Categories
ข่าวกีฬา

“แมวสวาทอาการไม่ดี” โคราช นำเร็ว ท่าเรือ ตีเจ๊า 1-1

แมวสวาท ต้องลุ้นหนีตายแบบเต็มตัวในอีก 3 นัดที่เหลือ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ( แมวสวาท ) ที่ผลงานในตอนนี้ไม่สู้ดี ซึ่งวันนี้ต้องพบกับ การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานกำลังเข้าฝักและต้องการจบอันดับ 3 เพื่อหวังโควต้าส้มหล่นไปเล่น ACL ฉะนั้น 3 แต้ม ของเกมนี้ ถือว่ามีความหมายต่อทั้ง 2 ทีม สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-3-3  ส่วนทีมเยือนวางผัง 4-4-2

เกมเริ่มขึ้นไม่ถึง 2 นาที นครราชสีมา ขึ้นนำก่อน 1-0 จากการเปิดยาวของผู้รักษาประตู แล้วโหม่งต่อให้ เมอเรย์ ลากเข้าเขตโทษและซัดเต็มข้อที่เสาแรก โดยจังหวะนี้แนวรับทีมเยือนประกบตัวผิดพลาดที่เข้าไปรุมตัวโหม่ง อีกทั้งการยืนดักล้ำหน้าก็ดันตัวเองขึ้นมาไม่ทัน จากนั้นรูปเกมเป็นของ การท่าเรือ ที่ใช้ปีก 2 ข้างเติมสุดทาง แล้วเมื่อไรที่เห็นช่องในกรอบเขตโทษ ก็จะจัดการเปิดหรือจ่ายให้เพื่อน ณ จุดเป้าหมาย ซึ่งการจบสกอร์มีให้เห็น แต่ขาดความเฉียบคม จนเมื่อเกมผ่านครึ่งชั่วโมงจนจบครึ่งแรก เกมรุกของสิงห์เจ้าท่าก็เริ่มจางหายไป

แมวสวาท ตีเจ๊า ท่าเรือ 1-1 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 วันอาทิตย์
แมวสวาท ตีเจ๊า ท่าเรือ 1-1 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 วันอาทิตย์

ครึ่งหลัง โคราช พยายามฝากบอลไว้กับปีกทั้ง 2 ข้าง เพื่อพาบอลไปข้างหน้าและทำได้ตามแผนที่วางไว้ แต่ปัญหามันติดตรงที่ป้อนบอลให้กองหน้าไม่ได้ สุดท้ายจึงเล่นดีได้แปบเดียว กระทั่งช่วงเวลาที่เหลือ การทำเกมโต้กลับถูกดักได้ตั้งแต่กลางสนาม ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ กว่าจะเริ่มเข้าที่ก็ต้องใช้เวลาราว 10-15 นาที โดยวิธีการเข้าทำเปลี่ยนจาก 45 นาทีเล็กน้อย เมื่อเน้นการแทงบอลตรงกลาง มากกว่าจ่ายจากด้านข้าง ซึ่งวิธีการเล่นลักษณะนี้ สิงห์เจ้าท่า ตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 70 จากนั้นแม้ว่าทีมเยือนจะยังบุกต่อ แต่ความเข้มข้นไม่เหมือนกับช่วงที่สกอร์ตามหลัง ทำให้เกมนี้จบลงด้วยการแบ่งแต้ม

บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี มีโมเมนต์ที่ดีเมื่อยิงนำตั้งแต่นาทีแรกของเกม แต่จุดตำหนิก็ยังมีให้เห็น คือเกมรุกที่ไม่สามารถเชื่อมผู้ริมเส้นกับกองหน้าได้ ทำให้ความอันตรายและการลุ้นประตูหายไป กระนั้นที่หนักสุด คือเกมรับมีช่องว่างตลอด กระทั่งเป็นที่มาของการเสียประตู ซึ่งการได้ 1 แต้ม ถือว่าบุญแล้ว อย่างไรเสียในอีก 3 นัดที่เหลือ สวาทแคทต้องลงไปลุ้นหนีตายแบบเต็มตัวแล้ว ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี เกมรับมีความผิดพลาดตั้งแต่จังหวะแรกของเกม แต่เมื่อเกมรับมีสมาธิ ความผิดพลาดก็ไม่เกิดขึ้น พวกเขาก็ค่อยๆเดินเกมรุกจนตีเสมอได้ กระนั้นหากดูจากรูปเกมและโอกาส สิงห์เจ้าท่าสามารถลุ้นถึงชนะได้ หากเฉียบคมมากกว่านี้

แมวสวาท ตีเจ๊า ท่าเรือ 1-1 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 วันอาทิตย์

แมวสวาทตีเจ๊า ท่าเรือ 1-1 ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 27 วันอาทิตย์

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“น็อคแชมป์คาบ้าน”  ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 โปรแกรมวันอาทิตย์

น็อคแชมป์คาบ้าน ท่าเรือ โค่น บุรีรัมย์ คาถิ่น 2-3

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 28 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามช้างอารีน่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่การันตีคว้าแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนี้ไปครอง จะต้องพบกับ การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานกำลังขึ้นหม้อและต้องการแต้มเพื่อติดอันดับ 3 และลุ้นโควต้าเพลย์ออฟ ACL ศึกนี้ท่าเรือจะสามารถ น็อคแชมป์คาบ้าน เอาชนะบุรีรัมย์ได้อย่างไรมาติดตามกันสำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือนยังยึดผัง 4-4-2  

