Categories
ข่าวกีฬา

“ร้องเกะปั้บชนะเลย”

ท่าเรือ รวมพลังตบ สุพรรณบุรี 2-0 แต่อันดับยังอยู่กลางตาราง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดตกค้างในวันกลางสัปดาห์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่สถานการณ์กดดันจนต้องเรียกนักเตะมาคุยและทำกิจกรรมผ่อนคลาย จะพบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่ผลงานดีในช่วงหลัง แต่การบุกมาเยือนสนามนี้มักผูกปีแพ้ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-4-2 ส่วนทีมเยือนใช้ 4-3-3 เหมือนเดิม

การท่าเรือ ที่ไม่มี ซัวเรช เกมรุกต่อบอลไม่ไหลลื่นและไม่มีปะติดปะต่อ แล้วภาพที่ปรากฏคือ ถ้าขึ้นริมเส้นฝั่งไหน ก็จะโยนเข้ามาจากทางนั้น โดยไม่มีการโยกเปลี่ยนแกน หรือพาไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมสำหรับการโจมตี อีกทั้งถ้าไม่มีช่องไป ก็ได้แค่ถ่ายไปมาและยิงไกลแบบไม่มีลุ้น

การท่าเรือ นำ 1-0 จากจังหวะที่แฉลบและเป็นใจให้ บดินทร์ ได้ยิงง่ายๆ ส่วนทางฝั่งสุพรรณบุรี เกมรุกได้โต้กลับเนืองๆ แต่แนวรับเจ้าบ้านยืนต่ำจนช่องน้อย รวมถึง วิลเลี่ยม ที่ยังดูไม่ค่อยเข้าขากับ ดานีโล่ และ คาราบูเอ้ เพราะเมื่อไรที่ได้บอล ก็จะเลี้ยงบอลแบบฉายเดี่ยวจนเสียจังหวะ

ครึ่งหลัง สุพรรณบุรี พยามยามจะเล่นเกมบุกมากขึ้น แต่ก็จ่ายกันไม่แม่นและเสียบอลง่าย ทำให้เจ้าบ้านได้บอลไปครอง แล้วรับของช้างศึกยุทธหัตถีก็ดูจะหลวมๆ เพราะตัวรับไม่คอยถอยมาช่วย ส่วนทางฝั่งการท่าเรือ ตัดบอลได้บ่อยแต่ดูไม่เร่งรีบ ซึ่งมันส่งผลให้รูปเกมออกไปในทางน่าเบื่อเหมือนกัน กระทั่งท้ายเกม สิงห์เจ้าท่ามาได้ประตู 2-0 ปิดกล่อง จากการยิงแล้วบอลไปชนคานและเด้งมาโดนโกว์เข้าประตูไป

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม การท่าเรือ เอฟซี เหมือนจะง่ายกับการเก็บชัยชนะในนัดนี้ แต่หากเจาะลึกลงไป เกมรุกพอขาด ซัวเรช การต่อบอลไม่ไหลลื่นและไม่มีการสวิตช์บอล กล่าวคือ ถ้าขึ้นข้างไหนบอลก็จะอยู่ข้างนั้นตลอด แล้วการเปิดเข้ามาก็ไม่มีลุ้น ทำให้ก่อนได้ประตูจะได้ลุ้นจากการยิงไกลอย่างเดียว กระทั่งจังหวะเป็นใจให้ได้ประตู

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เล่นแบบสบายใจมากขึ้น จนมาได้ประตูอีกลูกจากจังหวะที่เข้าข้างอีกเหมือนกัน ขณะที่ สุพรรณบุรี เอฟซี เกมรับยืนป้องกันในแดนสุดท้ายได้ดี แต่พอมาโดนยิงประตู เกมรับก็เริ่มจะหลวมมากขึ้น เพราะตัวผู้เล่นต่างดันสูง ส่วนเกมรุก พอเจอการยืนต่ำ ดานีโล่ ก็แผงฤทธิ์ได้ยากขึ้น อีกทั้งสิ่งที่ต้องปรับ คือ จังหวะของ วิลเลี่ยม ที่ต้องรู้ว่าตอนไหนควรส่ง เพราะในวันนี้จะเห็นว่าเจ้าตัวเลี้ยงไปเรื่อยจนทีมเสียโอกาส

