Categories
ข่าวกีฬา

แมวซ่าโดนขยี้

ทำซ่ายิง 2 เม็ด ก่อนโดน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด รัวยับ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 ในโปรแกรมวันเสาร์ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่พึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโค้ช จนสามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้อีกครั้ง วันนี้จะเปิดรังปทุมธานี สเตเดี้ยม รับทีมฟอร์มแรงอย่าง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือนใช้ระบบ 4-1-4-1

      ในช่วง 30 นาทีแรก รูปเกมดูตื้อและเงียบทั้ง 2 ทีม เพราะไม่มีฝั่งไหนครองบอลได้อย่างต่อเนื่อง จนในนาทีที่ 33 ชาร์ลี คลัฟ จัดการโขกบอลให้ นครราชสีมา นำ 0-1 ซึ่งเจ้าตัวยืนเป็นตัวสุดท้ายที่เสาไกลและแนวรับเจ้าบ้านไม่เข้าไปประกบใกล้ๆ นั่นจึงทำให้ บีจี ปทุม พยายามจะต่อบอลเข้าไปในแดนคู่แข่ง แต่การเคลื่อนที่ของบอลและคนค่อนข้างช้า ทำให้แนวรับโคราชเข้าถึงตัวเร็ว

ครึ่งหลังเริ่มมาได้ 7 นาที เจ้าถิ่นสกัดบอลไม่ดี ทำให้  โคราช ได้ยิงจ่อๆเป็น 0-2 อย่างไรเสียไล่หลังเพียง 5 นาที การลากบอลของ สเตนีโอ ไปให้ ธีรศิลป์ พลิกจ่าย สุรชาติ ได้วิ่งเข้ามาซัดให้ บีจี ปทุม ไล่มา 1-2 จากนั้นรูปเกมก็ยังทรงๆ

กระทั่งจังหวะเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ โคราช มีสวนกลับขึ้นมา แต่ไม่ได้ประตูเพราะบอลไปชนเสา กลับกัน บีจี ปทุม สามารถทำประตูตีเสมอ 2-2 ได้ ในนาทีที่ 72 และในนาทีที่ 73 แนวรับทีมเยือนสติหลุดจนโดนยิงแซง 3-2 ขณะที่ประตู 4-2 เป็นการจ่ายบอลพลาดของทีมเยือน แล้ว บีจี ปทุม หลุดเข้าไปยิง กระทั่งช่วงทดเวลาการวางบอลยาวขึ้นมา สารัช ได้ยิงเต็มข้อปิดกล่อง 5-2   

      บทสรุปจากเกม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มีรูปเกมที่ไม่ดีในครึ่งแรก เพราะการครองบอลไม่ต่อเนื่อง หรือต่อให้ครองบอลได้นาน การเคลื่อนที่ของบอลก็เชื่องช้า แถมเกมรับมีความผิดพลาดอีก กระนั้นก็ต้องกล่วว่าที่กลับมาได้ ก็เป็นเพราะจังหวะฝีมือของผู้เล่นตัวเก๋า ผสมกับจังหวะที่เข้าทางและคู่แข่งสมาธิหลุด ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี การเล่นลูกตั้งเตะดูจะเป็นจุดเด่น

เพราะสามารถทำประตูจากเตะมุมได้หลายนัดในช่วงหลัง ขณะที่เกมสวนกลับ และการฉกฉวยความผิดพลาดจากคู่แข่งก็ทำได้ดี แต่จุดเปลี่ยนของเกมนี้คือ การไม่ได้ประตูนำ 1-3 ซึ่งจังหวะนั้นชนเสา แล้วหลังจากนั้นกลายเป็นเสียสมาธิและสกอร์ไหลอย่างที่เห็น ฉะนั้นในเรื่องของสมาธิ ถือเป็นตัวแปรที่ทำให้สวาทแคทแพ้ยับ ไม่ใช่รูปเกมไม่ดีหรือสู้ไม่ได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สายฟ้าหวิดคาบ้าน”

กำลังจะคาบ้าน ก่อนได้ ศุภชัย ยิงเซฟแต้มจาก บีจี ปทุม 2-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 4 ของฤดูกาล ณ สนามช้างอารีน่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ทแบบไม่มีติดขัด จะต้องพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่แค่เปิดหัวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว อีกทั้งการพบกับของทั้ง 2 ทีม ก็พึ่งเจอกันไปในเกมไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ แล้วเป็นทางกระต่ายแก้ว คว้าชัยชนะได้ 2-3 ส่วนเกมนี้ทั้งทั้งคู่ต่างมาในระบบเดียวกัน คือ 4-2-3-1  

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น บุรีรัมย์ พยายามโหมบุกใส่ทีมเยือน แต่ด้วยสภาพสนามที่มีน้ำท่วมขัง ทำให้ต้องวางบอลจากหลังไปให้แนวรุกเก็บและหาช่องยิง แต่มันไม่อันตรายเพราะการจบสกอร์อยู่นอกเขตโทษและมีแนวรับทีมเยือนอยู่ขวางอยู่เต็มลำ กระนั้นมันก็มีจังหวะที่ บุรีรัมย์ น่าได้แบบจริงจัง แต่ดันโดนสกัดไว้ได้แบบคาเส้น

