ ครองบอลกดดันใส่คู่แข่งได้ดี แต่ไม่สามารถพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เน้นแพ็คเกมรับให้แน่นหนา แล้วเมื่อไรที่ได้บอลมาครองก็จะไม่เสียง่ายๆ กระนั้นเมื่อพาบอลเข้าเข้าไปในแดนคู่แข่ง

พวกเขามักเสียบอลจนแทบไม่มีโอกาสได้ลุ้น กระทั่งเกมผ่านครึ่งชั่วโมง ทั้ง 2 ทีม เปิดเกมรุกใส่กัน แล้วเป็นทางฝั่งปราสาทสายฟ้า ที่ใกล้เคียงจะได้ประตู เพราะมีจังหวะเล่นลูกฉาบฉวย แต่ดันยิงไม่เข้าเอง ขณะที่ สิงห์เจ้าท่า ประสิทธิภาพเกมรุกด้อยกว่า เพราะรูปแบบการเข้าทำน้อยและไม่รวดเร็วพอที่จะเอาชนะคู่แข่ง

บุรีรัมย์ ยังคงเน้นการโจมตีทางด้านข้าง แต่พยายามกำชับให้เปิดไปยังบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ หรือแถว 2 เพื่อให้มีพื้นที่จบสกอร์ อย่างไรเสียประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 60 มาจากการเล่นเร็วแบบฉาบฉวย แล้วจังหวะยิงของ ศุภณัฎฐ์ ก็เป็นใจด้วย

จากนั้น การท่าเรือ พยายามจะเร่งเกมบุก แต่ยิ่งเร่งก็ยิ่งเสียและโดนโต้กลับ ไม่เพียงเท่านั้น เกมรับที่เหนียวแน่นในครึ่งแรก ก็เริ่มเปิดช่องว่างในพื้นที่กรอบเขตโทษ สุดท้ายโดนยิงประตูทิ้งห่าง 2-0 ในนาทีที่ 76 ขณะที่ช่วงเวลาที่เหลือ สิงห์เจ้าท่าได้แต่เซตบอลไปมากลางสนาม กระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน

          บทสรุปจากเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในครึ่งแรก มีช่วงเวลาที่ขึงและทำได้ดีกว่าเพียงแค่ 10-15 นาที เพราะหลังจากนั้น กลายเป็นเกมชิงจังหวะตรงพื้นที่กลางสนาม จนในครึ่งหลัง รูปเกมก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิม แต่การเล่นเร็วและได้ประตูนำ 1-0 มันก็ช่วยให้พวกเขาคลายกดดัน ก่อนจะมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 และปิดเกม ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี เกมนี้วางหลังสามและเล่นเกมรับได้ดี

แต่เกมสวนกลับ เหมือนทิ้งขว้างโอกาสไป เพราะบอลเคลื่อนที่ช้าและไม่มีรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย จนในครึ่งหลังเมื่อเสียประตูก่อน จากจังหวะที่ไม่ควรเสีย รูปเกมก็หลุดจากวงโคจรไปเลย ดังจะเห็นได้จากเกมรุกที่เร่งจังหวะแล้วจ่ายเสีย หรือเกมรับที่ยืนเปิดพื้นที่ให้กรอบเขตจนโดนยิงเพิ่มฃ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สายฟ้าเฉือนท้ายเกม”

โรช่า โอนโกว์ ส่ง บุรีรัมย์ ไปต่อด้วย

ศึกฟุตบอลรีโว่ลีกคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ณ สนามธันเดอร์โดม สตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด อดีตแชมป์รายการนี้ 1 สมัย ได้รับจับสลากเป็นเจ้าบ้านพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ทีมล่าสุดที่กวาดถ้วยรายการนี้ไปแล้ว 6 สมัย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-1-4-1 ส่วนทีมเยือนใช้ 4-4-2