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“เก้าอี้ร้อนจนด้าน”

ท่าเรือ ยังไม่ฟื้น บุกพ่าย เมืองทอง 2-1 ร่วงรูดลงกลางตาราง

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 20 ในโปรแกรมของคืนวันเสาร์ ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ตอกชอกช้ำจากการโดนอุทัยธานีเขี่ยตกรอบบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ จะต้องเปิดบ้านพบกับ การท่าเรือ เอฟซี ที่นับตั้งแต่เปิดเลก 2 ยังไม่ชนะ อีกทั้งยังตกรอบบอลถ้วยหมดทุกรายการเหมือนกัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-1-4-1 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-4-1-1

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เมืองทอง ใช้เวลาราว 5 นาที ก็สามารถตั้งเกมด้วยการขึ้นบอลจากหลังและใช้การทำชิ่ง กับ โยกเปลี่ยนแกนเร็วเป็นการทำเกมรุก กระนั้นประตูนำ 1-0 มาจากจังหวะเตะมุม ที่ พ็อพพ์ ได้โหม่งบริเวณเสาไกลเข้าไป โดยในจังหวะนี้ โรลเลอร์ ไม่แข็งแรงพอที่จะเบียด แต่สำหรับ กวินทร์ ถือว่าผิดพลาดที่วางเท้าและพุ่งไม่สุดตัว ทั้งๆที่วิถีบอลไม่มุมและยังอยู่ในระยะที่จะป้องกันได้ ขณะที่ การท่าเรือ การต่อบอลและทำเกมรุกมีความไหลลื่น เพราะมี ซัวเรช คอยเชื่อมบอลทั้ง 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา แต่การจบสกอร์ไม่ดี

ครึ่งหลัง การท่าเรือ พยายามเร่งจังหวะเกมรุก ซึ่งการเร่งมากๆมันก็มีบางทีเกือบได้ผล แต่หลายจังหวะมันเร่งแล้วเสียของ จนทำให้ เมืองทอง ได้โต้กลับและได้ประตู 2-0 จากลูกเตะมุม ที่มีการโหม่งชงมาให้ ธีระพล ซัด แล้วแนวรับสิงห์เจ้าท่าไปยืนกองกันบริเวณเสาแรกและกลับมายืนขวางทางไม่ทัน จากนั้น โค้ชอู๊ด พยายามแก้เกมด้วยการเปลี่ยน โก ซุล-กิ ลงมา แล้วในทันทีก็ได้ประตูตีตื้น 2-1 ซึ่งเป็นการเปิดที่เข้าหัวพอดี กระนั้นแทนที่พวกเขาจะโหมบุกต่อ มันกลายเป็นว่าลูกทีมของโค้ชอู๊ดขึงไม่ได้และได้แต่ลุ้นประตูจากการยิงนอกกรอบ   

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมรับทำหน้าที่ได้ดี แม้จะภาพที่เกือบหลุด แต่มันก็ไม่ถึงกับผิดพลาดอะไร โดยประตูที่เสียไปก็ต้องยอม เพราะคู่แข่งเปิดแม่น ส่วนเกมรุก วันนี้เชื่อมเกมกันติดเร็วและไม่ต้องใช้เวลานาน ทำให้ประตูแรกมาเร็ว ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี เกมรับผิดพลาดไม่บ่อย แต่ผิดพลาดทีไรโดนลงโทษด้วยการเสียประตูทันที ทำให้ภาระตกไปอยู่ที่เกมรุก ซึ่งมีช่วงเวลาที่ต่อบอลได้ไหลลื่นเป็นบางช่วง ทำให้ไม่สามารถขึงและโหมใส่เจ้าถิ่นได้ สุดท้ายในเมื่อไม่มีประตูมาชดเชย ก็ต้องพ่ายแพ้ไปอีกเกม

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ภาพเดิม มุมเดิม”