ซึ่งในเมื่อบุกแล้วไม่ได้ บีจี ปทุม ได้บุกครั้งแรก กลับได้ประตูนำจากการเปิดทางฝั่งขวาตามจังหวะของเกม แล้วเหลี่ยมบอลพุ่งหาหน้าแข้งของ นฤบดินทร์ และเหลี่ยมดันโชคร้ายเข้าประตูให้ บีจี ปทุม นำก่อน 0-1 ในนาทีที่ 25 ถัดมาเพียง 3 นาที บีจี ปทุม ขึงบุกและเปิดบอลทางฝั่งขวาให้ อิคซาน โหม่งเต็มศีรษะหนีเป็น 0-2 จากนั้นกลายเป็นปราสาทสายฟ้า ที่เกมบุกช็อคไปเสียเสียดื้อๆจนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง บุรีรัมย์ กลับมาโหมบุกใหม่อีกครั้ง กระทั่งมาได้ประตูตีตื้น 1-2 จากการที่ ธีรศิลป์ ไปโอบด้านหลัง ซึ่งดูเบาไปสักหน่อยที่จะให้จุดโทษ แต่กระนั้นกลับเป็น บุรีรัมย์ เสียเอง ที่เกมรุกดูเหี่ยวเฉาลงไปอีกครั้ง จนเข้าสู่ช่วงทดเวลา ก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการเตะสกัดไม่ขาดของแนวรับ บีจี ปทุม เอง ทำให้ ศุภชัย ได้ยิงแบบเต็มช่วยเซฟแต้มไว้

      บทสรุปจากเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีในช่วง 15 นาทีแรกของเกม แต่พอไม่ได้แล้วมาเสีย 2 ประตู รูปเกมที่เคยทำได้ดีก็หายไป จนในช่วงต้นครึ่งหลัง เมื่อปรับจูนมาใหม่ก็เล่นได้ดีอีกครั้ง แต่พอเล่นๆไปอาการเดิมออก กระนั้นยังดีที่วันนี้สามารถแบ่งแต้มได้ ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมรับถือว่าช่วยเซฟทีมไม่ให้โดนนำเร็ว ขณะที่เกมรุกดูไม่เห็นถึงรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย แต่ดันโชคดีที่ได้ประตูจากความผิดพลาดของคู่แข่งและโยนแม่นอย่างละ 1 ลูก นั่นจึงทำให้ครึ่งหลังเล่นสบาย แต่อาจจะผ่อนมากไปหน่อย แถมมีความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ทำให้จาก 3 เหลือแค่ 1 แต้ม  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“กระต่ายประเดิมแชมป์”

บีจี ปทุม ฟอร์มหรู คว่ำบุรีรัมย์ 10 คน 3-2 เถลิงแชมป์ 2 สมัยซ้อน

ศึกฟุตบอลแชมป์ชนแชมป์ ไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ 2022/23 ปีนี้ได้โยกมาจัดที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา โดยคู่ชิงในวันนี้เป็นการพบกันของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทริปเปิ้ลแชมป์ 3 ถ้วยเมื่อฤดูกาลที่ผ่าน กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เป็นรองแชมป์ในลีก ส่วนผังการเล่นในวันนี้ ทั้ง 2 ทีมต่างมาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน

        การแข่งขันเริ่มต้นไปได้เพียง 6 นาที บีจี ปทุม ชิงนำก่อน 0-1 จากการสวนขึ้นมา แล้ว ปฐมพล เลือกยิงไกลจากนอกกรอบ ซึ่งเป็นการยิงที่ดี ส่วนแล้วรับบุรีรัมย์ไม่ถึงขั้นผิดพลาด แต่ป้องกันได้ดีไม่สุด จากนั้นรูปเกมกลายเป็นบุรีรัมย์ ที่ต้องพยายามตั้งเกม ซึ่งเกือบจากได้ฟรีคลิกที่แนวรับบีจี ปทุม ประกบหลวม ขณะที่ลูก open play เซตขึ้นมาและเข้าแดนสุดท้ายแบบนานๆที กระทั่งนาทีที่ 34 บุรีรัมย์มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 โดยลูกนี้ต้องชมคนเปิดที่โยกแล้วเปิดได้ถูกจังหวะ ขณะที่คนโหม่งอย่างโบรินกี้ ก็ขยับหาพื้นที่ได้ดี

        การมีประตูตีเสมอเกิดขึ้นก่อนจบครึ่งแรก ทำให้ทั้ง 2 ทีมต่างเปิดหน้าแลกใส่กัน จนในนาทีที่ 37 บีจี ปทุม ออกนำ 1-2 อีกครั้ง จากการเปิดบอลเข้าไปตรงกรอบเขตโทษ แล้ว อิคซาน เลือกโหม่งแล้วบอลพุ่งเช็คเสาเข้าไปแบบสุดสวย จากนั้น บุรีรัมย์ พยายามจะเอาคืนและเกือบได้ แต่ถูก VAR ริบคืนเพราะล้ำหน้า

ครึ่งหลัง บุรีรัมย์ มาเจอจุดเปลี่ยนใหญ่ คือ การโดนไล่ออกแข้งต่างชาติตัวใหม่ ซึ่งเสียบหนักและไม่ถึงบอล จากนั้นในจังหวะถัดมา บีจี ปทุม ฉวยโอกาสนี้ยิงเพิ่มเป็น 1-3 จาก วรชิต ที่ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ แต่ไม่มีตัวที่จะจ่ายได้ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเลือกลากหลบและดึงจังหวะก่อนยิงเข้าไป แถมในรูปเกมในตอนนั้น กระต่ายแก้วก็เกือบจะยิงทิ้งห่างเป็น 1-4 เหมือนกัน ถ้าไม่ชนเสาและคานเสียก่อน กระทั่งท้ายเกม บุรีรัมย์ ที่ดูจะเสียรูปขบวนไป ก็มาได้ประตูตีตื้น 2-3 จากจุดโทษ นั่นจึงทำให้ปราสาทสายฟ้าพยายามจะโหมช่วงท้ายอีกหน แต่เจาะไม่ถึงและเกือบโดนยิงเพิ่ม ทำให้เกมนี้จบลงด้วยชัยชนะของ  บีจี ปทุม 2-3

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจองานลำบากตั้งแต่เสียประตูแรกเร็ว จนต้องเร่งและได้ประตูตีเสมอ แต่ก็มิวายที่จะเสียคืนในทันที กระทั่งการมาเหลือ 10 แล้วโดนยิงทิ้งห่างเป็น 1-3 มันก็ทำให้เกมแทบจะจบในทันที ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขุมกำลังค่อนข้างลงตัวแต่ก็ยังมีตำหนิ ไล่ตั้งแต่เกมรับที่พลาดลูกอากาศให้เห็น กับการเข้าทำในแดนสุดท้ายที่ยังไม่ค่อยเห็นรูปแบบเท่าไร แต่วันนี้ยิงได้เพราะจังหวะทุกอย่างลงล็อคและนักเตะยิงได้เฉียบคม     

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“กระต่ายยิงรัวส่งท้าย”

บีจี ปทุม ไม่ผ่อนคันเร่ง ถล่ม ชลบุรี ส่งท้าย 4-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาล ณ สนามปทุมธานี สเตเดี้ยม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่การันตีอันดับ 2 จะต้องพบกับ ชลบุรี เอฟซี ที่ต้องการจบซีซั่นแบบสวยๆ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 แบบผสมตัวสำรอง ส่วนทีมเยือนวาง 4-2-3-1 โดยให้โอกาสบางคนที่ไม่ค่อยได้ลงเช่นกัน

บีจี ปทุม เริ่มเกมด้วยการเคาะบอลจากหน้าบ้านตัวเอง แล้วเข้าไปในแดนคู่แข่งแบบไม่จ่ายขวางพร่ำเพื่อ ก่อนที่ผู้เล่นทางริมเส้นจะอาศัยการเลี้ยงจี้เลี้ยงตัดแล้วยิง จนเกือบได้ประตู ขณะเดียวเดียวกัน ชลบุรี ต้องแพ็คเกมรับตั้งแต่แดน 3 แต่ก็รับมือไม่อยู่ กระนั้นประตูนำ 1-0 ของเจ้าถิ่น มาจากความผิดของ เอลสตรอง ที่สื่อสื่อกับ ทัดพิชา ไม่เคลียร์ สุดท้ายกลายเป็นโขกเข้าประตูตัวเองแบบสุดสวย

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม ควรได้ประตูนำ 2-0 อย่างยิ่ง เพราะการต่อขึ้นมาแบบสุดสวย มันเป็นผลให้ทีมเยือนไล่เพรสไม่เจอบอล แต่การจบสกอร์ของ เจนรบ นับว่าผิดหวัง กลับกันพอเป็นคราวของ ชลบุรี พวกเขาสามารถตีเสมอ 1-1 จากการแทงบอลที่ไม่น่ามีปัญหา แต่ ประสิทธิ์ จับจังหวะบอลผิด กระทั่งเด้งขาตัวเองแล้ว คานยุบ ได้ล่อเป้าง่ายๆ อย่างไรเสีย บีจี ปทุม ไม่เสียอาการและยังเดินหน้าต่อได้ แล้วใช้เวลาไม่นานก็ยิงขึ้นนำ 2-1 จากการเคาะขึ้นมาและหนีเพรสซิ่งฝ่ายตรงข้ามไปที่ฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลย้อนมาหน้ากรอบให้ พีรพงษ์ ยิงเสียบหน้าต่างเสาไกล จากนั้นเหมือนสกอร์ไหล เพราะประตู 3-1 มีลักษณะคล้ายๆประตูที่ 2 แต่ในจังหวะสุดท้ายมีการฟาวล์ในกรอบ การทำประตูจึงมาจากจุดโทษ ส่วนประตู 4-1 เป็นการขึง แล้ววางข้ามไลน์ ดิโอโก้ให้ เบียดชนะเหลี่ยม เคลิช เข้าไปล่อตาข่าย

      บทสรุปจากเกม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เล่นได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะการเซตขึ้นมาแบบไม่มีจ่ายเสียง่ายๆ อีกทั้งมันยังช่วยให้การเพรสซิ่งบริเวณแดนกลาง สามารถพานบอลไปถึงแดนหน้า กระทั่งยิงประตูได้แบบมากมาย  ส่วนเกมรับก็ไม่มีปัญหา นอกเสียจากความผิดพลาดส่วนบุคคที่ทำให้เสียประตู ขณะที่ ชลบุรี เอฟซี ไม่ถึงกับฟอร์มแย่ แต่คุณภาพสู้เจ้าถิ่นไม่ได้ ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากความพยายามที่จะเพรสซิ่งกลางสนาม เพื่อให้บอลไม่หลุดเข้าไปในแดนอันตราย แต่ยิ่งไล่เท่าไรก็ไล่บอลไม่จนมุมและต้องวิ่งหน้าตั้งกลับมาหน้าประตู สุดท้ายจึงต้านไม่อยู่และต้องพ่ายแพ้ไป