15 นาทีแรก เหมือนดูเชิงกันเสียมากกว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ บุรีรัมย์ จับทางและระดมเกมบุกใส่ ไล่ตั้งแต่ การแทงจากด้านข้าง หรือแทงจากตรงกลางไปให้กองหน้า รวมถึงลูกเปิดของ ธีราทร ที่สร้างความหวาดเสียวได้ กระนั้นประตูนำ 1-0 มาเกิดขึ้นในนาทีที่ 41 แถมจุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาดของทีมเยือนที่โหม่งสกัดบอลไม่ดี ทำให้ วุชคิช ปรี่เข้ามายิงเสียบโค่นเสาด้านบนอย่างสวยงาม

น็อคแชมป์คาบ้าน ท่าเรือ เฉือนชนะ บุรีรัมย์ 2-3
น็อคแชมป์คาบ้าน ท่าเรือ เฉือนชนะ บุรีรัมย์ 2-3

ครึ่งหลัง การท่าเรือ มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากฟรีคลิกที่แสนโหดเหี้ยมของ แอร์ตอน เพราะมันพุ่งเสียบสามเหลี่ยมแบบไม่ต้องรับ จากนั้นเหมือนเจ้าบ้านช็อคและโดนแซงนำ 1-2 เมื่อโยนบอลให้ แฮรมิลตัน โหม่งชง แล้ว วรชิต จัดการยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด แต่หลังจากนั้น 4 นาที บุรีรัมย์ มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากเตะมุมของ ศุภชัย ที่ได้โขกโล่งๆ แล้วจากจุดนี้ รูปเกมก็เริ่มจะแลกใส่กันแบบหมัดต่อหมัด สุดท้าย สิงห์เจ้าท่า ขึ้นนำ 2-3 ในนาทีที่ 80 จากจังหวะสกัดบอลที่เป็นใจให้ วรชิต แต่ก็ต้องชมเทพตาปิดผู้นี้ ที่ล็อคหลบและเลือกมุมยิงแบบชาญฉลาด ขณะที่ช่วงเวลาที่เหลือ ปราสาทสายฟ้าเหมือนคนสติแตก เพราะเปิดไปข้างก็เหมือนกับคนเตะบอลอัดกำแพง ทำให้จบเกมด้วยการคาบ้าน 2-3

บทสรุปจากเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งและเปลี่ยนเป็นประตูได้ 2 ลูก แต่จุดหักเหของวันนี้คือ เมื่อเสียประตูแรกแล้วสมาธิแกว่ง ทำให้เสียเพิ่ม และรูปเกมดูขาดๆเกินไปหมด สุดท้ายต้องพ่ายแพ้แบบคาบ้าน ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี ในครึ่งแรกเล่นไม่ออก แถมมีความผิดพลาดง่ายๆในเกมรับจนเสียประตู แต่ประตูตีเสมอ 1-1 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาฟื้นคืนชีพ จนกลับมายิงรัวอีก 2 ลูก และคนที่ต้องได้รับเครดิตมากที่สุดคือ วรชิต ที่ยิง 2 ลูกในเกมนี้ด้วยนิ่งและชาญฉลาด ทำให้กลายเป็นทีมแรกที่บุกมาชนะแชมป์ไทยลีกประจำซีซั่นนี้       

น็อคแชมป์คาบ้าน ท่าเรือ เฉือนชนะ บุรีรัมย์ 2-3
น็อคแชมป์คาบ้านท่าเรือ เฉือนชนะ บุรีรัมย์ 2-3

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ฝ่าฝุ่นเก็บ 3 แต้ม

ธีรศักดิ์ โซโล่ 2 พา การท่าเรือ เอฟซี 3-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ในโปรแกรมวันอังคาร ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มในตอนนี้กำลังออกทะเลและไม่ชนะใครมาหลายนัด จะเปิดรังลีโอ เชียงราย รับ การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานในตอนนี้ คว้าชัยในลีกมา 2 เกมรวด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างใช้ระบบ 4-4-2 เหมือนกัน

      ในช่วง 10 นาทีแรก ทั้ง 2 ทีมยังทำอะไรกันไม่ถนัดนัก จนเวลาผ่านไป การท่าเรือสามารถโจมตีทางฝั่งขวาและซ้าย แต่การเซตบอลหลังบ้าน บูโต๊ส จ่ายพลาด โบนีญ่า วิ่งมาฉกบอลและหลบ สมพร ก่อนจะยิงให้ เชียงรายนำ 1-0 อย่างไรเสีย การท่าเรือ ไม่เป๋ แล้วยังสามารถเดินเกมรุกต่อได้ โดยโอกาสเหน่งๆมี

แต่ยิงแล้วติดเซฟ สรานนท์ กระทั่งในนาทีที่ 40 สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย เมื่อ เชียงราย ได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 จากการจ่ายบอลแทงทแยงไปหน้าประตู ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีช่อง กระนั้นการเคลื่อนที่เข้าหาบอลและตบกลับหลังให้ เฟลิเป้ เข้ามายิงแบบไม่มีตัวประกบ ถือเป็นการเข้าทำที่รู้ใจกันอย่างยิ่ง   