เมโล่ พลาดโทษมุมเดิม ทำขอนแก่น เจ๊า การท่าเรือ 0-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 ของฤดูกาล ในโปรแกรมวันเสาร์ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่เปิดหัวเลก 2 ด้วยชัยชนะ จนเริ่มเห็นถึงโอกาสอยู่รอดชัดขึ้นเรื่อยๆ จะต้องเปิดบ้านรับ การท่าเรือ เอฟซี ที่บอบช้ำจากเกมลีก และบอลถ้วย กับการถูกทีมรองบ่อนเขี่ยตกรอบ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 3-5-2 เหมือนเดิมขณะที่ทีมเยือนวาง 3-4-3

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ขอนแก่น บุกใส่ทันทีและมีโอกาสจบสกอร์หลายหน แต่ยิงไม่ได้เอง ซึ่งการที่พวกสามารถบุกได้อย่างต่อเนื่องแบบนี้ มันเป็นเพราะผู้เล่นทีมเยือนจ่ายบอลเสียง่ายๆกลางทาง อีกทั้งเมื่อเสียบอล ก็ยังเห็นถึงการยืนป้องกันที่ไม่ค่อยดี จากนั้นพอเกมผ่านไปราว 10 นาที การท่าเรือ จ่ายบอลเสียน้อยลงและเริ่มจะครองบอลได้ แต่มันเป็นการครองบอลที่ไม่เกิดประโยชน์ เพราะต่อถึงแค่แดน 3 ก็ได้แต่เคาะไปมาจนเสีย จากนั้นเมื่อเสียก็ไล่เพรสซิ่ง เพื่อไม่ให้เจ้าบ้านได้โต้กลับเร็ว รวมถึงพยายามไม่ให้บอลถึง 2 กองหน้าต่างชาติ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

ครึ่งหลัง การท่าเรือ มีรูปเกมที่ดีขึ้น กับการขึงบุกใส่ ซึ่งการจ่ายบอลแนวทแยงสร้างความอันตราย แต่มันก็ได้เพียงไม่กี่ครั้ง อีกทั้งหลังจากนั้นก็ได้เพียงเซตขึ้นมาและรีบจบ เพราะกลัวจะไม่ได้ยิงเนื่องจากเล่นมากจังหวะเกินไป ส่วนทางฝั่งขอนแก่น 45 นาทีหลังดูเป็นรอง แต่เกมรับสามารถยืนต้านทานได้ดีแบบไม่มีข้อผิดพลาดที่เด่นชัด ส่วนเกมบุกมีโอกาสน้อยกว่า แต่การจบสกอร์ใกล้เคียงที่จะเป็นประตูมากกว่า เพียงแต่ว่า วรุฒเซฟช่วยทีมเยือนไว้ ทำให้ไม่มีประตูเกิดขึ้น กระทั่งท้ายเกม แนวรับสิงห์เจ้าท่าไปดึงเสื้อจนเป็นจุดโทษ แต่ เมโล่ ที่ทำหน้าที่สังหาร ดันยิงข้ามคาน ทั้งๆที่ วรุฒ พุ่งผิดทางแล้ว

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะ เพราะในช่วงต้นเกมมีโอกาสได้ยิงเหน่งๆหลายหนก็ไม่ได้ ระหว่างเกมก็โดนเซฟ และโอกาสทองท้ายเกมจากจุดโทษ ก็ดันยิงออกไปอีก ส่วนเกมรับก็ยืนป้องกันได้ดี จนคู่แข่งทำอะไรไม่ถนัด ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี การเล่นในช่วง 10 นาทีแรก เป็นฟอร์มที่ย่ำแย่สุดๆ ซึ่งยังดีที่ไม่โดนยิง จากนั้นรูปเกมเหมือนจะดีขึ้น แต่มิติเกมรุกไม่มีอะไรเลยเมื่อขาด ซัวเรช ส่วนครึ่งหลัง เกมรุกขึงบุกได้ แต่ก็ไม่มีจังหวะจบที่ชัดเจน อีกทั้งหลังบ้านก็พร้อมจะเสียประตูตลอด ซึ่งในวันนี้ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ยังดวงแข็งมากๆแล้วที่ไม่แพ้ออกมา

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“เล้าแตกส่งท้าย”

