Categories
ข่าวกีฬา

“ลอดช่องผ่านสบาย”

ไทยชุดสำรอง ซด สิงคโปร์ชุดใหญ่ คาบ้าน 2-0 เข้าป้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม

ศึกฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 นัดสุดท้ายของ สาย A ณ สนามชั่นเนล สเตเดี้ยม ออฟสิงคโปร์ ทีมชาติไทย ที่ชนะรวด 3 นัด และผ่านเข้ารอบไปแล้ว จะต้องลงเล่นกับเจ้าบ้านอย่าง ทีมชาติสิงคโปร์ ที่ก็ชนะมา 3 นัด เช่นเดียวกัน ฉะนั้นถ้าผลออกแพ้ชนะ ทีมนั้นจะเข้ารอบในฐานะแชมป์สาย แต่ถ้าเกิดผลออกมาเสมอ จะเป็นไทยที่เป็นแชมป์กลุ่ม ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ทัพช้างศึกเปลี่ยนผู้เล่นยกชุดและกลับมาใช้ระบบ 4-3-3 ขณะที่เมอร์ไลออน จัดชุดใหญ่ในระบบ 4-1-4-1

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทีมชาติสิงคโปร์ จัดการเพรสซิ่งเพื่อชิงบอลและขึงบุก พร้อมใช้ลูกโด่งสาดเข้าใส่อย่างหนัก แต่แนวรับของคู่แข่งยังต้านทานไว้ได้ ซึ่งการกดดันหนักว่าครึ่งชั่วโมง สร้างความหวาดเสียว แต่มันไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบเหน่งๆ ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติไทย การส่งชุดสำรองส่อแววจะเป็นงานหนัก แต่พอผ่าน 20 นาทีแรกของเกม ก็เริ่มจะแกะเพรสซิ่งและเปลี่ยนเป็นการสวนกลับได้บ้าง กระทั่งนาทีที่ 31 มาได้ประตูนำ 1-0 จังหวะที่ลงล็อค

      การขึ้นนำ 1-0 จากโอกาสยิงครั้งแรกของ ไทย มีผลให้เกมรุกของ สิงคโปร์ มลายหายสิ้นไป แล้วกลายเป็นว่าตัวเองมีความผิดพลาดตั้งแต่หน้าบ้าน ที่ไม่สามารถออกบอลให้พ้นจากแดนตัวเองได้ สุดท้ายก่อนจบครึ่งแรก มาโดนยิงทิ้งห่างเป็น 2-0 จากการตัดบอลและส่งให้ ศุภชัย ซัดเสาแรก

ครึ่งหลัง ไทย เปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองลงมา แล้วยังเดินหน้าบุกต่อ ซึ่งจะมีลักษณะ คือ ให้ชัวร์แล้วค่อยขึ้น กระนั้นจังหวะจบในหลายๆครั้งเริ่มจะเน้นความชัวร์มาเกินไป ทำให้พลาดโอกาสยิงทิ้งห่าง ส่วนทางฝั่ง สิงคโปร์ หมดแรงจนได้แต่เดินกว่าครึ่งทีม ทำให้เมื่อไรที่ได้บอล ก็จะใช้การสาดยาว แล้วผลลัพธ์ คือ ไม่เข้าเป้าและนำพาไปสู่ประตูตีตื้น

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติไทย ใช้เวลาปรับตัวราว 15-20 นาที ซึ่งโชคดีที่ไม่โดนยิงประตู ทำให้หลังจากนั้นสามารถตั้งเกมของตัวเองได้ แล้วการได้ประตูนำมันก็มีผลให้การครองบอลไหลลื่นและปิดเกมอย่างรวดเร็ว กระนั้นแนวรุกก็ยังมีปัญหาในเรื่องของโอกาสที่สิ้นเปลื้องในครึ่งหลัง และแนวรับที่มีสมาธิหลุดให้เห็นเป็นบางช่วง

ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติสิงคโปร์ การส่งชุดใหญ่ที่ไม่ได้พักเลย แล้วผลออกมาแพ้และมีตัวได้บาดเจ็บ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและจะมีผลต่อเกมในรอบรองแน่นอน ขณะที่ในเรื่องรูปเกม เกมรุกมีรูปแบบการเข้าทำจำกัดและวิธีการเหล่านั้นไม่แยบยลพอ ทำให้ไม่แปลกที่เมื่อเจอแนวรับที่ยืนตำแหน่ง จึงเจาะไม่ค่อยเข้า ไม่ต่างกันกับเกมรับ ที่เมื่อเจอสถานการณ์ไม่ใจ ก็แตกตื่นและมีความผิดพลาด มิหนำซ้ำยังหมดแรงอีก ทำให้สุดท้ายต้องพ่ายแพ้แบบไม่มีชิ้นดี

ติดตามข่าวกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

Categories
ข่าวกีฬา

“มุ้ยเบิ้ล 2 ”