ครึ่งหลัง การท่าเรือ ยังมีรูปเกมที่ไม่ดีขึ้น จนดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของพวกเขา จนในนาทีที่ 67 จุดเปลี่ยนของเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้ประตูตีตื้น 2-1 จากเตะมุมที่ ธีรศักดิ์ โหม่งเดี่ยวๆแล้วไปตรงตัว สรานนท์ ที่ปัดบอลไม่ดี ทำให้ ธีรศักดิ์ ยื่นขาจิ้มบอลประตูไป นั่นจึงทำให้หลังจากนั้น เชียงราย พยายามจะกลับมาบุกอีกครั้ง อย่างไรเสียการโต้กลับของ การท่าเรือ ก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จาก ธีรศักดิ์ คนเดิม เท่านั้นไม่พอ สิงห์เจ้าท่า มาได้ประตูแซงนำ 2-3 ในนาทีที่ 85 จากการต่อบอลขึ้นมาไม่กี่จังหวะ ก่อนจบที่ แฮร์มิลตัน ฉีกตัวประกบมาโหม่งที่เสาแรก

บทสรุปจากเกม จริงๆแล้ว ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด รูปเกมเป็นรองตั้งแต่ครึ่งแรก ดังจะเห็นได้จากการโดนเจาะเกมรับและผู้รักษาประตูต้องออกแรงเซฟ แต่เมื่อมีโอกาสทำเกมสวนกลับ กว่างโซ้งมหาภัยยิงได้ถึง 2 ประตู ทำให้ครึ่งหลังเหมือนจะเล่นสบาย แต่เมื่อโดนยิงตีตื้น 2-1 รูปเกมก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นพวกเขามีอาการตื่น พร้อมๆกับรูรั่วในเกมรับที่ถูกฉีกให้กว้างขึ้น จนสุดท้ายเสียถึง 3 ประตู

และแพ้แบบช็อคตาตั้ง ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี จริงๆแล้วรูปเกมดีกว่าใน 45 นาทีแรก แต่เกมรับผิดพลาดไปเองและโดนลงโทษ ทำให้ครึ่งหลังดูเหมือนว่าจะกลับมาไม่ได้ กระทั่งการได้ประตูตีตื้น 2-1 นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขากลับมา จนสุดท้ายสามารถพลิกชนะได้ ซึ่งโมเมนแบบนี้เป็นสิ่งที่สิงห์เจ้าท่าหายห่างไปนาน

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ที่ไหน เมื่อไร ไม่แพ้

ศุภณัฎฐ์ ตัวป่วน ช่วย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ณ สนามดราก้อนโซล่าร์ปาร์ค บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า 5 สมัย และแชมป์ทีมล่าสุด พบกับ การท่าเรือ เอฟซี แชมป์เก่า 3 สมัย โดยเกมนัดนี้จะแข่งขันนัดเดียวรู้ผล ฉะนั้นหากเสมอกันในช่วง 90 นาที จะมีการต่อเวลาและยิงจุดโทษเพื่อหา 1 ทีม เข้าไปชิงชนะเลิศ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ปราสาทสายฟ้าใช้ระบบ 4-4-2 ส่วนสิงห์เจ้าท่าเปลี่ยนเล่นระบบ 3-5-2

      นับตั้งแต่นาทีที่ 10-25 ของเกมการแข่งขัน บุรีรัมย์ ครองบอลกดดันใส่คู่แข่งได้ดี แต่ไม่สามารถพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เน้นแพ็คเกมรับให้แน่นหนา แล้วเมื่อไรที่ได้บอลมาครองก็จะไม่เสียง่ายๆ กระนั้นเมื่อพาบอลเข้าเข้าไปในแดนคู่แข่ง

พวกเขามักเสียบอลจนแทบไม่มีโอกาสได้ลุ้น กระทั่งเกมผ่านครึ่งชั่วโมง ทั้ง 2 ทีม เปิดเกมรุกใส่กัน แล้วเป็นทางฝั่งปราสาทสายฟ้า ที่ใกล้เคียงจะได้ประตู เพราะมีจังหวะเล่นลูกฉาบฉวย แต่ดันยิงไม่เข้าเอง ขณะที่ สิงห์เจ้าท่า ประสิทธิภาพเกมรุกด้อยกว่า เพราะรูปแบบการเข้าทำน้อยและไม่รวดเร็วพอที่จะเอาชนะคู่แข่ง

บุรีรัมย์ ยังคงเน้นการโจมตีทางด้านข้าง แต่พยายามกำชับให้เปิดไปยังบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ หรือแถว 2 เพื่อให้มีพื้นที่จบสกอร์ อย่างไรเสียประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 60 มาจากการเล่นเร็วแบบฉาบฉวย แล้วจังหวะยิงของ ศุภณัฎฐ์ ก็เป็นใจด้วย

จากนั้น การท่าเรือ พยายามจะเร่งเกมบุก แต่ยิ่งเร่งก็ยิ่งเสียและโดนโต้กลับ ไม่เพียงเท่านั้น เกมรับที่เหนียวแน่นในครึ่งแรก ก็เริ่มเปิดช่องว่างในพื้นที่กรอบเขตโทษ สุดท้ายโดนยิงประตูทิ้งห่าง 2-0 ในนาทีที่ 76 ขณะที่ช่วงเวลาที่เหลือ สิงห์เจ้าท่าได้แต่เซตบอลไปมากลางสนาม กระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน

          บทสรุปจากเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในครึ่งแรก มีช่วงเวลาที่ขึงและทำได้ดีกว่าเพียงแค่ 10-15 นาที เพราะหลังจากนั้น กลายเป็นเกมชิงจังหวะตรงพื้นที่กลางสนาม จนในครึ่งหลัง รูปเกมก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิม แต่การเล่นเร็วและได้ประตูนำ 1-0 มันก็ช่วยให้พวกเขาคลายกดดัน ก่อนจะมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 และปิดเกม ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี เกมนี้วางหลังสามและเล่นเกมรับได้ดี

แต่เกมสวนกลับ เหมือนทิ้งขว้างโอกาสไป เพราะบอลเคลื่อนที่ช้าและไม่มีรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย จนในครึ่งหลังเมื่อเสียประตูก่อน จากจังหวะที่ไม่ควรเสีย รูปเกมก็หลุดจากวงโคจรไปเลย ดังจะเห็นได้จากเกมรุกที่เร่งจังหวะแล้วจ่ายเสีย หรือเกมรับที่ยืนเปิดพื้นที่ให้กรอบเขตจนโดนยิงเพิ่มฃ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

กิเลนแรงเกินใจ

เมืองทอง ยูไนเต็ด รัว 3 ในครึ่งหลัง แซงชนะ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 22 คู่บิ๊กแมตช์ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานในช่วงหลังเริ่มจะดีขึ้นเมื่อใช้บริการโค้ชคู่ จะต้องพบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผลงานหันหัวกลับมาดีเช่นกัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-4-2  ส่วนทีมเยือนวางระบบคุ้นเคยอย่าง 4-1-4-1

      ช่วงต้นเกมเป็นการชิงจังหวะกันเสียมากกว่า จนเกมผ่านไป 10 นาที รูปเกมเริ่มเด่นชัดและเพียงแค่ 16 นาที การท่าเรือ มาได้ประตูนำ 1-0 จากการจ่ายแทงทางด้านข้าง ก่อนจะเปิดใส่หัว แฮร์มิลตัน โหม่งแบบเต็มแรง ซึ่งแนวรับทีมเยือนเปิดพื้นที่ขนาดนี้

มันจึงไม่แปลกที่จะเสียประตู เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 29 สิงห์เจ้าท่าทุ่มบอลและพยายามจ่ายบอลเข้าเขตโทษ กระนั้นเมื่อตัวประกบไม่บังทาง วรชิต เจ้าตัวจึงจัดการยิงโค้งออกตัว พร้อมกับส่งให้ทีมนำห่าง 2-0

ครึ่งหลัง เมืองทอง ปรับเกมแบบขนานใหญ่ โดยอย่างแรกที่พวกเขาทำคือ การขึงบอลและเน้นเจาะทางฝั่งขวา จนในนาทีที่ 58 มาได้ประตูตีตื้น 1-2 จากการเจาะฝั่งขวาอย่างที่กล่าวไป โดยการเปิดบอลไปให้ โจฮาน่า ถือว่ายอดเยี่ยมที่ยิงทันที ทำให้แนวรับเจ้าถิ่นหมดสิทธิ์ป้องกัน

จากนั้นก็ยังเป็นทีมเยือนที่ได้ครองเกม แต่กว่าจะมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 ก็ต้องรอถึงนาทีที่ 83 ซึ่งเป็นการยิงจุดโทษ โดยการเสียประตูนี้ของ การท่าเรือ มันเร่งเร้าให้พวกเขาต้องบุกอีกครั้ง แต่ดันโดนสวนกลับด้วยบอลแทงและเสียประตู 2-3 ให้กิเลนผยอง

      บทสรุปจากเกม นี่เป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างเล่นดีคนละครึ่ง โดยทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี การเข้าทำมีจังหวะสอดรับที่ลงตัว รวมถึงความมั่นใจของ วรชิต ดูจะเป็นประโยชน์กับทีม เมื่อเจ้าตัวยิงไกลในลักษณะนี้มา 2 เกมติด แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง

สิงห์เจ้าท่าเป็นรองและโดนเจาะทางฝั่งซ้ายแบบต้านทานไม่ได้เลย กระทั่งการเจาะพื้นที่ดังกล่าว ก็ได้เป็นจุดที่ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ ขณะที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ครึ่งแรกแทบจะไม่ได้บุก ส่วนเกมรับก็มีปัญหาในเรื่องตามประกบตัวทั้ง 2 ลูก แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง

พวกเขาต่อเกมรุกติดและยิงตีตื้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กระนั้นก็ต้องกล่าวว่าประตูตีเสมอ 2-2 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม เพราะมันทำให้เกมเปิดและกลายเป็นกิเลนผยอง ที่ชนะในการแลกหมัดครั้งนี้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

นวดจนน่วม

การท่าเรือ เอฟซี นวด 80 นาที ก่อนได้ เนกาบ้า

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ 2022/23 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่เหลือถ้วยนี้ให้ลุ้นเพียงใบเดียว จะต้องพบกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ก็เหลือให้ลุ้นรายการนี้เป็นรายการสุดท้ายเช่นกัน

ฉะนั้นเกมนี้ถือเป็นการตัดสินกลายๆถึงความสำเร็จของทั้ง 2 ทีม สำหรับผังการเล่นของเจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1 ขณะที่ทีมเยือนปรับมาเป็น 4-4-2