หนองบัว ปิดเลกไม่สวย โดน การท่าเรือ บุกมาทลายเล้า 0-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 15 ของฤดูกาล หรือนัดสุดท้ายของเลกแรก ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ผลงานในบ้านร้อนแรงสุดๆ จะต้องพบกับทีมที่ฟอร์มแรงไม่ต่างกันอย่าง การท่าเรือ เอฟซี นั่นจึงทำให้การพบกันของทั้งคู่ มาได้ถูกเวลาเสียจริงๆ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 5-4-1 ส่วนทางด้านทีมเยือนใช้ 4-2-3-1

      เกมการแข่งขันเริ่มต้น หนองบัว พิชญ มาเล่นแบบรัดกุมและอาศัยการดักบอลเพื่อสวนกลับ แต่พอวันนี้ไม่มีกองหน้าตัวแบกทีมอย่าง แฮร์มิลตัน พญาไก่ชนก็ไม่สามารถบุกถึงแดนสุดท้าย หรือสร้างจังหวะจบสกอร์ได้เลย กลับกันทางฝั่ง การท่าเรือ พวกเขาต้องเจอการตั้งรับแบบแน่หนาในช่วงต้นเกม แต่พอคู่แข่งโต้กลับไม่ได้ มันก็มีผลให้พวกเขาสามารถเดินเกมบุกได้ต่อเนื่อง กระทั่งมาได้ประตูนำ 0-1 จากลูกเตะมุมที่ ซัวเรช โหม่งได้ดี แต่ก็ต้องโทษแนวรับเจ้าถิ่นด้วย ที่ยืนประกบหลวมและไม่มีการเบียดรบกวน

ครึ่งหลัง หนองบัว ใช้เวลาสักพักก็สามารถขึงบุกใส่ผู้มาเยือนได้ อีกทั้งต้องยอมฝืนส่ง แฮร์มิลตัน ลงมา แล้วใช้การสาดบอลเข้ากรอบผสมกับการยิงไกล เพราะแนวรับทีมเยือนถอยไปรับลึก แต่ด้วยความที่เจ้าบ้านเปิดบอลไม่ค่อยแม่น ทำให้สร้างโอกาสจบสกอร์ได้น้อย ตรงข้ามกัน การท่าเรือ รับมากก็จริงใน 45 นาทีหลัง แต่เมื่อได้สวนกลับ โบนีญ่า สร้างความันตรายได้ดีและเกือบได้ประตูทิ้งห่าง กระทั่งท้ายเกม เอียนบัสซี่ ฟิวส์ขาดและไปถ่มน้ำลายใส่คู่แข่งจนโดนใบแดง จากนั้นรูปเกมของพญาไก่ชนก็ดับวูบไปด้วย ทำให้เวลาที่เหลือ สิงห์เจ้าท่าแค่ประคองตัวให้จบด้วยสกอร์นี้    

      ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม หนองบัว พิชญ เอฟซี พอไม่มีกองหน้าตัวแบกทีมในช่วงครึ่งแรก รูปเกมก็ได้แต่ตั้งเกมรับอย่างเดียว จนกระทั่งเสียประตู ซึ่งการเสียประตูไปก่อนกลายเป็นงานยากเพราะตัวเองไม่เชี่ยวชาญที่จะขึงบุกใส่ใคร แล้วสุดท้ายเอาคืนไม่ได้และต้องพ่ายไป ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี ได้ 3 แต้ม และสร้างสถิติชนะแบบรัวๆก็จริง แต่ในแง่ของรูปเกมยังไม่ดีนัก โดยเกมรุกไม่ค่อยปรากฏถึงไอเดียการเข้าทำใดๆ กระนั้นยังดีที่มีลูกตั้งเตะเข้ามาช่วย ขณะที่เกมรับทำหน้าที่ได้ดี แต่เสี้ยวหนึ่งก็ต้องบอกว่าคู่แข่งไม่ท็อปฟอร์มและไม่วิ่งพล่านเหมือนเกมที่ผ่านๆมาด้วย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

โค้ชทุกคน ไม่เหมาะกับ การท่าเรือ ?