      เกมในช่วง 15 นาทีแรก เมืองทอง ดูคึกคักกับการเซตบอลจากหน้าปากประตูตัวเอง แล้วค่อยๆแกะเพรสจากแดนกลางสู่แดนหน้า กระนั้นปัญหาที่เห็น คือ ตัวรุกเติมขึ้นมาเพียง 1-2 คน ทำให้การจบสกอร์ค่อนข้างห่างจากปากประตู จากนั้นเมื่อเกมผ่าน 20 นาที บุรีรัมย์ เพรสซิ่งแดนกลางได้อยู่หมัดและสามารถจู่โจมตีให้เจ้าบ้านได้เรื่อยๆ โดยการแทงบอลตัดแนวรับทางฝั่งขวา ก่อนจะตบบอลมาหน้าประตู กลายเป็นสูตรทีเด็ดที่สร้างจังหวะหวาดเสียวได้ อย่าไรเสียประตูนำ 0-1 มาจากการชิงจังหวะเล่นเร็วของ ธีราทร ให้ ศุภณัฏฐ์ ได้จับแล้วยิงทันที

ครึ่งหลัง เมืองทอง เปลี่ยนตัวรุกริมเส้นลงมา แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะ บุรีรัมย์ มีการเพรสซิ่งที่หนักหน่วงและได้บอลคืนค่อนข้างถี่ในแดนของเจ้าบ้าน แต่การสร้างจังหวะจบสกอร์มีน้อย กระทั่งนาทีที่ 80 จุดเปลี่ยนของเกมมาเกิดขึ้นเมื่อมีการแฮนด์บอลในเขตโทษ อย่าไรเสียหากมี VAR ลูกนี้อาจไม่เป็นจุดโทษเพราะมันเสมือนกับเอาแขนกางเพราะประคองตัว ก่อนที่จุดโทษนี้จะกลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 จากนั้นไล่หลังแค่ 7 นาที บุรีรัมย์ มาได้ประตูชัย 1-2 จากการจ่ายตัดหลังแบ็คขวา แล้วเปิดเข้าหน้าประตู โดยในจังหวะนี้มันพุ่งเข้าเท้าโรช่า จนเข้าประตูไป

บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด พยายามเล่นเกมของตัวเองด้วยการเซตบอลจากหน้าปากประตู แต่มันเป็นการเล่นที่เสียเวลา เสียพลังงาน และไม่มีโอกาสที่จะทำอันตรายคู่แข่ง เพราะในหลายๆจังหวะเสมือนกับการจ่ายบอลเพื่อแก้ไขและมิให้ถูกแย่งในแดนตัวเอง กระนั้นเหมือนจะมีโชคดีที่ได้ประตีเสมอท้ายเกม

แต่สุดท้ายโชคชะตาก็มาเอาคืนด้วยการเสียประตูกลับไป ทำให้กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมเพรสซิ่งแดนกลางทำงานได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่กดหัวเจ้าบ้านได้อยู่หมัด อย่างไรเสียเกมรุกสร้างจังหวะเข้าทำได้ดี แต่ในเรื่องของจังหวะจบสกอร์ยังมีน้อยไปหน่อย แล้วมันเกือบส่งผลให้วันนี้ต้องเล่นในช่วงต่อเวลา ซึ่งยังดีที่จังหวะฟุตบอลเป็นใจ ทำให้เฉือนชนะออกมาแบบหงุดหวิด

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สายฟ้าหวิดคาบ้าน”

กำลังจะคาบ้าน ก่อนได้ ศุภชัย ยิงเซฟแต้มจาก บีจี ปทุม 2-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ของฤดูกาล ณ สนามช้างอารีน่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ทแบบไม่มีติดขัด จะต้องพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่แค่เปิดหัวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว อีกทั้งการพบกับของทั้ง 2 ทีม ก็พึ่งเจอกันไปในเกมไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ แล้วเป็นทางกระต่ายแก้ว คว้าชัยชนะได้ 2-3 ส่วนเกมนี้ทั้งทั้งคู่ต่างมาในระบบเดียวกัน คือ 4-2-3-1  

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น บุรีรัมย์ พยายามโหมบุกใส่ทีมเยือน แต่ด้วยสภาพสนามที่มีน้ำท่วมขัง ทำให้ต้องวางบอลจากหลังไปให้แนวรุกเก็บและหาช่องยิง แต่มันไม่อันตรายเพราะการจบสกอร์อยู่นอกเขตโทษและมีแนวรับทีมเยือนอยู่ขวางอยู่เต็มลำ กระนั้นมันก็มีจังหวะที่ บุรีรัมย์ น่าได้แบบจริงจัง แต่ดันโดนสกัดไว้ได้แบบคาเส้น