      ในช่วงต้นเกม ลีโอ เชียงราย เหมือนจะดีกว่าเล็กน้อย เพราะการต่อบอลจากหน้าบ้านของตัวเองขึ้นไป กองหน้าเก็บอลได้และมีจังหวะจบสกอร์ หรือการบีบสูงเมื่อคู่แข่งเริ่มเล่นบอล ก็เป็นผลให้เจ้าถิ่นเสียบอลง่ายๆในแดนตัวเอง กระนั้นเมื่อเกมผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง

เกมรุกของกว่างโซ้งมหาภัยเริ่มจะตื้อตัน เกมรับเปิดพื้นที่ตรงกลางบริเวณแดน 2 -3 ให้ได้เลี้ยงและล่อเป้า ซึ่งยังดีที่แนวรับตามสกัดทัน ส่วนทางฝั่งสิงห์เจ้าท่า การวางบอลยาว หรือการเล่นบอลริมเส้นถูกปิดพื้นที่ กลับกันสิ่งที่พวกเขาไม่ถนัดอย่างการต่อบอลตรงกลาง ดันทำได้ดีและสร้างโอกาสได้ ขาดเพียงประตูที่ยังยิงไม่เฉียบคม

ครึ่งหลัง เชียงราย มาเล่นเกมรับตามแท็กติกที่ถนัด แต่การตัดบอลแล้วจะโต้กลับ กลับกลายเป็นแย่กว่าครึ่งแรก เพราะมันถูกดักตั้งแต่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่ และต้องตั้งเกมรับแบบหลังพิงเชือก นั่นจึงทำให้ช่วง 20-30 นาทีแรกของครึ่งหลัง เป็นเกมของ การท่าเรือ ในการนวดใส่แนวรับทีมเยือน กระทั่งมาได้ประตูนำ 1-0 จากลูกโหม่งในนาทีที่ 82 จากนั้น สิงห์เจ้าท่าปิดเกมได้ด้วยการครองบอลและถ่ายไปยังพื้นที่ว่าง

      บทสรุปจาก การท่าเรือ เอฟซี เกมนี้วางแท็กติกเกมรับด้วยการไม่ลอยสูง จนสามารถเก็บ คิม จี มิน และ โบนีญ่า ได้แบบอยู่หมัด โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ตัดได้ตั้งแต่กลางสนาม ส่วนในแผงเกมรุก ของถนัดอย่างการเล่นริมเส้น

วันนี้ไม่ค่อยได้ผลเพราะถูกเบียดบังจนออกไปหลายจังหวะ แต่นำพาไปสู่ประตูชัย กลับกันการต่อบอลบนพื้นที่สร้างจังหวะหวาดเสียวได้ดี แต่กลับไม่ได้ประตูจากการเล่นในลักษณะนี้ อย่างไรเสียก็ต้องชื่นชมว่าสิงห์เจ้าท่าเล่นได้ดีขึ้นกว่าหลายนัดที่ผ่านมา ขณะที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด วางแท็กติกเกมรับและรอโต้กลับ

ซึ่งในช่วงต้นเกมเหมือนจะได้สวย แต่ยิ่งเล่นไปเกมรับเริ่มยืนมองและไม่ขยับปิดช่อง ทำให้โดนเจาะง่ายดายเช่นเดียวกับการโต้กลับที่มีตัวรุกน้อยและโอกาสมักมาแบบฉาบฉวย จนกระทั่งโดนยิงประตู ก็แทบจะเป็นการปิดเกม เพราะตลอด 45 นาทีหลัง ทำได้แต่เล่นเกมรับ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สิงห์จเด็จโดนน็อค”

เทโร ปิดท้ายซีซั่น น็อค การท่าเรือ 2-1   

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดปิดฤดูกาล ที่สนามบุญยะจินดา โปลิศ เทโร เอฟซี ที่จะได้ลงเล่นในบ้านนัดสุดท้าย วันนี้จัดชุดเต็มในระบบ 3-4-3 พบกับ การท่าเรือ เอฟซี ของโค้ชจเด็จ ที่โชว์ผลงานอย่างสวยหรูในนัดก่อน ส่วนวันนี้จัดตัวจริงผสมสำรองบางรายในระบบ 4-1-4-1

      การแข่งขันในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ถือเป็นเกมที่สนุกสุดมันส์ โดยทางฝั่งการท่าเรือ พยายามยืนแพ็คในแดน 1 และ 2 เพื่อไม่ให้คู่แข่งเคาะบอลเข้ามาโดยง่าย แต่ทางฝั่งเจ้าบ้านใช้การวางบอลยาวข้ามไปแดน 3 สุดท้ายนักเตะการท่าเรือต้องวิ่งหน้าตื่นลงไปตั้งรับ ส่วนเกมรุก สิงห์เจ้าท่าพยายามเคาะบอลให้เกิดช่องทางริมเส้น แล้วเปิดไปหน้าประตู ซึ่งก็เข้าเป้าแต่ยังไม่ได้ประตู ขณะเดียวกันก็มีการจ่ายแทงถึงหน้าประตูแบบนานๆครั้ง