กลายเป็นอดีต กับ การท่าเรือ เอฟซี ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ โค้ชโอ่ง ดุสิต เฉลิมแสน

ที่ประกาศขอลาออกก่อนเกมกับ ราชบุรี ด้วยเหตุผลต้องการรับผิดชอบผลงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งนั่นเท่ากับว่า โค้ชโอ่ง ในการคัมแบ็คถิ่น แพท สเตเดี้ยม ภาค 2 ได้คุมทีมในลีกเพียง 11 นัด เท่านั้น

การท่าเรือ เอฟซี มีผลงานที่น่าผิดหวังในไทยลีก และ ACL เมื่อฤดูกาลก่อน ทำให้ มาดามแป้ง ติดต่อสายตรงไปยัง บอสปวิณ ของ บีจีปทุม ยูไนเต็ด เพื่อขอยืมโค้ชโอ่ง มาคุมทัพเป็นเวลา 1 ปี โดยสิ่งที่มาดามแป้ง หวังจากตัวโค้ชผู้นี้ คือ ดีกรีที่พึ่งพากระต่ายแก้วคว้าแชมป์ไทยลีกมาสดๆร้อนๆ ซึ่งมันอาจช่วยให้สิงห์เจ้าท่าประสบความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกันได้

โค้ชโอ่ง เข้ามาคุมทีมท่ามกลางนักเตะระดับซุปตาร์เต็มทีม โดยไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆในการซื้อตัวที่อยากได้เข้ามา แต่ในส่วนของการจัดทีมและโควตาต่างชาติ อดีตแบ็คซ้ายดาราเอเชีย เลือกที่จะใส่ชื่อ โรเชล่า ลงเล่นบอลลีก พร้อมกับปัดตก บาจโจ้ ด้วยเหตุผลที่ไม่เข้ากับระบบและตำแหน่ง ส่วนการออกสตาร์ทบอลลีก ก็เริ่มเห็นถึงปัญหาในเกมรับที่หละหลวม โดยแม้ว่าจะได้ โรเชล่า กลับมายืนคุมหลัง แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลยไป ผสมกับการดองเค็มนานข้ามปี ก็มีผลให้ปราการหลังชาวสเปนมีความเชื่องช้าลงตามสังขาร ขณะที่เกมรุก ค่อนข้างมีปัญหาในเรื่องทีมเวิร์ค ทำให้ภาพที่ปรากฏให้เห็นตลอด คือ การพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ

หากจะให้ไล่ถึงทามไทม์ไลน์ เกมที่ 3 กับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ความกดดันเริ่มเกิดขึ้น ก่อนจะคลายด้วยชัยชนะ จากนั้นแม้ว่าจะแพ้ สุพรรณบุรี แต่การเก็บชัย 2 นัดติด ก็เริ่มส่งผลให้สถานการณ์ผ่อนคลาย แต่การหลุดแพ้ บุรีรัมย์ เสมอสมุทรปราการ แพ้ชลบุรี และแพ้โคราช มันก็ยิ่งทำให้เก้าอี้ของ โค้ชโอ่ง เดินต่อลำบาก สุดท้ายจึงต้องแยกทางกันตามวิถีแห่งฟุตบอล

การลาออกของโค้ชโอ่ง อาจเป็นการตอกย้ำได้ว่าปัญหาของ การท่าเรือ อยู่ที่การบริหารและนักเตะในทีม ที่ไม่ตรงตามกับแท็กติกของโค้ช แต่กระนั้นต้องไม่ลืมว่า โค้ชโอ่ง ตอนคุม บีจีปทุม แล้วได้แชมป์ ทรงบอลก็ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน นอกเสียจากการเติมขึ้นมาโหม่งของ 3 กองหลัง ฉะนั้นนับจากนี้อาจเป็นงานหยาบของ สิงห์เจ้าท่า และมาดามแป้งจริงๆ กับการตามหาคนที่ใช่สำหรับทีม ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอคนคนนั้น หรือท้ายที่สุดท้ายแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันเจอ เพราะด้วยปัจจัยด้านการบริหารทีมที่เดินคู่ขนานกับแนวทางของวิชาชีพโค้ช

ติดตามข่าวสารกีฬาในทุ่กสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ส่อแววจะเป็นงูเหลือมกับเชือกกล้วย”