ซึ่งในเมื่อบุกแล้วไม่ได้ บีจี ปทุม ได้บุกครั้งแรก กลับได้ประตูนำจากการเปิดทางฝั่งขวาตามจังหวะของเกม แล้วเหลี่ยมบอลพุ่งหาหน้าแข้งของ นฤบดินทร์ และเหลี่ยมดันโชคร้ายเข้าประตูให้ บีจี ปทุม นำก่อน 0-1 ในนาทีที่ 25 ถัดมาเพียง 3 นาที บีจี ปทุม ขึงบุกและเปิดบอลทางฝั่งขวาให้ อิคซาน โหม่งเต็มศีรษะหนีเป็น 0-2 จากนั้นกลายเป็นปราสาทสายฟ้า ที่เกมบุกช็อคไปเสียเสียดื้อๆจนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง บุรีรัมย์ กลับมาโหมบุกใหม่อีกครั้ง กระทั่งมาได้ประตูตีตื้น 1-2 จากการที่ ธีรศิลป์ ไปโอบด้านหลัง ซึ่งดูเบาไปสักหน่อยที่จะให้จุดโทษ แต่กระนั้นกลับเป็น บุรีรัมย์ เสียเอง ที่เกมรุกดูเหี่ยวเฉาลงไปอีกครั้ง จนเข้าสู่ช่วงทดเวลา ก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการเตะสกัดไม่ขาดของแนวรับ บีจี ปทุม เอง ทำให้ ศุภชัย ได้ยิงแบบเต็มช่วยเซฟแต้มไว้

      บทสรุปจากเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีในช่วง 15 นาทีแรกของเกม แต่พอไม่ได้แล้วมาเสีย 2 ประตู รูปเกมที่เคยทำได้ดีก็หายไป จนในช่วงต้นครึ่งหลัง เมื่อปรับจูนมาใหม่ก็เล่นได้ดีอีกครั้ง แต่พอเล่นๆไปอาการเดิมออก กระนั้นยังดีที่วันนี้สามารถแบ่งแต้มได้ ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมรับถือว่าช่วยเซฟทีมไม่ให้โดนนำเร็ว ขณะที่เกมรุกดูไม่เห็นถึงรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย แต่ดันโชคดีที่ได้ประตูจากความผิดพลาดของคู่แข่งและโยนแม่นอย่างละ 1 ลูก นั่นจึงทำให้ครึ่งหลังเล่นสบาย แต่อาจจะผ่อนมากไปหน่อย แถมมีความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ทำให้จาก 3 เหลือแค่ 1 แต้ม  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“กระต่ายประเดิมแชมป์”

บีจี ปทุม ฟอร์มหรู คว่ำบุรีรัมย์ 10 คน 3-2 เถลิงแชมป์ 2 สมัยซ้อน

ศึกฟุตบอลแชมป์ชนแชมป์ ไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ 2022/23 ปีนี้ได้โยกมาจัดที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา โดยคู่ชิงในวันนี้เป็นการพบกันของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทริปเปิ้ลแชมป์ 3 ถ้วยเมื่อฤดูกาลที่ผ่าน กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เป็นรองแชมป์ในลีก ส่วนผังการเล่นในวันนี้ ทั้ง 2 ทีมต่างมาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน

        การแข่งขันเริ่มต้นไปได้เพียง 6 นาที บีจี ปทุม ชิงนำก่อน 0-1 จากการสวนขึ้นมา แล้ว ปฐมพล เลือกยิงไกลจากนอกกรอบ ซึ่งเป็นการยิงที่ดี ส่วนแล้วรับบุรีรัมย์ไม่ถึงขั้นผิดพลาด แต่ป้องกันได้ดีไม่สุด จากนั้นรูปเกมกลายเป็นบุรีรัมย์ ที่ต้องพยายามตั้งเกม ซึ่งเกือบจากได้ฟรีคลิกที่แนวรับบีจี ปทุม ประกบหลวม ขณะที่ลูก open play เซตขึ้นมาและเข้าแดนสุดท้ายแบบนานๆที กระทั่งนาทีที่ 34 บุรีรัมย์มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 โดยลูกนี้ต้องชมคนเปิดที่โยกแล้วเปิดได้ถูกจังหวะ ขณะที่คนโหม่งอย่างโบรินกี้ ก็ขยับหาพื้นที่ได้ดี