      โปลิศ เทโร วางเกมรับแน่หนาและยังไม่มีข้อผิดพลาด ส่วนเกมรุกต้องใช้การวางบอลยาวเป็นหลัก กระทั่งมาได้ประตูนำ 1-0 จากการโต้กลับ โดย เปาลิสต้า ลากบอลตัดเข้าในและยิง แต่ชนเสา แล้วจังหวะนั้น ธีรเทพ ตามมาเก็บบอลและลากไปทางมุมแคบ ก่อนจะซัดแสกหน้าเข้าไป จากนั้นรูปเกมก็เบาลงเพราะ เทโร รับแน่นและรอสวนกลับ ส่วน การท่าเรือ ถ้าไม่เบาเกมอาจโดนเพิ่ม เพราะที่ผ่านมาใช้กำลังวิ่งกวดไปเยอะ

ครึ่งหลังรูปเกมยังดูทรงๆ จน การท่าเรือ เริ่มเปลี่ยนตัวและแก้เกม จนนาทีที่ 76 ก็มาได้ลูกตีเสมอ 1-1 จากการลากบอลรอของ นูรูณ จนเมื่อ ซัวเรช เข้าช่องก็จัดการเปิดบอลแล้วใช้อกพักเข้าไป จากนั้นกลายเป็นสิงห์เจ้าท่าโหมบุกเพื่อหวังเอา 3 แต้ม แต่ดันมีจังหวะที่ไปเลี้ยงวนจนโดนฉกและสวนกลับ ก่อนที่ เปาลิสต้า จะลงโทษด้วยการยิงนำ 2-1

บทสรุปจากเกม โปลิศ เทโร เอฟซี วางเกมรับมาได้ดี อีกทั้งยังดักบอลและโต้กลับได้มีประสิทธิภาพ กระทั่งยิงได้ 2 ประตู ส่วนประตูที่เสียต้องยอมรับว่าการชิงไหวชิงพริบช้ากว่าคู่แข่ง ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี การยืนเพรสในแดน 1 และ 2 สุดท้ายทำให้นักเตะเหนื่อยกว่าเดิม กับการต้องวิ่งหน้าตื่นลงไปตั้งรับ อีกทั้งการเสียบอลกลางทางก็ทำให้นักเตะเสียพลังงานเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ช่วงท้ายครึ่งต้องผ่อน มิเช่นนั้นจะโดนเพิ่ม กระทั่งครึ่งหลัง รูปเกมเริ่มดีขึ้นและได้ประตูตีเสมอ แต่สุดท้ายดันมีความผิดพลาดส่วนบุคคล จนต้องแพ้แบบโดนน็อค

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ไม่มีแฮร์มิลตัน หนองบัวก็แค่ไก่บ้าน”

หนองบัว ขาดแฮร์มิลตัน ก่อนบุกพ่าย ท่าเรือ ขาดลอย 3-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 29 คู่สุดท้ายของวันอาทิตย์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่เหลือเพียงทำผลงานให้ดีที่สุดในยุคของจเด็จ มีลาภ จะต้องพบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ในตอนนี้มีลุ้นทำอันดับให้สูงที่สุดสำหรับประวัติศสตร์ของสโมสร ส่วนในเรื่องผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-4-2 ขณะที่ทีมเยือนเป็น 5-4-1      

ก่อนเกมจะเริ่มและในระหว่างแข่งช่วงต้นเกม ฝนตกสนามลื่นทำให้การต่อบอลยากลำบาก นั่นจึงทำให้ทั้ง 2 ทีมยังตั้งเกมไม่ติด กระนั้นเพียง 17 นาที หนองบัว พิชญ ต้องมาเลือก 10 เพราะ แรมซี่ย์ น็อตหลุดไปตบหู ธนบูรณ์ ทำให้สถานการณ์ก่อนเกมที่ไม่มี แฮร์มิลตัน ก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่และเป็นรองกว่าเดิม ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ มีความได้เปรียบแต่ขึงบุกไม่ได้ อย่างไรเสียก็ยังมีจังหวะจบที่น่าได้สุดๆ แต่เหลี่ยมบอลไม่เป็นใจ  

ครึ่งหลัง การท่าเรือ ออกมาเล่นเกมบุก แล้วเพียงนาทีที่ 47 ก็ได้ประตูนำ 1-0 จากการเปิดเลียดของ ปกรณ์ แล้ว ยุทธพงษ์ สกัดพลาด ก่อนที่ กิตติคุณ จะพลาดต่อด้วยการรับหลุดมือ จากนั้นนาทีที่ 64 การท่าเรือมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 จากการเปิดเลียดคล้ายๆกัน แต่คราวนี้ ซัวเรส ได้ยิงจ่อๆ ขณะที่ลูกปิดกล่อง 3-0 เป็นการโต้กลับ ซึ่งต้องชม ธีรศักดิ์ ที่ลากขึ้นมาและจ่ายให้ นูรูณ ยิง ส่วนทางฝั่ง หนองบัว เกมรับค่อนข้างรั่ว ยืนตำแหน่งหลุดและเปิดพื้นที่ให้เจ้าบ้านได้เปิดง่ายๆ ไม่ต่างจากเกมรุกที่พอไม่มีแฮร์มิลตัน ก็บุกไม่ขึ้นและไม่มีจังหวะจบแบบหวาดเสียวให้เห็น