บุรีรัมย์ ฟูลทีมบุกมาตบ การท่าเรือ ถึงถิ่นอีกหน 0-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 7 คู่ส่งท้ายของสัปดาห์ การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานยังลุ่มๆดอนๆ วันนี้จะต้องพบศึกหนักที่ชี้ชะตาถึงอนาคตการลุ้นแชมป์ลีก กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มาแบบฟิตเต็มถังและพร้อมจะบดเจ้าถิ่นให้ได้อีกหน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาระบบ 4-3-3 ส่วนทางฝั่งทีมเยือนใช้ 3-4-3

       เกมการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น บุรีรัมย์ ดูดีกว่าเล็กน้อย เพราะสามารถต่อบอลมาถึงแดน 3 แล้วใช้การโจมตีทางริมเส้นฝั่งขวาเล่นงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายตัดหลัง หรือโยนเข้ามา จากนั้นเมื่อเกมผ่าน 20 นาที การท่าเรือ สามารถตั้งหลักของตัวเองได้ แต่การที่ทีมเยือนรุมบีบและเข้าถึงบอลเร็ว ทำให้แนวรุกของสิงห์เจ้าท่าต้องเร่งขึ้นบอลและจบสกอร์ให้เร็ว กระนั้นมันก็มีโอกาสที่จะได้ประตู โดยเฉพาะจังหวะของ บดินทร์  ที่หากสัมผัสแรกดีกว่า ก็คงได้ยิงเหน่งๆไปแล้ว 

ครึ่งหลังเริ่มไปได้ไม่กี่นาที การท่าเรือ เปิดแผลในเกมรับด้วยการไม่สื่อสารกัน ทำให้แนวรับไม่สกัด แล้วเลือกให้บอลมาพักตรงอกเพื่อเล่นต่อ แต่ในขณะเดียวกันแนวรุกของบุรีรัมย์ วิ่งสวนขึ้นมาจนฉกบอลไป ก่อนที่ ศุภชัย จะแต่งบอลหาช่องและยิงเสยหน้า วรวุฒิ เข้าไป จากนั้นไม่กี่นาที บุรีรัมย์มาได้ประตูหนีห่าง 0-2 จากการเลี้ยงฝ่าของ ศุถโชค ตั้งแต่กลางสนาม ก่อนจะเลือกยิง ซึ่งทิศทางไม่ค่อยดี แต่ วรวุฒิ ดันซองแตกจนบอลไหลเข้าประตูไป

        หลังจากโดนนำ 0-2 รูปเกมของการท่าเรือ ก็ไม่ดีขึ้น เพราะการบุกไปถึงแค่แดน 3 แล้วจากนั้นต้องเลือกยิงไกล กระนั้นการโดนใบแดงแบบวู่วามของ ซัวเรช ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ทุกอย่างแทบจะจบ เพราะตัวสร้างสรรค์เกมรุกไม่อยู่แล้ว อีกทั้งหลายครั้งยังโดนโต้กลับจนเกือบโดนดอกที่ 3 แต่ก็รอดตัวไป

       ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม การท่าเรือ เอฟซี รูปเกมเป็นรองในช่วง 10-15 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นจนจบครึ่งแรก สามารถต่อกรได้ดีและเกือบได้ประตูนำไปก่อน อย่างไรเสียพอเข้าครึ่งหลัง ดันก่อความผิดพลาดติดๆกัน จนเกมขาดลอย แถมยังมาเสียตัวผู้เล่นคนสำคัญแบบไม่สมควรอีก สุดท้ายกู่ไม่กลับจนต้องสมควรพ่ายแพ้ไป ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครึ่งแรกไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่ง ขณะที่ครึ่งหลังก็เล่นด้วยฟอร์มเดิม แต่เพิ่มเติม คือ ฉกฉวยโอกาสจากความผิพลาดของคู่แข่งเป็นประตูได้ กระทั่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นตัวชี้วัดผู้ชนะของเกม 

ติดตามข่าวสารกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“1 แต้ม ที่ไม่มีใครอยากได้”