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สรุปผลงาน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

สรุปผลงาน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22 “คิดช้า ทำเสียแชมป์”

 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หมายมั่นว่าจะป้องกันแชมป์ไทยลีกให้จงได้ เพราะก่อนก่อนเปิดฤดูกาลได้สร้างอันเอกอุด้วยการเข้ารอบ ACL และคว้าแชมป์ไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์คัพ อย่างไรเสียเมื่อเปิดฤดูกาลนัดแรก ดูเหมือนพวกเขาจะเจออุปสรรคจากอาการบาดเจ็บของผู้หลักหลายราย แต่การทำทีมของ วิดมาร์  ก็สามารถประคองทีมไปได้แบบนัดต่อนัด กระนั้นด้วยทรงบอลที่ไม่เป็นไปตามที่เจ้าของทีมต้องการ ทำให้การปลดโค้ชได้เกิดขึ้น พร้อมกับไปตามโค้ชโอ่งให้กลับมาทำทีมอีกครั้ง

บอสปวิณ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าที่ต้องปลด วิดมาร์  ก็เพราะโค้ชรายนี้ดื้อ แต่การปลดและกลับมาใช้บริการโค้ชโอ่ง ก็ถูกมองว่าเป็นการย่ำอยู่กับที่ ซึ่งในทันทีที่เลก 2 เริ่มขึ้น การบุกเสมอ ราชบุรี และ เมืองทอง 2 นัดติด ได้สร้างแรงกดดันให้บอสปวิณ จนมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ด้วยการปลดโค้ชโอ่ง รอบ 2 และแต่ตั้งโค้ชง้วงขึ้นมาขัดตาทัพ พร้อมกันนั้นก็ได้หาโค้ชใหม่โดยการโฟกัสไปที่ฝั่งเอเชียตะวันออก สุดท้ายไปลงเอยกับ มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือสัญชาติญี่ปุ่น ที่พกดีกรีพา เวกัลตะ เซนได ขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของเจลีก และคุมทีมชาติญี่ปุ่นชุดยู-23 ไปเล่นโอลิมปิก 2016

การคุมทีมชั่วคราวของโค้ชง้วง ได้ปรับระบบจากหลัง 3  กลับมาเป็นหลัง 4 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโค้ชใหม่ที่มาถึงเมืองไทยแล้ว แต่เลือกที่จะศึกษาระบบทีมบนห้อง VIP และรอเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงไปคุมทีม โดยผลงานในช่วงที่โค้ชง้วงคุมทีม อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงที่ บีจี ปทุม สะดุดเยอะและผลงานไม่ค่อยดี จนถูก บุรีรัมย์ ทำแต้มทิ้งห่าง มิหนำซ้ำยังตกรอบช้างเอฟเอ คัพ ที่เป็นถ้วยหมายหัว

มาโกโตะ เทกุระโมริ หรือ เทกุซัง ได้ลงคุมทีมซ้อมครั้งแรกก่อนเจอ สุพรรณบุรี เอฟซี ในบ้าน จากนั้นผลงานของ บีจี ปทุม ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเก็บแต้มแบบเป็นกอบเป็นกำ กระทั่งนัดที่ 26 ได้สร้างแรงสะเทือนต่อจ่าฝูงด้วยการบุกชนะ บุรีรัมย์ 0-1 แบบคาบ้าน ทำให้จากแต้มที่เคยห่าง กลับมามีลุ้นเบียดแย่งแชมป์แบบห่างๆ แม้ในท้ายที่สุดจะต้องยอมจำนนก็ตาม

การกลับมามีลุ้นแชมป์ลีกช่วงโค้งสุดท้าย ได้ให้ประสบการณ์บอร์ดบริหารของทีมว่าถ้าเปลี่ยนแปลงเร็วและไม่เสียเวลาพายเรือวนในโอ่ง บีจี ปทุม อาจมีลุ้นและได้แชมป์จริงๆก็ได้ กระนั้นสำหรับปีหน้า บีจี ปทุม คือทีมเต็งที่น่ากลัว เพราะด้วยฝีมือของโค้ชที่แสดงให้เห็นและนักเตะใหม่ที่เข้ามา โดยเฉพาะ อิคซาน ฟาร์ดี้ ที่น่าจะเป็นดีลตัวอาเซียนที่คุ้มค่าทีทสุดของทีมและไทยลีก หากดูจากผลงานที่ระเบิดสกอร์แบบไม่ไว้หน้าใครในเลกที่ 2

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืดในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22 จะเปิดฉากฟาดแข้งในสัปดาห์หน้าแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดฤดูกาลในทุกซีซั่น ทุกคนล้วนแต่จับจ้องไปที่ทีมเต็งก่อน ในขณะที่ทีมม้ามืดจะเป็นที่ฮือฮาก็ต่อเมื่อผลงานพุ่งแรงขึ้นมา โดยจากการสอดส่องและเฝ้าสังเกต ก็มี 4 ทีม ที่เข้าข่ายต่อการเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้      