        การมีประตูตีเสมอเกิดขึ้นก่อนจบครึ่งแรก ทำให้ทั้ง 2 ทีมต่างเปิดหน้าแลกใส่กัน จนในนาทีที่ 37 บีจี ปทุม ออกนำ 1-2 อีกครั้ง จากการเปิดบอลเข้าไปตรงกรอบเขตโทษ แล้ว อิคซาน เลือกโหม่งแล้วบอลพุ่งเช็คเสาเข้าไปแบบสุดสวย จากนั้น บุรีรัมย์ พยายามจะเอาคืนและเกือบได้ แต่ถูก VAR ริบคืนเพราะล้ำหน้า

ครึ่งหลัง บุรีรัมย์ มาเจอจุดเปลี่ยนใหญ่ คือ การโดนไล่ออกแข้งต่างชาติตัวใหม่ ซึ่งเสียบหนักและไม่ถึงบอล จากนั้นในจังหวะถัดมา บีจี ปทุม ฉวยโอกาสนี้ยิงเพิ่มเป็น 1-3 จาก วรชิต ที่ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ แต่ไม่มีตัวที่จะจ่ายได้ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเลือกลากหลบและดึงจังหวะก่อนยิงเข้าไป แถมในรูปเกมในตอนนั้น กระต่ายแก้วก็เกือบจะยิงทิ้งห่างเป็น 1-4 เหมือนกัน ถ้าไม่ชนเสาและคานเสียก่อน กระทั่งท้ายเกม บุรีรัมย์ ที่ดูจะเสียรูปขบวนไป ก็มาได้ประตูตีตื้น 2-3 จากจุดโทษ นั่นจึงทำให้ปราสาทสายฟ้าพยายามจะโหมช่วงท้ายอีกหน แต่เจาะไม่ถึงและเกือบโดนยิงเพิ่ม ทำให้เกมนี้จบลงด้วยชัยชนะของ  บีจี ปทุม 2-3

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจองานลำบากตั้งแต่เสียประตูแรกเร็ว จนต้องเร่งและได้ประตูตีเสมอ แต่ก็มิวายที่จะเสียคืนในทันที กระทั่งการมาเหลือ 10 แล้วโดนยิงทิ้งห่างเป็น 1-3 มันก็ทำให้เกมแทบจะจบในทันที ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขุมกำลังค่อนข้างลงตัวแต่ก็ยังมีตำหนิ ไล่ตั้งแต่เกมรับที่พลาดลูกอากาศให้เห็น กับการเข้าทำในแดนสุดท้ายที่ยังไม่ค่อยเห็นรูปแบบเท่าไร แต่วันนี้ยิงได้เพราะจังหวะทุกอย่างลงล็อคและนักเตะยิงได้เฉียบคม     

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“แชมป์สักที จากที่เกร็งมานาน” 

บุรีรัมย์  ฝ่าความเกร็ง ถล่ม หนองบัว 0-3 ปิดจ็อบแชมป์ลีก 

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่มีผลงานโดดเด่นยามเล่นในบ้าน จะต้องทำดาร์บี้แมตช์อีสานกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ชะตาการคว้าแชมป์อยู่ในตัวเอง โดยหากชนะจะเป็นแชมป์ทันที แต่ถ้าเผด็จศึกไม่ลงก็ต้องไปลุ้นนัดสุดท้าย สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านเปลี่ยนมาใช้ 4-4-2 ส่วนทีมเยือนก็เปลี่ยนเช่นกันเป็น 4-3-3      