      บทสรุปจากเกม การท่าเรือ เอฟซี ในครึ่งแรกเหมือนเสียเวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ เพราะไม่สามารถทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน แม้คู่แข่งจะเหลือ 10 คน ตั้งแต่นาทีที่ 17 กระนั้นยังดีที่ครึ่งหลังได้ประตูเร็ว ทำให้ความมั่นใจเริ่มมาและยิงทิ้งห่างได้ ขณะที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี พอออกไปเล่นทีมเยือนก็มักมีลักษณะแบบนี้ คือ เกมรับรั่วไหล แล้ววันนี้ดันมีความผิดพลาดส่วนบุคคลเข้ามาประกอบ

สุดท้ายจึงเสียประตูง่ายและเยอะ ไม่ต่างจากเกมรุกที่พอขาด แฮร์มิลตัน ไป พิษสงก็หมดไปด้วย ดังจะเห็นได้จากวันนี้ไม่ปรากฏให้เห็นถึงการโยนหรือลากเลี้ยงบอลขึ้นไปจาก ทาร์เดลี่ ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงหากดาวยิงชาวบราซิลไม่อยู่ต่อ เพราะขนาดไม่อยู่บางแมตช์ ยังสร้างความแตกต่างได้ขนาดนี้ ฉะนั้นหากไม่มีถาวร พญาไก่ชนอาจเป็นทีมหนีตายก็เป็นได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (แข้งเทพ)

“บอดโทษทำเจ๊า” บียู พลาดโทษท้ายเกม จึงได้แค่เจ๊า การท่าเรือ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 2 ของฤดูกาล ในคู่ของวันอาทิตย์ อีกหนึ่งในเกมบิ๊กแมตช์อยู่ที่สนามธรรมศาสตร์รังสิต ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดรังพบกับ การท่าเรือ เอฟซี สำหรับผังการเล่น เจ้าบ้านมาในระบบเดิม คือ  4-3-3 ขณะที่ทีมเยือนปรับมาเป็น 4-4-2

          ทั้ง 2 ทีม ต่างเล่นด้วยความรัดกุม โดยทางฝั่ง บียู มีสปีดการต่อบอลที่ช้า แล้ววันนี้มาเจอกับแนวรับที่ยืนได้แน่นและไม่เปิดช่องว่างเลย ทำให้เกมบุกดูตันๆไป ส่วนการท่าเรือ ได้ทำเกมบุกในลักษณะโต้กลับ แต่ก็ไม่สามารถสร้างจังหวะเข้าทำได้ในทันที เพราะแนวรับของเจ้าบ้านยืนประกบชิดจนพลิกบอลยาก ทำให้แนวรุกของสิงห์เจ้าท่า ต้องจ่ายย้อนแล้วต่อบอลกับถ่ายเปลี่ยนแกนเร็วเข้าสู้

          ประตูขึ้นนำ 0-1 ของการท่าเรือ มาจากความผิดพลาดของ ทอมเบียรห์ ที่เสียเหลี่ยมแบบหมดรูป แล้วซัวเรส จ่ายไซร์กก้อยให้ โบนีญ่า จบสกอร์ ซึ่งนี้เป็นโอกาสเหน่งๆครั้งแรกของทีมเยือนแล้วได้ประตูเลย จากนั้น บียู ก็เอาคืน ด้วยการเลี้ยงหลบจนคู่แข่งจนหลังหัก แล้วยิงเสียบเสาไกลเป็น 1-1 โดยการตัดสินใจที่จะเลี้ยงฝ่าในจังหวะนั้นอาจเป็นสิ่งที่ควรลองบ้าง เพราะการต่อบอลตลอด 45 นาทีแรก มันไม่สามารถนำไปสู่การจบสกอร์ได้

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

          ครึ่งหลัง การท่าเรือ ยังเล่นเกมรับได้ดีเหมือนเดิม ส่วนเกมรุกจะพยายามทำเร็วด้วยการวางบอลไปยังพื้นที่ริมเส้น จากนั้นจะเล่นไม่กี่จังหวะแล้วจบสกอร์ กระนั้นมันก็ยังไม่ค่อยใกล้เคียงกับการได้ประตู ขณะที่บียู ปรับแผนการเคลื่อนที่ การวิ่งนำทาง จ่าบอลไปข้างหน้า ไม่ออกข้างหรือคืนหลังถ้าไม่จำเป็น ซึ่งในลักษณะที่ว่ามานี้มันช่วยให้เกมบุกของแข้งเทพไหลลื่นขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากนัก เพราะแนวรับของทีมเยือนไม่เปิดแผลให้ อย่างไรเสียในช่วงท้ายเกม ความผิดพลาดแบบเจตนาก็ช่วยหนุนนำให้ บียู มีโอกาสขึ้นนำจากจุดโทษ แต่ เฮแบร์ตี้ ดันยิงไม่มุมพอ ทำให้จบเกมด้วยการเสมอกันไป 1-1   

          ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม วันนี้เป็นเกมระดับคุณภาพ เพราะความผิดพลาดเล็กนิดเดียว มีผลถึงการเสียประตู หรือการฉวยโอกาสเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถช่วยให้ทีมได้ประตูเช่นกัน แต่หากเจาะลึกเฉพาะทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เล่นเกมรับได้รัดกุมดี แต่ความผิดพลาดครั้งเดียว ส่งผลร้ายถึงขั้นเสียประตู ขณะที่เกมรุก มีสปีดบอลที่ช้าเกิน ทำให้การเจาะแนวรับคู่แข่งดูตันๆในครึ่งแรก แต่พอครึ่งหลังมีการปรับสปีดและแท็กติกการเคลื่อนที่ มันก็ช่วยให้เกมไหลลื่นขึ้น ขณะที่การท่าเรือ เอฟซี เกมรับทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ผิดกับนัดแรกที่พลาดบรรลัย ซึ่งการยืนป้องกันอย่างดีแบบนี้ ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญให้ทีมมีแต้ม ส่วนเกมรุก การสร้างโอกาสมีน้อยไปสักหน่อย แต่กระนั้นเมื่อมีโอกาสทอง ก็สามารถลงโทษได้ดี

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com

Categories
ข่าวกีฬา

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าแชมป์ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2020/21  ตกเป็นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งจะว่าไปก็นับเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สเล็กๆ แม้กระต่ายน้ำเงินครามจะเป็นทีมที่ใหญ่ แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าจะไปถึงแชมป์ ฉะนั้นวันนี้เราจะไปย้อนดูเส้นทางตลอดซีซั่นนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลับขึ้นมาสู่ไทยลีก 1 อีกครั้ง หลังจากตกชั้นลงไปเล่นลีกรอง 1 ปี โดยตำแหน่งเฮดโค้ชยังเป็น ดุสิต เฉลิมแสน ขณะที่การเสริมตัวผู้เล่นใหม่ก็ไม่จัดว่าว้าวแต่อย่างใด ส่วนการออกสตาร์ท 4 นัดแรกของฤดูกาล เก็บได้ 10 คะแนน จากการ ชนะ 4 เสมอ 1 ซึ่งถือว่าทำผลงานได้เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่แล้วด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มทวีความรุนแรง ทำให้สมาคมฟุตบอลสั่งเบรกการแข่งขัน

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ในช่วงที่พักเบรกการแข่งขันนานกว่าครึ่งปี  หลายทีมมีการปรับเปลี่ยนโควตาต่างชาติ รวมถึงการปล่อยผู้เล่นที่ค่าเหนื่อยสูงเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ ซึ่งตรงจุดนี้ บีจี ปทุม  ยูไนเต็ด สวมวิญญาณกระต่ายมือไวด้วยการฉกตัวผู้เล่นชื่อดังมาร่วมทีม ได้แก่ สารัช อยู่เย็น กับ อังเดร ตูเญช ซึ่งเมื่อนำมารวมกับที่มีอยู่ก่อนแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

การแข่งขันนัดที่ 5-15 กลับมาแข่งในเดือนกันยายน  โดยนัดประเดิมการรีสตาร์ทต้องออกไปเยือนทีมเต็งลุ้นแชมป์อย่าง การท่าเรือ เอฟซี แล้วในนัดนั้นบุกไปชนะได้ 1-0  จากนั้นต้องพบกับทีมใหญ่แบบรัวๆ คือ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ทำให้ตอนนั้นก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง พร้อมกับมี การท่าเรือ เอฟซี ตามจี้หลัง

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เล็งเห็นแล้วว่าทีมมีปัญหาในเรื่องเกมรุก ทำให้เลกที่ 2  มีการเสริมกองหน้า 2 ราย ซึ่งชื่อชั้นนับได้ว่าเป็นระดับพระกาฬทั้งสิ้น ได้แก่ ติอาโก้ หลุยส์ซานโต กับ ธีรศิลป์ แดงดา โดยการเสริมแนวรุกครั้งนี้สภาพทีมจึงแข็งแกร่งทั่วแผ่น ทำให้การแข่งขันที่เหลืออีกกว่าครึ่งทาง กระต่ายน้ำเงินครามมีผลงานร้อนแรงไม่เลิกรา ในขณะที่คู่แข่งอย่าง การท่าเรือ เอฟซี สะดุดแบบรัวๆ กระทั่งช่องว่าง 4 แต้ม ขยายเป็น 20 ในไม่กี่สัปดาห์

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

เกมการแข่งขันเดินทางมาถึงนัดที่ 24 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็สามารถการันตีตำแหน่งแชมป์ได้สำเร็จ เพราะคู่แข่งอย่าง การท่าเรือ เอฟซี สะดุดจนกู่ไม่กลับ อีกทั้ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และราชบุรี เอฟซี ก็ดันทำแต้มหล่นตลอดรายทาง ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นรถด่วนที่กระโดดจากท้ายขึ้นมาจบที่ 2 อย่างไรเสียแม้ว่าจะการันตีตำแหน่งแชมป์ แต่กระต่ายน้ำเงินครามก็ยังมองถึงการทำสถิติเป็นแชมป์ไร้พ่ายทีมที่ 3

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้ฉลองการรับถ้วยอย่างยิ่งใหญ่ในนัดที่ 29 (พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) ส่วนในนัดสุดท้ายต้องบุกไปเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถิ่นอาถรรพ์ที่ไม่เคยชนะ แต่เป็นคำตอบสุดท้ายว่าจะการทำสถิติไร้พ่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตามด้วยอาถรรพ์ที่รุนแรง กระต่ายน้ำเงินครามมิอาจต้านทานไหว สุดท้ายพ่ายไป 1-0 อดทำสถิติเป็นแชมป์แบบไร้พ่าย

ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ย้อนเส้นทางสู่แชมป์ไทยลีกชอง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่ livethaileague.com