ทีมชาติไทย ได้มุ้ยยิง 2 ตุง ส่ง ฟิลิปปินส์ กลับบ้านด้วยสกอร์ 1-2

ศึก AFF SUZUKI CUP 2020 รอบแบ่งกลุ่มสาย A ณ สนามเนชั่นเนลสเตเดี้ยม ออฟสิงคโปร์ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ที่แข่งไป 2 นัด แล้วชนะกับแพ้อย่างละนัด ทำให้นัดนี้ห้ามแพ้เป็นอันขาด เพราะนั่นจะหมายถึงโอกาสตกรอบที่สูงมาก ส่วนคู่แข่งที่จะพบ คือ ทีมชาติไทย ซึ่งแข่งมาแล้ว 2 นัด ชนะ 2 นัด ฉะนั้นหากชนะอีกนัด ก็แทบจะการันตีการเข้ารอบ สำหรับระบบการเล่นของทั้ง 2 ทีม ขุนพลตากาล็อกปรับมาใช้ 3-4-3 ขณะที่ทัพช้างศึกใช้ 4-4-2 ตามเดิม

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทีมชาติไทย ครองบอลไว้ได้เหนือกว่าชัดเจน แต่มันเป็นเพียงการต่อบอลในแดนตัวเองและพื้นที่แดน 1-2 ของคู่แข่งเป็นส่วนใหญ่ ส่วนในแดน 3-4 เจาะได้ยากลำบาก เพราะการเคลื่อนที่และการสอดรับของผู้เล่นไม่เร็วพอ ทำให้เมื่อไรที่บอลถูกจ่ายเข้าไป ก็จะถูกรุมและต้องใช้การเลี้ยงหนีเพื่อไม่ให้เสียบอลง่าย กระนั้นการชิงเหลี่ยมพลาดของผู้เล่นในแนวรับของ ฟิลิปปินส์ มันก็มีผลให้ ธีราทร มีพื้นที่เปิดบอลเข้าไปให้ ธีรศิลป์ ยิงเต็มแรงเสียสามเหลี่ยม ขึ้นนำ 0-1 ซึ่งในจังหวะนี้นับเป็นการเข้าทำที่สวย เพราะช่องจ่ายและช่องยิงมีน้อย แต่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด จากนั้น ไทย เล่นด้วยความมั่นใจจนต่อบอลได้ไหลลื่นขึ้น แต่ด้วยความที่เน้นชัวร์มากเกินไป มันก็มีผลให้ไม่ได้ประตูที่ 2  

ครึ่งหลัง ทีมชาติไทย พยายามเล่นแบบประคอง คือ มีโอกาสจะค่อยๆขึ้นและไม่รีบเร่ง เพราะมันมีความเสี่ยงที่จะเสียบอล ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติฟิลิปปินส์ พวกเขาปรับมาเยือน 4-4-2 แล้วอาศัยการขึ้นบอลทางริมเส้นและเปิด ซึ่งไม่เข้าเป้าและสร้างความอันตรายใดๆเลย แต่แล้วด้วยความผิดพลาดของฝั่งตรงข้ามที่โหม่งสกัดพลาด มันก็กลายเป็นโอกาสทองให้ ไรเชล ได้ซัดระยะจ่อๆตีเสมอ 1-1

      หลังจากถูกตีเสมอแบบสุดช็อก เกมรุกของ ไทย ก็กลับมามีสภาพเหมือนก่อนได้ประตูนำ นั่นจึงทำให้ มาโน่ เลือกจะเสี่ยงด้วยเปลี่ยนกองกลางยกแผง แล้วตัวที่ลงไปอย่าง ฐิติพันธ์ ก็อาศัยการชิงเหลี่ยม แล้วคู่แข่งดันเตะล้มจนกลายเป็นจุดโทษ พร้อมกับประตูนำ 1-2 ซึ่งตรงจุดนี้ช่วยคลายความกดดันให้ทัพช้างศึก ก่อนจะประคองตัวได้จนจบเกม

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ทีมชาติฟิลิปปินส์ พยายามวางเกมรับให้หนาแน่น แต่การชิงเหลี่ยมในหลายจังหวะเป็นรอง แล้วนั่นเป็นส่วนสำคัญให้พวกเขาต้องเสียประตู ส่วนเกมรุก ไม่มีมิติอะไรที่ชัดเจน เพราะมันมีเพียงการเปิดจากริมเส้นไปหน้าประตู ขณะที่ ทีมชาติไทย เกมรับเสียประตูเพราะความผิดพลาดส่วนบุคคล แล้วการเสียประตูตรงนี้มีผลให้รูปเกมดรอปลงไป กระนั้นยังดีที่แนวรุกเฉียบคมในจังหวะขึ้นนำลูกแรก และลูกที่ 2 ซึ่งมีความกดดันอย่างยิ่ง อย่างไรเสียก็ยังมีบางจังหวะที่ต้องปรับจังหวะว่าควรยิงเบาหรือแรงอย่างไร ซึ่งหากทำได้ มันก็ช่วยให้เกมรุกมีความน่ากลัวขึ้นไปอีก  

ติดตามข่าวกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : รวมพลคนบันเทิง