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น บุรีรัมย์ เป็นฝ่ายบุกใส่ตามคาด แต่การบุกที่ปรากฏยังเกร็งๆเหมือนหลายนัดที่ผ่านมา ทำให้เมื่อเจอแนวรับที่เหนียวแน่นของเจ้าถิ่น จึงเจาะเข้าไปไม่ได้ กระนั้นผู้เล่นของฝั่งปราสาทสายฟ้า ก็ได้แสดงให้เห็นการเล่นให้ชัวร์ให้นิ่งที่สุด แล้วค่อยจ่ายหรือยิง อย่างไรก็ดีโชคและจังหวะได้เข้ามาช่วยปลดล็อคให้ บุรีรัมย์ ในนาทีที่ 39 ด้วยประตู 0-1 จากการไปฉกบอลของ ศุภโชค แล้วลากไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะจ่ายกลับมาหน้าประตู ซึ่งกองหลังเจ้าถิ่นสกัดไม่ถึง และผู้น้องอย่าง ศุภณัฏฐ์ ได้วิ่งเข้าชาร์ตพอดี ส่วนทางฝั่ง หนองบัว พิชญ วันนี้ได้แต่เล่นเกมรับ เพราะการสวิตช์บอลจากรับเป็นรุกมักเสียกลางทาง ทำให้กองหน้าทั้ง 2 คน แทบหายไปจากเกม จนต้องอาศัยการยิงไกลเพียงอย่างเดียว  

ครึ่งหลัง หนองบัว พยายามจะครองบอลเพื่อทำเกมบุก แต่การครองบอลในทุกครั้งมักเสียคืนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องเสียแรงกลับไปตั้งรับ กระทั่งโดนยิงทิ้งห่าง 0-2 จากการเล่นที่ไม่ละเอียด อีกทั้งการปั๊มบอลที่ไม่ได้เปรียบ ดันไม่ตามต่อให้สุดทาง และแนวรับด้านในก็ไม่มองตัวที่วิ่งขึ้น ทำให้ ธีราทร ได้ขึ้นมายิงโล่งๆ ส่วนในช่วงท้ายเกม บุรีรัมย์ มาได้ประตู 0-3 ปิดกล่อง จากการทำชิ่งและหลุดข้าไปยิง

      บทสรุปจากเกม หนองบัว พิชญ เอฟซี ในวันนี้ ถือว่าเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ไล่ตั้งแต่เกมรับที่เหนียวแน่นในช่วง 0-0 แต่พอเสียประตูอาการรั่วมาทันที ส่วนเกมรุกไม่สามารถลำเลียงบอลไปขึ้นหน้าเป้าได้ ทำให้เกมนี้เป็นต้องหมดพลังงานไปกับการตั้งรับ ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อาการเกร็งแบบที่ผ่านยังมีอยู่ แต่พอได้ประตูเหมือนทุกอย่างถูกปลดล็อค จากนั้นขอแค่เล่นไปตามเกม ซึ่งเมื่อมีโอกาสก็ยิงทิ้งห่างได้ ทำให้เกมนี้เล่นง่ายในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายและปิดจ็อบแชมป์ไทยลีกได้สำเร็จเสียที

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

” ไม่ชนะก็ต้องรอไปก่อน “

บุรีรัมย์ 10 คน ลนลาน ได้แค่เจ๊า ขอนแก่น แบบมีเดือด 0-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 ซึ่งเป็นเกมแข่งล่วงหน้า ณ สนามกีฬากลางจังหวัดขอนแก่น ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่แทบจะร้อยเปอร์เซนต์ต่อการอยู่รอดและก็ต้องการที่จะทำอันดับให้ดีที่สุด ซึ่งวันนี้จะต้องทำศึกดาร์บี้แมตช์อีสานกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แม้จะพลาดท่าพ่ายแพ้มา แต่โอกาสคว้าแชมป์ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ถ้าคว้าชัยชนะในเกมนี้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 3-5-2 ตามเดิม ส่วนทีมเยือนก็ยังเป็น 4-4-2 เหมือนเคย

บุรีรัมย์ เน้นการชิ่ง 1-2 ในพื้นที่แดน 1-2 แต่เมื่อเข้าแดน 3-4 จะพยายามเคลื่อนที่ทั้งคนและบอลให้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งการเติมเกมของตัวผู้เล่นก็ทำได้ดี แต่สิ่งที่จะเห็นได้ชัดเจน คือ การจบสกอร์ดูรีบเร่งและกดดัน จนความอันตรายลดน้อยถอยลง ส่วนทางฝั่งขอนแก่น พยายามเล่นเกมรับให้เหนียวแน่น แต่ด้วยความที่ศักยภาพของคู่แข่งสูงกว่า การเคลื่อนที่เร็วกว่า ทำให้การตามประกบเอาไม่ค่อยอยู่ ขณะที่เกมรุกโต้กลับไม่ได้ เพราะครองบอลไว้กับตัวไม่นานก็เสียคืน ทำให้การเล่นเกมรับแทบจะไม่ได้หยุดหายใจ กระนั้นด้วยความกดดันของคู่แข่ง ทำให้จงอางผยองรอดพ้นการเสียประตู อีกทั้งความสติแตกของโบลินกี้ จนโดนใบแดง ก็ยิ่งช่วยให้เจ้าบ้านมีความเบาใจมากยิ่งขึ้น

ครึ่งหลัง ขอนแก่น ที่ตัวผู้เล่นมากกว่า ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบ เพราะรูปเกมยังเป็น บุรีรัมย์ ที่เหลือผู้เล่น 10 คน ได้โหมเกมบุกใส่แบบไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ ซึ่งถ้าเกิดโดนยิงขึ้นมา จงอางผยองแทบจะเปิดประตูสู่ความพ่ายแพ้ แต่มันเป็นเพราะแนวรุกปราสาทสายฟ้าเสียเองที่เร่งจังหวะตัวเองมากเกินไป อีกทั้งการคิดแบบซับซ้อนซ่อนเงื่อน ก็เป็นผลให้พวกเขาไม่มีช่องได้ยิง

บทสรุปจากเกม ขอนแก่น ยูไนเต็ด เป็นรองอยู่แล้วตามศักยภาพ โดยเฉพาะเกมรับที่ตามประกบไม่ค่อยอยู่ อย่างไรเสียหมัดเด็ดในเกมโต้กลับ ดันไม่มีไปตอบโต้คู่แข่ง ทำให้ผลเสมอ คือ ผลสกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับจงอางผยองแล้ว ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีทุกอย่างที่เหนือกว่าเจ้าถิ่น ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพ แท็กติก และฟอร์มการเล่น แต่พอมีความกดดันสะสมมาจากนัดที่แล้ว มันก็เห็นได้ชัดถึงการจบสกอร์ที่เน้นมากเกินไปจนความอันตรายหดหาย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีแน่หากยังเป็นแบบนี้ในนัดถัดไป

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

แต้มต้องมีฝันต้องเป็นจริง เชียงใหม่ยูไนเต็ดในท็อปลีกสุดมันส์ที่นี่

เชียงใหม่ยูไนเต็ด กับฝันที่ต้องเป็นจริง ที่หวังแบ่งแต้ม กับสุดยอดแห่งทีมบุรีรัมย์ ในเกมยกทัพเยือน สะเทือนลีกครั้งนี้

นับว่าเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งกับทัพนักเตะ ทีมขุนพลคุณภาพช้างเผือก เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่มีการคุมทีมโดยมาดาม ออม ศรีโสภา​ โกฐคำลือ​ ในฐานะผู้นำทีมประจัญบาน ผู้จัดการทีมเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ได้มีการปล่อยตัวทีมงานนักเตะ เดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเวียตเจ็ท  ปลายทางเป้าหมายต่อไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ สังเวียนอันสุดท้าทายเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเตรียมความพร้อมของทีม ในการทำศึกไทยลีก 2021 – 22 นัดที่ 3 ของทีมในวันเสาร์ที่ 18 กันยายนนี้ กับเสียงยืนยันหนักแน่นว่าความพร้อมของทีมช้างเผือก มีความฟิตเต็มร้อย พร้อมบวกไม่ว่ากับทีมใดก็ตามที