สมุทรปราการ ซิตี้

          เขี้ยวสมุทรต้องเสียผู้เล่นตัวหลักไปหลายคนในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้หลายคนอดห่วงไม่ได้ว่าจะไหวไหม แต่กระนั้นด้วยความเป็นญี่ปุ่นและสไตล์การทำทีมที่เน้นระบบ โดยไม่พึงซุปตาร์ จึงเชื่อว่า อิชิอิ จะทำทีมให้อยู่ในทรงเดิมและอยู่บริเวณกลางตาราง แต่หากเครื่องร้อนถึงขีดสุดเมื่อไร พวกเขาอาจเป็น 1 ในทีมที่มีลุ้นตั๋วถ้วยเอเชียก็ได้

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ชลบุรี เอฟซี

          ฉลามชลยืนกล้าขาแข็งกับการใช้ตัวเยาวชนของทีมเป็นกกลุ่มผู้เล่นตัวหลัก อีกทั้งการได้โค้ชเตี้ย เข้ามา ก็ช่วยให้ระบบและทีมเวิร์คทำได้อย่างลงตัว แต่กระนั้นเมื่อช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่ผ่านมา การเสริมตัวต่างชาติจัดว่าล้มเหลวสุดๆ ทำให้ผลงานดรอปตามลงไปด้วย อย่างไรเสียในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาได้ตัวต่างชาติจากโคราชถึง 2 ราย นั่นคือ คานยุบ กับ มูริลโล่ ซึ่งการเสริมน้อยแต่เปี่ยมคุณภาพแบบนี้ จึงเชื่อว่าฉลามชลตัวนี้มีสิทธิ์สูงอย่างยิ่งที่จะเป็นม้ามืดของศึกไทยลีก 1

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

          สภาพทีมที่อุดมไปดูตัวเยาวชน อีกทั้งในช่วงปิดฤดูกาลก็ไม่ได้เสริมตัวดังเข้ามา ทำให้สายตาที่เพ่งไปอาจจะน้อย แต่กระนั้นอยากให้ติดตามดูฝีมือของ มาริโอ้ ยูรอฟสกี้ ที่เป็นกุนซือใหญ่ ซึ่งเมื่อฤดูกาลก่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าการใช้เด็กได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด หากเน้นการเล่นที่เป็นทีม อีกทั้งน่าติดตามว่าตัวต่างชาติที่มีจะช่วยยกระดับทีมได้ขนาดไหน แต่ที่แน่ๆเชื่อว่ากิเลนผยอง ปีนี้ มีลุ้นทำอันดับดีๆ ไม่ร่วงไปตารางอีกเป็นแน่

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืด ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

          แข้งเทพจัดเป็นราชาที่ไร้ซึ่งถ้วยรางวัลประดับบารมี เพราะในยุคของมาโน่ เคยมีแต่เกือบในฐานะรองแชมป์ ส่วนการเข้ามาของโค้ชแบน ก็ค่อยๆพา บียู ที่อยู่กลางตาราง ขึ้นมาจบอันดับที่ 5 แบบมีลุ้นตั๋วถ้วยเอเชีย ฉะนั้นในฤดูกาลใหม่นี้ โค้ชแบน ได้ทำทีมแบบเต็มสูบ แถมยังมีตัวมาเสริมอีก ทำให้สามารถมองได้ว่าแข้งเทพในปีนี้ มีสิทธิ์จะเป็นม้ามืดอีกราย ที่ก้าวขึ้นมาท้าทายทีมอื่นในกลุ่มหัวตาราง

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืดในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22
ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นม้ามืดในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน

อุปนิสัยที่โดดเด่นของคนไทย คือ ความโอบอ้อมอารี ความเคารพต่อผู้อาวุโส  และการช่วยเหลือพวกพ้อง หรือจะเรียกในภาษาทางการว่าระบบอุปถัมภ์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนก่อให้เกิดคติหรือแนวทางบ้างอย่าง ต่อการทำทีมฟุตบอลในไทยเหมือนกัน โดยมันจะมีอะไรบ้างและเป็นในลักษณะไหน วันนี้เราจะไปดูกัน

การเป็นพันธมิตรของสโมสรใหญ่ กับสโมสรเล็กในเครือข่าย            หากเป็นสโมสรในต่างประเทศ การจะสร้างพันธมิตรในเชิงฟุตบอลจะต้องเป็นการสร้างพันธมิตรของสโมสรฟุตบอลระหว่างประเทศ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์ หรือหากอยู่ในประเทศเดียวกัน ก็จะเป็นในลักษณะการส่งเยาวชนที่อายุยังน้อยจากศูนย์ฝึก มาขัดเกลาฝีเท้ากับสโมสรอาชีพ

แต่สำหรับฟุตบอลไทย การเป็นพันธมิตรระหว่างกันจะเกิดขึ้นระหว่างสโมสรใหญ่ในลีกสูงสุด กับสโมสรเล็กในลีกรอง โดยการสร้างพันธมิตรในลักษณะนี้ของทีมใหญ่ เป็นไปเพื่อให้นักเตะสำรองที่ไม่มีโอกาสสนาม หรือนักเตะเยาวชน ได้มีโอกาสลงสนามผ่านการปล่อยให้ยืมตัว

แต่กระนั้นในบ้างกรณีก็จัดการยกทีมเยาวชนและโค้ชไปเล่นกับทีมเล็ก เสมือนกับการเอาคนเข้าไปอยู่ในบ้านเปล่าๆหลังหนึ่งที่ไม่มีคนเลย ซึ่งหลายครั้งแฟนบอลอยากเรียกกันแบบติดตลกว่าทีมสาขา 2 เช่น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยกนักเตะไปเล่นกับ นครนายก เอฟซี, พัทยา ยูไนเต็ด และอุดรธานี เอฟซี หรือในกรณีของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่มีพันธมิตรอย่าง ราชประชา เอฟซี, ขอนแก่น เอฟซี และเชียงใหม่ เอฟซี

การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน
การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน

เปลี่ยนสีเสื้อและตราสโมสร

          หากเป็นสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศ สีเสื้อเริ่มต้นมาอย่างไร ก็จะใช้สีนั้นไปตลอด แต่ก็อาจมีบ้างที่เปลี่ยน เช่นกับตราสโมสรที่มีสัตว์ สิ่งของใดเป็นสัญลักษณ์ ก็จะใช้ไปตลอด เว้นเสียการปรับปรุงให้ดูทันสมัย แต่สำหรับฟุตบอลไทยแล้ว ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

โดยเฉพาะทีมในลีกรองและรากหญ้า ที่บางทีมเปลี่ยนเฉดสี หรือเปลี่ยนไปเลยตามความชอบ จนไม่สามารถทราบได้แล้วว่าทีมนั้นๆมีสีอะไรเป็นสีหลัก เช่นเดียวกันกับตราสโมสร ที่การเปลี่ยนแปลงมักต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง อาทิ การท่าเรือ เอฟซี ที่เป็นรูปสมอ โลมา สิงโต และม้า

ซึ่งนี่ยังไม่นับสโมสรในลีกรองและลีกรากหญ้า ที่บ้างครั้งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนเกิดความสับสนว่านี่คือทีมน้องใหม่หรือเปล่า

          จากที่นำมาเล่าในวันนี้ มันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงอุปนิสัยที่เป็นราเหง้าของคนไทย ซึ่งมันก็มีข้อดีอยู่ แต่มันก็ตามมาพร้อมกับข้อเสียอีกมากมาย เช่น การทำระบบพันธมิตรแบบทีมใหญ่สนับสนุนทีมเล็ก มันจะทำให้รากของฟุตบอลไทยไม่พัฒนา

ขณะที่ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์สำคัญของทีมบ่อยๆ มันก็จะเป็นการบั่นทอนแฟนบอลจนไม่รู้สึกอินไปกับทีม เหมือนเช่นที่ฟุตบอลต่างประเทศเป็น    

การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน
การทำทีมแบบไทยๆ แบบที่ไม่มีใครเหมือน

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู

ข่าวคราวของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กลับมาเป็นที่สนใจตามหน้าสื่ออีกครั้ง หลังจากสัญญาใกล้จะหมดสิ้นปีนี้ แต่ทำไมยังไม่มีการต่อออกไป ก่อนที่ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไปลงเอยกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว 5 เดือน เสียอย่างนั้น ซึ่งที่มาและที่ไปทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น วันนี้เราจะได้รู้กัน

          ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายมาอยู่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อปี 2018 ด้วยค่าตัว 30 ล้านบาท จาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด โดยการอยู่ในถิ่นลีโอ สเตเดี้ยม ได้รับค่าเหนื่อย 4 แสนบาท อีกทั้งในช่วงที่ทีมตกชั้นลงไปสู่ไทยลีก 2 สโมสรก็ได้ปล่อยยืมไปอยู่ญี่ปุ่น จากนั้นเมื่อกลับมาก็พาทีมคว้าแชมป์ได้ นั่นจึงทำให้เอเย่นต์เข้าไปต่อรองกับสโมสร ว่าต้องการให้นักเตะของตัวเองอัพค่าเหนื่อยเป็น 7-8 แสนบาทต่อเดือน

พร้อมกับค่าเซ็นปีละ 1 ล้านบาท ซึ่งในยามวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ ไม่มีสโมสรไหนจะอัพค่าเหนื่อยเป็น 2 เท่าได้ เพราะตลอดปีที่ผ่านมาไม่มีรายรับเลย ฉะนั้นอย่างดีที่สุด คือ เพิ่มได้ 10-20% จากเงินเดือนเดิม หรือเท่าเดิม ฉะนั้นการที่อยู่ๆเดินเข้ามาแล้วขออัพเป็น 2 เท่า แบบไร้การต่อบอล จึงทำให้ บอสปวิณ หัวเสีย พร้อมกับสั่งให้ขับออกจากทีมชุดใหญ่ทันที

ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู
ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู

การท่าเรือ เอฟซี เป็นอีกสโมสรที่น่าจะจ่ายค่าตัวไหว นั่นจึงทำให้เอเย่นต์เข้าไปเสนอด้วยเรตที่เท่ากัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เพราะค่าเหนื่อยที่มากขนาดนี้ คนจ่ายต้องคิดหนักแน่ เพราะนักเตะที่มีอยู่เดิมก็มากอยู่ นั่นจึงทำให้การหาสโมสรใหม่ล่มลง หรือการจะลดค่าตัวแล้วเดินกลับเข้าไปเจรจาใหม่ มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

นั่นจึงทำให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สนใจในตัว ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เหมือนกัน ได้มีการเจรจาต่อรองกับเอเยนต์ แล้วรีบตกลงรับเงื่อนไข แม้จะให้ค่าเหนื่อยเพียง 4 แสนบาท เพราะถ้าหากปล่อยให้ดีลล่มไปอีก สโมสรที่จะมาจ่ายค่าเหนื่อยให้ อาจเหลือเพียง 2-3 แสนบาทต่อเดือนเท่านั้น

ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู
ทำไม ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จึงมาจบดีลกับ บียู

จากเคสการย้ายทีมของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ในครั้งนี้ นับเป็นบทเรียนสำคัญของนักเตะไทยทุกคนที่ควรหันกลับมามองว่าฝีเท้าของตัวเองควรอยู่ในเรตไหน อีกทั้งในยามวิกฤตโควิด-19 ก็ควรเห็นใจสโมสร เพราะตลอดปีที่ผ่านมาไม่มีรายได้เข้ามาเลย

ทำให้การดีลที่ดีและให้เกียรติ คือ ต่อรองว่าของเพิ่ม 10-20%, ขอเท่าเดิม หรือลดเท่าไรก็ว่าไป เพราะถ้าหากยืนข้อเสนอแบบเคสนี้ นอกจากนักเตะจะเสียโอกาส ก็ยังเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของสโมสรอีกด้วย 

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

“10 ตัว ต้านไม่ไหว” บีจี เถลิถ้วยศึกแรก เฉือนเชียงราย 10 ตัว 1-0

ศึกฟุตบอลไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22 ลงฟาดแข้งกันที่สนามสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยในปีนี้เป็นการชิงแชมป์ระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก 1 กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์บอลถ้วยช้างเอฟเอ คัพ ส่วนในเรื่องผังการเล่น กระต่ายแก้วมาในระบบถนัด คือ 3-5-2

แต่ไม่มี ตูเญช ที่ได้รับอาการบาดเจ็บ ตรงกันข้ามกับแดนหน้าที่ส่งอาวุธหนักอย่าง ดิอาโก้ กับ ธีรศิลป์ ลงสนามพร้อมกัน ขณะที่ทางฟากกว่างโซ้งมหาภัย มาในระบบ 3-4-3  โดยแดนหน้าซ้าย-ขวา ดัน เอกนิษฐ์ กับ ศิวกร ไปขนาบข้าง บิลล์ โรซิม่าร์

          เกมการแข่งขันในช่วงต้นเป็น เชียงราย ที่ดูดีกว่า เพราะสามารถตั้งโซนรับแล้วเก็บบอลได้ ก่อนจะสาดโด่งไปให้ บิลล์ เล่นตรงพื้นที่ระหว่างกองหลังกับผู้รักษาประตู แล้วจากนั้นจะให้ 2 กองหน้าดาวรุ่ง เข้ามาสอดประสาน ซึ่งมันมีจังหวะที่ควรจะเป็นประตู

แต่ ศิวกร ดันยิงออกไปแบบหน้าตาเฉย ส่วนทางฝั่งบีจี ช่วง 20 นาทีแรก สปีดบอลช้ามาก จนไม่สามารถต่อบอลได้เกินแดน 2 ของคู่แข่ง           แท็กติกที่ดูจะชัดเจนของฝั่งเชียงราย คือ การเข้าสกัดหรือตัดฟาวล์ทันที หากคู่ทำเกมโต้กลับ ซึ่งมันมีประมาณ 2 จังหวะ ที่ตัดตั้งแต่กลางสนามแล้วได้ผล แต่แล้วจังหวะที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 19 มันเป็นการไปสกัดแบบไม่โดนบอลในฐานะตัวสุดท้ายก่อนเข้าเขตโทษ ทำให้ บรินเนอร์ เฮนริเก้ โดนใบแดงเหลือ 10 ตัว

แล้วจากนั้น กว่างโซ้ง ต้องเปลี่ยนแท็กติกไปแบบสิ้นเชิง อย่างไรก็ดีการที่บีจี มีตัวผู้เล่นมากกว่า 1 คน มันก็ยังไม่เห็นถึงความได้เปรียบ เพราะสปีดบอลและการเชื่อมบอลในแดน 3-4 ยังไม่ค่อยมี   

“10 ตัว ต้านไม่ไหว” บีจี เถลิถ้วยศึกแรก เฉือนเชียงราย 10 ตัว 1-0
“10 ตัว ต้านไม่ไหว” บีจี เถลิถ้วยศึกแรก เฉือนเชียงราย 10 ตัว 1-0

ครึ่งหลัง เชียงราย ยังคงเน้นแท็กติกเดิม คือ การแพ็คเกมรับ ส่วนเกมรุก ถ้าบอลเริ่มจากผู้รักษาประตู ก็จะเตะยาว แต่ถ้าดักบอลได้ก็จะค่อยๆเซตขึ้นไป เพื่อไม่ให้คู่แข่งตัดบอลมาโหมบุกใส่ ส่วนทางฝั่ง บีจี พยายามเร่งสปีดบอลของตัวเองขึ้นมา ทำให้สามารถเปิดบอลจากริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง ได้มากขึ้น นอกจากนี้ วิดมาร์ ยังส่งตัวผู้เล่นประเภทเลี้ยงกินตัวลงมาช่วย ซึ่งมันก็ทำให้การโจมตีสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง

แต่บอลเข้าเป้าน้อยมาก อย่างไรก็ดีประตูชัยของกระต่ายแก้ว มาจากเกมโต้กลับแล้ว เรียว เลือกยิงเร็วและได้มุมพอดี ทำให้เวลาที่เหลือราว 10 นาที รวมช่วงทดเวลา ถือเป็นการปิดจ็อบ            ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ช่วงแรกแสดงให้เห็นถึงรูรั่วในแนวรับ ส่วนหลังจากนั้นเกมบุกก็แสดงให้เห็นถึงความไม่หลากหลาย ซึ่งกว่าจะมาได้ประตูก็ต้องรอจนถึงท้ายเกม ฉะนั้นหากเกมต่อๆไปยังเป็นเช่นนี้ การป้องกันแชมป์ลืมไปได้เลย ขณะที่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แท็กติกรับแน่นแล้วสวนกกลับ กำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี

แต่ด้วยแท็กติกที่เน้นตัดฟาวล์แบบถอนรากถอนโค่น กลายเป็นหนามที่กลับมาทิ่มแทงตัวเองจนเสียเปรียบตัวผู้เล่นและต้องเปลี่ยนแผนไปเลย ส่วนการยืนแพ็คเกมรับก็ทำได้ดีแล้ว แต่การตั้งรับเกือบ 70 นาที มันยาวนานและยากเกินไปที่จะยันให้อยู่ แล้วสุดท้ายก็ยันไม่อยู่จริงๆ

“10 ตัว ต้านไม่ไหว” บีจี เถลิถ้วยศึกแรก เฉือนเชียงราย 10 ตัว  1-0
“10 ตัว ต้านไม่ไหว” บีจี เถลิถ้วยศึกแรก เฉือนเชียงราย 10 ตัว 1-0

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22

ศึกโหมโรงก่อนการแข่งขันไทยลีก 1 จะเปิดฤดูกาล 2020/21  ได้วันเวลาการแข่งขันเป็นที่แน่นอนแล้ว คือ วันที่ 1 ก.ย. เวลา 18.00 น. ช่อง ททบ 5 และ เอไอเอสเพลย์ ถ่ายทอดสด ส่วนสนามการแข่งขันในปีนี้จะโยกไปใช้ที่สนามสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกของศึกแชมป์ชนแชมป์ที่ออกไปเล่นต่างจังหวัด เนื่องจากที่ผ่านมาสนามแข่งขันจะวนเวียนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ขณะที่คู่ชิงจะเป็นการพบกันระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในฐานะแชมป์ไทยลีก กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในฐานะแชมป์ช้างเอฟเอ คัพ

          ทางฝั่งของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีกหนนี้ คือ แชมป์สมัยแรกของสโมสร หลังจากส่งทีมแข่งมา 10 ปีเต็ม ซึ่งการคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาได้ฝากสถิติที่น่าจดจำไว้ นั่นก็คือ การเป็นแชมป์ในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุดเพียง 24 นัดของการแข่งขัน (1 ฤดูกาลมี 30 นัด) อย่างไรเสียเรื่องที่น่าเสียดายที่สุด เห็นจะเป็นการอดทำสถิติไร้พ่ายเป็นทีมที่ 3 เพราะการแข่งขันนัดปิดฤดูกาล ดันออกไปพ่าย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แบบน่าเจ็บใจ แต่กระนั้นการทำผลงานได้ดีจนเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึก ACL เป็นครั้งแรกของสโมสร ก็ช่วยให้กระต่ายน้ำเงินคราม ลืมความเจ็บแค้นนั้นไปได้มากทีเดียว      

โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22
โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22

 คราวนี้โยกไปดู สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กันบ้าง โดยที่ผ่านมานั้น กว่างโซ้งสามารถคว้าแชมป์ได้ทุกถ้วยทุกใบที่มีอยู่ในเมืองไทยแล้ว ส่วนการคว้าแชมป์ช้างเอฟเอ คัพ ในหนนี้ นับเป็นการเถลิงแชมป์สมัยที่ 3 ของสโมสรแล้ว

ฉะนั้นจึงไม่แปลกนักที่จะถูกยกย่องให้เป็นสิงห์บอลถ้วยแห่งวงการฟุตบอลไทย ส่วนผลงานล่าสุดก่อนจะมาแข่งขันนัดนี้ พลพรรคกว่างโซ้งได้เดินทางไปยังประเทศอุซเบกิสถาน เพื่อลงแข่ง ACL แต่น่าเสียดายที่ต้องตกรอบ เพราะมีคะแนนไม่พอ แต่หากให้เจาะลึกลงไปก็นับว่าน่าภูมิใจอย่างยิ่งที่สามารถต่อกรกับทีมจากลีกมหาอำนาจของทวีปเอเชียได้อย่างสูสี    

โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22
โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22

สำหรับการลงสนามพบกันในวันที่ 1 กย. ที่จะถึงนี้ ศักยภาพและขุมกำลัง รวมถึงฟอร์มการเล่นของ บีจีปทุม ยูไนเต็ด ดูดีกว่า ขณะที่ทางฝั่งสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด การเสริมทัพไม่มี เพราะเน้นไปที่ระบบทีมเวิรค์ ฉะนั้นหากให้วิเคราะห์ฟันธง ก็เชื่อว่าแชมป์ไทยลีก  จะเป็นต่อนิดๆ แล้วถ้ายิ่งเล่นได้ตามฟอร์มไม่มีมาตรฐานตก ก็เชื่อพวกเขาจะมีโอกาสชนะมากว่าครึ่ง แต่สกอร์อาจจะไม่ขาด 

โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22
โหมโรงศึกไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ประจำฤดูกาล 2021/22

ตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com