สมุทรปราการ สุดเซ็ง โดน ท่าเรือ ตีเจ๊าท้ายเกม 2-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 8 คู่เปิดหัวในวันเสาร์ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่ทั้งฟอร์มดรอปอับโชคกับการชวด 3 แต้ม จะเปิดรังทำศึกบิ๊กแมตช์กับ การท่าเรือ เอฟซี ที่มาในสภาพขาดตัวหลักแต่ต้องการผลการแข่งขันที่ดี เพื่อต่อลมหายใจการลุ้นแชมป์ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-4-2 เหมือนเดิม ส่วนทางฟากทีมเยือนปรับมาใช้ 4-2-3-1 อีกครั้ง

         การท่าเรือ มาแบบรัดกุม เพราะเลือกจะบ็อคพื้นที่กรอบเขตโทษให้แน่นหนา ซึ่งมันทำให้ สมุทรปราการ ได้ยิงจากนอกกรอบเพียงอย่างเดียว แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ กำแพงก็พังทลาย เพราะการประกบไม่แนบชิดของ เลเลียต ทำให้ อริส ขึ้นโหม่งแล้วขึ้นนำเป็น 1-0

         การวางหมากรัดกุม แต่เสียประตูตั้งแต่เกมยังไม่ผ่าน 20 นาที ทำให้ การท่าเรือ ต้องพยายามเปิดเกมบุก จากที่แต่เดิมวางหมากไว้ว่าจะสวนกลับ ซึ่งการทำเกมรุกอย่างเต็มตัวไม่ได้สร้างความอันตรายใดๆแก่เจ้าบ้าน เพราะเจาะไปถึงแค่แดน 3 ก็ต้องยิงไกล

ครึ่งหลัง สมุทรปราการ เน้นรับมากขึ้น แต่ข้อเสียที่เริ่มเห็น คือ การเสียลูกตั้งเตะทั้งฟรีคลิกและเตะมุมบ่อยครั้งขึ้น กระทั่งท้ายที่สุดมันเป็นลู่ทางให้ การท่าเรือ ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่เป็นใจและลงล็อค จากนั้นเมื่อเกมผ่านไป 1 ชม. ทั้ง 2 ทีม เลือกจะแลกหมัดกัน ทำให้การขึ้นเกมบุกจะเป็นในลักษณะชิงจังหวะกลางสนาม แล้วขึ้นบอลเร็วและจบสกอร์เร็ว หรือมาจากการโต้กลับ แต่มันก็ไม่ได้นำพาให้ฝั่งไหนได้ประตูขึ้นนำ

         ประตู 1-2 ของ การท่าเรือ มาจากการเข้าไม่ถึงบอลสักคน รวมถึงผู้รักษาประตู แล้วดันมีตัวรองอยู่ไกลเสารอดเก็บตก กระนั้นให้หลังเพียง 5 นาที สมุทรปราการ ก็มาได้ลูกตีเสมอ 2-2 จากการเปิดและโหม่งที่ลงตัว ทำท้ายที่สุดจบลงด้วยการแบ่งแต้ม

         ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม สมุทรปราการ ซิตี้ เริ่มต้นเกมได้ดีและใช้โอกาสไม่เปลื้อง แต่เกมรับมีข้อผิดพลาด ไล่ตั้งแต่การเสียฟาวล์ที่บ่อยเกินความจำเป็น แล้วตัวเองดันมีปัญหาในการรับมือลูกกลางอากาศ ทำให้สถานการณ์พลิกผันจนกลายเป็นว่าตัวเองต้องไล่ตามตีเสมอ ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี เกมรับยังคงหละหลวมและเล่นไม่ละเอียดเหมือนเคย ยังดีที่เกมรุกช่วยกันยิงถึง 2 ลูก ทำให้อย่างน้อยๆยังมีแต้มกลับบ้าน แต่มันก็ไม่เป็นที่น่าพอใจแน่ ๆ กับเป้าหมายที่ทีมวางไว้    

ติดตามข่าวสารกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“นำก่อน แต่เซฟเยอะ” การท่าเรือ ยิง 2 เม็ด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 3 ในส่วนของคู่วันเสาร์ การท่าเรือ เอฟซี ที่ต้องการปลดล็อคชัยชนะ