แม้ความสำเร็จยังไม่สูง แต่ปูทางสู่ความมันส์ และอนาคตที่สุดใสได้อย่างแน่นอน

จากผลงานที่ผ่านมา เจ้าทีมเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่หลายคน เฝ้าจับตารอดูอยู่ไม่น้อย คงนับเป็นหนึ่งในน้องใหม่แห่งลีกที่มีการแข่งขันสูงสุดเมืองไทย จากการเริ่มคุมบังเหียน โดยโค้ชอั๋น สุรพงษ์​ คงเทพ​ แม้ว่าผลงานที่ผ่านมา ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจมากนักเนื่องจาก ลงสนาม 2 นัด กับมีเพียง 1 แต้ม แต่ถึงกระนั้นก็นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจับตาดูเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมา นั้นเป็นหนึ่งในเกมที่ชิงไหวชิงพริบกันเป็นที่สุด เนื่องจากการแข่งขันนัดแรก เปิดบ้านแพ้ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด 1 – 2

และนัดที่ 2 ยังบุกเสมอสุพรรณบุรีเอฟซี 2-2 อย่างสนุก จึงได้พอที่จะแบ่งแต้มมาให้แฟนบอลได้ชื่นใจกันบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นฟอร์มในการเล่น ที่เจ้าตัวเองก็พอใจในระดับหนึ่ง และเชื่อได้ว่าการพัฒนาไปข้างหน้า จะเกิดขึ้นได้อย่างพุ่งกระฉูดเป็นแน่ แท้เลยทีเดียว

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

คำมั่นสัญญาคว้าชัยกลับไปฝากชาวเหนือ

ยอดแห่งทีมภาคเหนือ ช้างเผือก ยูไนเต็ด สุรพงษ์ คงเทพ ได้มีการกล่าวกับคอบอล ที่คอยเชียร์ไว้ว่า แม้ว่าการเข้ากำศึกในบุรีรัมย์ครั้งนี้ นับว่าเป็นปราสาทที่แข็งแกร่ง และเป็นเกมที่ยากยิ่ง แต่ขอให้คำมั่นว่าการเดินทางไกลในครั้งนี้ ทางทีมงาน และนักเตะทุกคนมีใจเกินร้อย พร้อมคว้าแต้ม คว้าชัย ไปฝากพี่น้องสโมสรอันเป็นที่รักชาวเชียงใหม่ และชาวเหนือทุกคนอย่างแน่นอน นี่เป็นคำมั่นสัญญา ซึ่งแน่นอนว่าในลีกแห่งนี้มีความสนุกให้ทุกคนได้ติดตามเป็นแน่แท้

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

เปิดตารางทำการ ฟาดแข้ง ช้างเผือก ปะทะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 สำหรับโปรแกรมของทีมช้างเผือก เชียงใหม่ ที่จะมีการเริ่มทำศึกไทยลีก 2021 – 22 นัดที่ 3 ด้วยการบุกไปเยือนปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นที่ สนามช้างอารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์อย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 18 กันยายน 64 เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป โดยสามารถติดตามความมันส์ได้ในการถ่ายทอดสด ทางช่อง PPTV HD 36 และช่อง AIS Play

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

สรุป

คู่นี้นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Match ที่น่าติดตาม และเชียร์กันอย่างติดขอบสนาม เพราะเจ้าถิ่นอย่างบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ต้องให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นแน่ ส่วนแต้มที่จะได้ไป ใครจะแบ่งได้เยอะกว่ากัน นั่นก็ยังไม่มีคำตอบ ร่วมเชียร์ และชมพร้อม ๆ กันได้เลยในวันเวลาดังกล่าว สำหรับคอบอลชาวเหนือ และเสีอจ้าวถิ่นอย่างบุรีรัมย์แล้วห้ามพลาดกันเลย

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com https://www.facebook.com/Sport-lover-101626538901960

Categories
ข่าวกีฬา

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าแชมป์ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2020/21  ตกเป็นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งจะว่าไปก็นับเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สเล็กๆ แม้กระต่ายน้ำเงินครามจะเป็นทีมที่ใหญ่ แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าจะไปถึงแชมป์ ฉะนั้นวันนี้เราจะไปย้อนดูเส้นทางตลอดซีซั่นนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลับขึ้นมาสู่ไทยลีก 1 อีกครั้ง หลังจากตกชั้นลงไปเล่นลีกรอง 1 ปี โดยตำแหน่งเฮดโค้ชยังเป็น ดุสิต เฉลิมแสน ขณะที่การเสริมตัวผู้เล่นใหม่ก็ไม่จัดว่าว้าวแต่อย่างใด ส่วนการออกสตาร์ท 4 นัดแรกของฤดูกาล เก็บได้ 10 คะแนน จากการ ชนะ 4 เสมอ 1 ซึ่งถือว่าทำผลงานได้เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่แล้วด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มทวีความรุนแรง ทำให้สมาคมฟุตบอลสั่งเบรกการแข่งขัน

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ในช่วงที่พักเบรกการแข่งขันนานกว่าครึ่งปี  หลายทีมมีการปรับเปลี่ยนโควตาต่างชาติ รวมถึงการปล่อยผู้เล่นที่ค่าเหนื่อยสูงเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ ซึ่งตรงจุดนี้ บีจี ปทุม  ยูไนเต็ด สวมวิญญาณกระต่ายมือไวด้วยการฉกตัวผู้เล่นชื่อดังมาร่วมทีม ได้แก่ สารัช อยู่เย็น กับ อังเดร ตูเญช ซึ่งเมื่อนำมารวมกับที่มีอยู่ก่อนแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

การแข่งขันนัดที่ 5-15 กลับมาแข่งในเดือนกันยายน  โดยนัดประเดิมการรีสตาร์ทต้องออกไปเยือนทีมเต็งลุ้นแชมป์อย่าง การท่าเรือ เอฟซี แล้วในนัดนั้นบุกไปชนะได้ 1-0  จากนั้นต้องพบกับทีมใหญ่แบบรัวๆ คือ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ทำให้ตอนนั้นก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง พร้อมกับมี การท่าเรือ เอฟซี ตามจี้หลัง

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เล็งเห็นแล้วว่าทีมมีปัญหาในเรื่องเกมรุก ทำให้เลกที่ 2  มีการเสริมกองหน้า 2 ราย ซึ่งชื่อชั้นนับได้ว่าเป็นระดับพระกาฬทั้งสิ้น ได้แก่ ติอาโก้ หลุยส์ซานโต กับ ธีรศิลป์ แดงดา โดยการเสริมแนวรุกครั้งนี้สภาพทีมจึงแข็งแกร่งทั่วแผ่น ทำให้การแข่งขันที่เหลืออีกกว่าครึ่งทาง กระต่ายน้ำเงินครามมีผลงานร้อนแรงไม่เลิกรา ในขณะที่คู่แข่งอย่าง การท่าเรือ เอฟซี สะดุดแบบรัวๆ กระทั่งช่องว่าง 4 แต้ม ขยายเป็น 20 ในไม่กี่สัปดาห์

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

เกมการแข่งขันเดินทางมาถึงนัดที่ 24 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็สามารถการันตีตำแหน่งแชมป์ได้สำเร็จ เพราะคู่แข่งอย่าง การท่าเรือ เอฟซี สะดุดจนกู่ไม่กลับ อีกทั้ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และราชบุรี เอฟซี ก็ดันทำแต้มหล่นตลอดรายทาง ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นรถด่วนที่กระโดดจากท้ายขึ้นมาจบที่ 2 อย่างไรเสียแม้ว่าจะการันตีตำแหน่งแชมป์ แต่กระต่ายน้ำเงินครามก็ยังมองถึงการทำสถิติเป็นแชมป์ไร้พ่ายทีมที่ 3

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้ฉลองการรับถ้วยอย่างยิ่งใหญ่ในนัดที่ 29 (พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) ส่วนในนัดสุดท้ายต้องบุกไปเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถิ่นอาถรรพ์ที่ไม่เคยชนะ แต่เป็นคำตอบสุดท้ายว่าจะการทำสถิติไร้พ่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตามด้วยอาถรรพ์ที่รุนแรง กระต่ายน้ำเงินครามมิอาจต้านทานไหว สุดท้ายพ่ายไป 1-0 อดทำสถิติเป็นแชมป์แบบไร้พ่าย

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com