เปิดบ้านรับทีมน้องใหม่อย่าง ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่มาเยือนวันนี้ด้วยความหวังที่จะเอาแต้มกลับไป สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-3-3 ส่วนทางด้านทีมเยือนรับเต็มสูบในระบบ 3-4-1-2

        เกมเริ่มขึ้นมาเป็น การท่าเรือ ที่พยายามเปิดบุกใส่ตามคาด โดยเมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มเห็นถึงรูรั่วที่ ขอนแก่น มี ได้แก่ การยืนตำแหน่งที่ไม่ช่วยให้หน้าบ้านของตัวเองดูแน่น การยืนตำแหน่งที่ไม่มีลักษณะของการช่วยซ้อน ทำให้หลายครั้งถูกแนวรุกของเจ้าบ้านโยกหนี แล้วต้องทำฟาวล์ ซึ่งการฟาวล์เสียฟรีคลิกก็ได้เป็นที่มาของประตูนำ 1-0 ที่ยิงดีและบอลแฉลบจนเช็คเสาเข้าไป จากนั้น จงอางผยอง พยายามจะทำเกมบุกสู้ แต่มันดูเหมือนว่านักเตะยังไม่เข้าที่ ทำให้เกิดภาพของการเสียบอลกลางทาง แล้วถูกแดนกลางของสิงห์เจ้าท่า แทงบอลทันที แล้วกลายเป็นประตูนำ 2-0 ทั้งที่เกมยังไม่ผ่าน 20 นาที

        ขอนแก่น ยังคงแสดงความผิดพลาดให้เห็นอย่างต่อเนื่อง กับการเสียบอลกลางทางและโดนโต้กลับด้วยบอลแทงทะลุช่อง กระนั้นเมื่อเกมผ่านไปเรื่อยๆ การท่าเรือ ได้ผ่อนเกมลง ขณะที่ ขอนแก่น เริ่มจะเครื่องติด จนสามารถผ่านบอลมาถึงหน้า 2 ตัว แล้วได้เห็นได้สอดประสานจนแนวรับของเจ้าบ้านปั่นป่วนไปเหมือนกัน    

ครึ่งหลัง การท่าเรือ ถอยไปรับและรอโต้กลับ ส่วนทางฝั่งขอนแก่น พยายามทำเกมบุกด้วยการพาบอลมาอยู่ในพื้นที่แดน 3 แล้วเมื่อไรที่มีช่องก็จะแทงเข้ากรอบเขตโทษ เพื่อให้ เมโล่ วิ่งโฉบมาเอาบอล ซึ่งการทำแบบนี้มีสาเหตุ คือ เป็นการเข้าทำที่ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องเชตบอลนาน อีกทั้งแนวรับเจ้าบ้านค่อนข้างช้าด้วย โดยการเล่นลักษณะนี้ช่วยสร้างจังหวะให้กับ จงอางผยอง ได้เป็นอย่างดี แต่มุมที่ยิงไม่เหน่งพอ หรือการได้หลุดเดี่ยวก็ถูกปิดมุมและเซฟได้แบบสุดยอด ทำให้ 45 นาทีในครึ่งหลัง เจ้าบ้านสามารถยันสกอร์และคว้า 3 แต้ม ได้ 

        ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม การท่าเรือ เอฟซี ชนะก็จริง แต่ยังไม่น่าพึงพอใจ แม้จะยิงได้ตั้งแต่ต้นเกมจากความสุดยอดของ ปกรณ์ และฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่ง เพราะหลังจากนั้นโดนคู่แข่งทดสอบเกมรับ แล้วออกอาการหลุดรั่วตลอด ยังดีที่วันนี้ผู้รักษาประตูองค์ลง มิเช่นนั้นวันนี้อาจได้แค่เจ๊า ส่วนทางฝั่ง ขอนแก่น ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทไม่ดี แถมโดนยิงไปอีก 2 ซึ่งกว่าจะเครื่องจะติดและพร้อมจะสู้ เกมก็จะจบครึ่งแรกอยู่แล้ว กระนั้นในครึ่งหลังสามารถเร่งเครื่องได้ดี ขาดเพียงการจบสกอร์ที่ไม่สามารถเอาบอลไปกองก้นตาข่ายได้เท่านั้น   

ติดตามข่าวสารกีฬาในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover