Categories
ข่าวกีฬา

แมต์ชะตาขาด

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ปลดแมตต์ เซ่นเปิดรังพ่าย บียู 0-1 

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 24 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามปทุมธานี สเตเดี้ยม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ผลงานในตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤตจนใกล้โซนตกชั้น จะเปิดรังทำศึกปทุมดาร์บี้กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้กลับมาคว้าชัยชนะ 2 เกมติดต่อกันแล้ว สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 3-5-2  ส่วนทีมเยือนเล่น ผัง 4-2-3-1

      การแข่งขันเริ่มต้นไปเพียง 1 นาทีเศษ ทรู แบงค็อก ได้ฟรีคลิกและขึ้นนำไปก่อน 0-1 จาการเปิดบอลไปหน้าประตู แล้วแนวรับเจ้าบ้านยื่นเท้าจะเคลียร์บอล แต่ดันไปชนกันเอง ทำให้ ทอม เบียรห์ ที่ยืนอยู่ได้ยิงลูกส้มหล่นเข้าไป ซึ่งการเสียประตูอย่างรวดเร็วนี้ บีจี ปทุม ต้องเร่งเกมรุกใส่ โดยเน้นสาดบอลขึ้นข้างหน้า

หรือมีบ้างที่ต่อบอลเข้าไป โดยโอกาสจบสกอร์มีเรื่อยๆ แถมใกล้เคียงที่จะเป็นประตูตีเสมอ แต่ยิงไม่เฉียบคมเอง อย่างไรเสียเมื่อเกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าบ้านเริ่มหมดไอเดีย ตรงข้ามกับ บียู ที่สวนได้น่ากลัวและควรได้ประตูทิ้งห่าง กระนั้นเป็นเพราะเขาเองที่ไม่เฉียบคมเช่นกัน

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม โหมบุกอีกครั้งด้วยวิธีการเดิม คือการโยนบอลเข้าไปในพื้นที่กรอบเขตโทษ แต่การโยนในช่วง 45 นาทีหลัง มันไม่ใช่การพุ่งตัวเข้าไปโหม่ง หรือมีแผนที่จะทำให้การโหม่งดูอันตราย ทำให้เมื่อเกมผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งตื้อยิ่งตันและพาบอลเข้าพื้นที่แดนสุดท้ายไม่ได้ ขณะที่ บียู ตั้งรับแบบไม่มีความกดดัน อย่างไรเสียการสวนกลับดูจะไม่อันตราย เพราะผู้เล่นเกมรุกไม่เติมสูงและเน้นยืนรักษาพื้นที่มากกว่า ทำให้เมื่อครบ 9เ0 นาที แข้งเทพเป็นฝ่ายเฉือนชนะไป 0-1

บทสรุปจากเกม บี จี ปทุม ยูไนเต็ด จัดการปลด แมตต์ สมิธ เมื่อเกมจบลง ซึ่งมันสมควรแก่เวลาตั้งนานแล้ว เพราะอย่างนัดนี้ เกมรับยังคงเหมือนเดิมคือ วิ่งลงไปกองที่แดนสุดท้าย แล้วปล่อยพื้นที่แดน 2-3 ให้คู่แข่งลากขึ้นมาอย่างสะดวก

ส่วนเกมรุกคิดไม่ออก ก็สาดบอลเข้าเขตโทษอย่างเดียว ฉะนั้นหากอยู่ต่อ ทรงบอล ฟอร์มการเล่น และจิตใจ มันจะเหี่ยวเฉาลงไปเรื่อยๆ ส่วนทางฝั่ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เกมรับยังคงผิดพลาดง่ายๆตามเคย เช่นเดียวกับเกมรุกที่โอกาสเหน่งๆยังอุตส่าห์ยิงออกไป แต่วันนี้ได้ 3 แต้ม เพราะคู่แข่งพลาดตั้งแต่ต้นเกม แล้วตัวเองคว้าโอกาสจ่อๆนี่ไว้ได้ อีกทั้งคู่แข่งก็แพ้ภัยตัวเองจนยิงประตูแข้งเทพไม่ได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

รูดไม่หยุด ฉุดไม่ขึ้น

ชลบุรี เอฟซี บู่จนชิน โดน เชียงราย สอยถึงถิ่น 1-3  

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 เกมในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม ชลบุรี เอฟซี ผลงานในตอนนี้ย่ำแย่สุดๆ เพราะไม่ชนะใครมา 7 เกมติดต่อกันแล้ว จะต้องพบกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ไม่ชนะใครมาหลายเกมแล้วเหมือนกัน ฉะนั้นหากใครเก็บ 3 แต้มได้ ก็จะถือเป็นการปลดล็อคจากความกดดัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 3-4-3 ส่วนทีมเยือนมาแผนเดิมอย่าง 4-4-2

      ในช่วงต้นเกมทั้ง 2 ทีม ยังตั้งเกมกันไม่ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 14 ลีโอ เชียงราย ได้ประตูออกนำไปก่อน 0-1 จากจังหวะเตะมุม โดยเป็น วิคเตอร์ วิ่งโฉบตัดหน้า เคลิช และขึ้นโหม่ง ซึ่งในจังหวะนี้ ชนินทร์ ควรเซฟได้ ทั้งๆที่บอลไม่ห่างจากตัวเลย อย่างไรเสีย ชลบุรี ตามไม่นาน ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจุดโทษที่ แลนดิส ไปดึง มูริลโญ่ ซึ่งการตัดสินใจทำแบบนั้น อาจมองได้ว่าเหลี่ยมของ มูริลโญ่ ดีกว่าและมีโอกาสที่จะจบสกอร์ได้

      รูปเกมของทั้ง 2 ทีม ไม่ได้แตกต่างจากช่วงที่เสมอกัน 0-0 แต่ เชียงราย มาได้จุดโทษและประตูนำ 1-2 ในนาทีที่ 33 ซึ่งจังหวะนี้ต้องโทษ ฟาอิค ที่ไม่ควรเสียบ เพราะมีเพื่อนยืนประคองอยู่อีกหลายคน นั่นจึงทำให้ ชลบุรี พยายามเปิดเกมบุก แต่การเสียบอลมาแต่ละครั้ง ก็เกือบจะโดนยิงเพิ่มมากกว่า

ครึ่งหลัง ชลบุรี ปรับการทำเกมรุกด้วยการจ่ายขวางหาพื้นที่ แล้วเมื่อริมเส้นมีช่องก็จะจ่าย จากนั้นตัวริมเส้นจะแปะบอลเข้าพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งมันสร้างโอกาสได้พอสสมควร แต่มันไม่ใกล้ปากประตูและไม่สามรถทำอย่างต่อเนื่องได้ จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เชียงราย

กลายเป็นฝ่ายได้ประตูทิ้งห่าง 1-3 จากการจ่ายเฉียงไปจากด้านซ้าย แล้วกลับมาหน้าประตู โดยจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นเปิดพื้นที่ไว้มากกมาย อย่างไรเสียช่วงท้ายเกม ฉลามชล พยายามจะเร่งเกมชุดสุดท้าย แล้วมันมีโอกาสเหน่งๆจาก ยู บยอง-ซู แต่เจ้าตัวทิ้งขว้างโอกาสทองไป

      บทสรุปจากเกม ชลบุรี เอฟซี พ่ายแพ้เพราะความผิดพลาดของผู้เล่นหลายคนประกอบกัน ไล่ตั้งแต่ ผู้รักษาประตู เซฟบอลไม่ได้ กองหลัง-กองกลาง เปิดพื้นที่ให้คู่แข่ง ปีกเสียบคู่แข่งจนเสียจุดโทษ และกองหน้าที่ยิงประตูจากจังหวะเหน่งๆไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดผสมผสานกัน จนกลายเป็นความพ่ายแพ้ ส่วนทางฝั่ง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด วันนี้อาจจะไม่ได้เล่นเกมรุกอย่างที่ตัวเองถนัด

แต่ก็ยังพยายามจะเล่นเร็วเพื่อหลีกหนีตัวรับที่ยืนขวางเต็มพื้นที่ รวมถึงมีทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ นั่นจึงทำให้กว่างโซ้งมหาภัย มี 3 แต้ม ในเกมนี้ อย่างไรก็ดี เกมรับมีอาการแกว่งในช่วยท้ายเกม ซึ่งยังดีที่คู่แข่งทำไม่ได้เอง มิเช่นนั้นอาจเป็นฝันร้ายซ้ำสองของพวกเขาก็เป็นได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

แพ้แล้ว แพ้อยู่ แพ้ต่อ

ชลบุรี เอฟซี เปิดรังพ่าย ราชบุรี 1-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 24 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยม ชลบุรี เอฟซี ที่ตอนนี้กำลังเมาหมัดสุดๆเมื่อไม่ชนะใครมา 5 เกมติดต่อกันแล้ว วันนี้จะเจอกับทีมที่ผลงานย่ำแย่ไม่ต่างกันอย่าง ราชบุรี เอฟซี ฉะนั้นหากใครเก็บ 3 แต้มในเกมนี้ มันอาจเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมใดทีมหนึ่งมีโมเมนตัมที่ดีกลับมา สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ส่วนทีมเยือนวางผัง 4-3-3

      การแข่งขันในครึ่งแรกเป็น ราชบุรี ที่ดูดีกว่า โดยเกมรุกจะเน้นการโจมตีทางฝั่งขวา ซึ่งโอกาสจาก ซาฟาวี่ ที่เลี้ยงตัดเข้าในแล้วยิง มีหลายครั้งและน่าได้ แต่เจ้าตัวจบสกอร์ไม่เฉียบคมเท่าไร

กระนั้นในนาทีที่ 31 ราชบุรี มาได้ประตูนำ 0-1 จากจุดโทษที่ กฤษดา ทำแฮนด์บอล นั่นจึงทำให้ ชลบุรี ที่ดูเป็นรองมาตลอดในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก พยายามจะเปิดเกมสู้ แต่ในนาทีที่ 45+3 ราชันมังกรมาได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 จากการเคลียร์สกัดที่ไม่ขาดของแนวรับเจ้าถิ่น

ครึ่งหลัง ชลบุรี ต้องลงมาเล่นแบบเปิดเกมบุก แล้วเพียงแค่นาทีที่ 55 ก็ได้ประตูตีตื้น 1-2 จากเตะมุมที่ อัลเวส ตีลังการยิงเข้าไป นั่นจึงทำให้ฉลามชล เดินหน้าบุกต่อ แต่เมื่อ ราชบุรี ตั้งรับและไม่มีความผิดพลาดให้อีก เจ้าถิ่นก็ไม่สามารถพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ สุดท้ายสกอร์จบที่ 1-2

      บทสรุปจากเกม ชลบุรี เอฟซี ในตอนนี้เหมือนคนเมาหมัดที่โดนต่อยคาง จากนั้นพยายามจะเร่งเพื่อเอาคืน แต่คู่แข่งยกการ์ดสูงจนทำอะไร ซึ่งมันเหมือนกับเกมนี้ที่พวกเขาเป็นรองในครึ่งแรก แถมเสียประตูไปก่อนถึง 2 ลูก และถึงแม้ว่าพวกเขาจะยิงตีตื้นได้เร็ว แต่เมื่อคู่แข่งไม่เปิดช่องให้อีก ฉลามชลก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ ซึ่งนี่ถือเป็นงานหนักของโค้ชเตี้ย ว่าจะทำอย่างไรให้โมเมนตัมกลับมา

หลังจากผลงานเป็นแบบนี้มาพักใหญ่และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ส่วนทางฝั่ง ราชบุรี เอฟซี ปลดล็อคคว้า 3 แต้มได้ก็จริง แต่รายละเอียดต่างๆยังไม่น่าประทับ ไล่ตั้งแต่การจบสกอร์ที่ใช้โอกาสเปลื้อง ซึ่ง 2 ประตูที่ได้มา ก็เป็นเพราะคู่แข่งพลาด ขณะที่เกมรับอาจจะไม่เห็นแผลมากมาย เพราะคู่แข่งบุกขึ้นมาไม่ถึง แต่พอพลาดครั้งเดียวโดนยิงทันที ฉะนั้นราชันมังกรในตอนนี้ อาจจะยังไม่ใช่ทีมเดิมกับช่วงต้นฤดูกาล

ติตตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ฝ่าฝุ่นเก็บ 3 แต้ม

ธีรศักดิ์ โซโล่ 2 พา การท่าเรือ เอฟซี 3-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ในโปรแกรมวันอังคาร ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มในตอนนี้กำลังออกทะเลและไม่ชนะใครมาหลายนัด จะเปิดรังลีโอ เชียงราย รับ การท่าเรือ เอฟซี ที่ผลงานในตอนนี้ คว้าชัยในลีกมา 2 เกมรวด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างใช้ระบบ 4-4-2 เหมือนกัน

      ในช่วง 10 นาทีแรก ทั้ง 2 ทีมยังทำอะไรกันไม่ถนัดนัก จนเวลาผ่านไป การท่าเรือสามารถโจมตีทางฝั่งขวาและซ้าย แต่การเซตบอลหลังบ้าน บูโต๊ส จ่ายพลาด โบนีญ่า วิ่งมาฉกบอลและหลบ สมพร ก่อนจะยิงให้ เชียงรายนำ 1-0 อย่างไรเสีย การท่าเรือ ไม่เป๋ แล้วยังสามารถเดินเกมรุกต่อได้ โดยโอกาสเหน่งๆมี

แต่ยิงแล้วติดเซฟ สรานนท์ กระทั่งในนาทีที่ 40 สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย เมื่อ เชียงราย ได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 จากการจ่ายบอลแทงทแยงไปหน้าประตู ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีช่อง กระนั้นการเคลื่อนที่เข้าหาบอลและตบกลับหลังให้ เฟลิเป้ เข้ามายิงแบบไม่มีตัวประกบ ถือเป็นการเข้าทำที่รู้ใจกันอย่างยิ่ง   

ครึ่งหลัง การท่าเรือ ยังมีรูปเกมที่ไม่ดีขึ้น จนดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของพวกเขา จนในนาทีที่ 67 จุดเปลี่ยนของเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้ประตูตีตื้น 2-1 จากเตะมุมที่ ธีรศักดิ์ โหม่งเดี่ยวๆแล้วไปตรงตัว สรานนท์ ที่ปัดบอลไม่ดี ทำให้ ธีรศักดิ์ ยื่นขาจิ้มบอลประตูไป นั่นจึงทำให้หลังจากนั้น เชียงราย พยายามจะกลับมาบุกอีกครั้ง อย่างไรเสียการโต้กลับของ การท่าเรือ ก็มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จาก ธีรศักดิ์ คนเดิม เท่านั้นไม่พอ สิงห์เจ้าท่า มาได้ประตูแซงนำ 2-3 ในนาทีที่ 85 จากการต่อบอลขึ้นมาไม่กี่จังหวะ ก่อนจบที่ แฮร์มิลตัน ฉีกตัวประกบมาโหม่งที่เสาแรก

บทสรุปจากเกม จริงๆแล้ว ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด รูปเกมเป็นรองตั้งแต่ครึ่งแรก ดังจะเห็นได้จากการโดนเจาะเกมรับและผู้รักษาประตูต้องออกแรงเซฟ แต่เมื่อมีโอกาสทำเกมสวนกลับ กว่างโซ้งมหาภัยยิงได้ถึง 2 ประตู ทำให้ครึ่งหลังเหมือนจะเล่นสบาย แต่เมื่อโดนยิงตีตื้น 2-1 รูปเกมก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นพวกเขามีอาการตื่น พร้อมๆกับรูรั่วในเกมรับที่ถูกฉีกให้กว้างขึ้น จนสุดท้ายเสียถึง 3 ประตู

และแพ้แบบช็อคตาตั้ง ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี จริงๆแล้วรูปเกมดีกว่าใน 45 นาทีแรก แต่เกมรับผิดพลาดไปเองและโดนลงโทษ ทำให้ครึ่งหลังดูเหมือนว่าจะกลับมาไม่ได้ กระทั่งการได้ประตูตีตื้น 2-1 นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขากลับมา จนสุดท้ายสามารถพลิกชนะได้ ซึ่งโมเมนแบบนี้เป็นสิ่งที่สิงห์เจ้าท่าหายห่างไปนาน

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ที่ไหน เมื่อไร ไม่แพ้

ศุภณัฎฐ์ ตัวป่วน ช่วย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลช้างเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ณ สนามดราก้อนโซล่าร์ปาร์ค บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า 5 สมัย และแชมป์ทีมล่าสุด พบกับ การท่าเรือ เอฟซี แชมป์เก่า 3 สมัย โดยเกมนัดนี้จะแข่งขันนัดเดียวรู้ผล ฉะนั้นหากเสมอกันในช่วง 90 นาที จะมีการต่อเวลาและยิงจุดโทษเพื่อหา 1 ทีม เข้าไปชิงชนะเลิศ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ปราสาทสายฟ้าใช้ระบบ 4-4-2 ส่วนสิงห์เจ้าท่าเปลี่ยนเล่นระบบ 3-5-2

      นับตั้งแต่นาทีที่ 10-25 ของเกมการแข่งขัน บุรีรัมย์ ครองบอลกดดันใส่คู่แข่งได้ดี แต่ไม่สามารถพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เน้นแพ็คเกมรับให้แน่นหนา แล้วเมื่อไรที่ได้บอลมาครองก็จะไม่เสียง่ายๆ กระนั้นเมื่อพาบอลเข้าเข้าไปในแดนคู่แข่ง

พวกเขามักเสียบอลจนแทบไม่มีโอกาสได้ลุ้น กระทั่งเกมผ่านครึ่งชั่วโมง ทั้ง 2 ทีม เปิดเกมรุกใส่กัน แล้วเป็นทางฝั่งปราสาทสายฟ้า ที่ใกล้เคียงจะได้ประตู เพราะมีจังหวะเล่นลูกฉาบฉวย แต่ดันยิงไม่เข้าเอง ขณะที่ สิงห์เจ้าท่า ประสิทธิภาพเกมรุกด้อยกว่า เพราะรูปแบบการเข้าทำน้อยและไม่รวดเร็วพอที่จะเอาชนะคู่แข่ง

บุรีรัมย์ ยังคงเน้นการโจมตีทางด้านข้าง แต่พยายามกำชับให้เปิดไปยังบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ หรือแถว 2 เพื่อให้มีพื้นที่จบสกอร์ อย่างไรเสียประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 60 มาจากการเล่นเร็วแบบฉาบฉวย แล้วจังหวะยิงของ ศุภณัฎฐ์ ก็เป็นใจด้วย

จากนั้น การท่าเรือ พยายามจะเร่งเกมบุก แต่ยิ่งเร่งก็ยิ่งเสียและโดนโต้กลับ ไม่เพียงเท่านั้น เกมรับที่เหนียวแน่นในครึ่งแรก ก็เริ่มเปิดช่องว่างในพื้นที่กรอบเขตโทษ สุดท้ายโดนยิงประตูทิ้งห่าง 2-0 ในนาทีที่ 76 ขณะที่ช่วงเวลาที่เหลือ สิงห์เจ้าท่าได้แต่เซตบอลไปมากลางสนาม กระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน

          บทสรุปจากเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในครึ่งแรก มีช่วงเวลาที่ขึงและทำได้ดีกว่าเพียงแค่ 10-15 นาที เพราะหลังจากนั้น กลายเป็นเกมชิงจังหวะตรงพื้นที่กลางสนาม จนในครึ่งหลัง รูปเกมก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิม แต่การเล่นเร็วและได้ประตูนำ 1-0 มันก็ช่วยให้พวกเขาคลายกดดัน ก่อนจะมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 และปิดเกม ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ เอฟซี เกมนี้วางหลังสามและเล่นเกมรับได้ดี

แต่เกมสวนกลับ เหมือนทิ้งขว้างโอกาสไป เพราะบอลเคลื่อนที่ช้าและไม่มีรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย จนในครึ่งหลังเมื่อเสียประตูก่อน จากจังหวะที่ไม่ควรเสีย รูปเกมก็หลุดจากวงโคจรไปเลย ดังจะเห็นได้จากเกมรุกที่เร่งจังหวะแล้วจ่ายเสีย หรือเกมรับที่ยืนเปิดพื้นที่ให้กรอบเขตจนโดนยิงเพิ่มฃ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ดุดันไม่เกรงใจใคร

พีที ประจวบ เอฟซี ฟอร์มดุ ไล่ถล่ม หนองบัว

ศึกรีโว่ไทยลีก นัดที่ 26 ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามสามอ่าว สเตเดี้ยม พีที ประจวบ เอฟซี ที่พึ่งกลับมาเก็บ 3 แต้มได้ จะต้องพบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ผลงานดำดิ่งและรอวันตกชั้นอย่างเป็นทางการเท่านั้น  สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 3-4-3 ส่วนทีมเยือนก็ใช้ผัง 3-5-2  

      ในช่วง 5 นาทีแรก จังหวะบอลค่อนข้างเร็ว เพราะเมื่อใครครองบอล อีกฝ่ายจะบีบให้เล่นลำบาก ทำให้บอลจะอยู่บริเวณกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พีที ประจวบ เริ่มจะเล่นได้ดีกว่า แล้วเพียงแค่ 9 นาที ประจวบ ได้ประตูนำ 1-0 จากเตะมุมที่เปิดไปให้ จักรกฤษณ์ กระโดดแปรบอลเข้าไป

โดยจังหวะนี้แนวรับทีมเยือนพยายามจะประกบ แต่บอลมันทะลุผ่านผู้เล่นทุกคน จากนั้น 3 นาทีถัดมา ต่อพิฆาตมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 จากการต่อบอลหน้าบ้านของตัวเอง โดยจังหวะเข้าทำเหมือนจะช้าไปแล้ว แต่ ประสิทธิ์ ยังปั่นโค้งเข้าไปอย่างสวยงาม ซึ่งการได้ประตูนำเร็วเช่นนี้ มันมีผลให้เจ้าบ้านผ่อนเกมจนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง หนองบัว ปรับแก้แท็กติกเพื่อเล่นเกมบุกให้มากขึ้น แต่การเสียบอลง่ายๆกลางทาง มันก็กลายเป็น ประจวบ ได้โต้กลับอย่างรวดเร็ว กระทั่งนาทีที่ 59 ได้ประตูนำ 3-0 จากการไหลบอลมาให้ นุกูลกิจ ยิงนอกกรอบ จากนั้นกลายเป็น หนองบัว ที่เริ่มถอดใจและไม่ค่อยวิ่งไล่ ทำให้โดนยิงเพิ่มอีก 2 ประตู อย่างไรเสีย พญาไก่ชนก็ได้ประตูไล่มา 1 ลูก ทำให้จบเกมด้วยสกอร์ 5-1

บทสรุปจากเกม พีที ประจวบ เอฟซี ในวันนี้ จังหวะฟุตบอลค่อนข้างเป็นใจ ไล่ตั้งแต่การได้ 2 ประตู ตั้งแต่ต้นเกม เช่นเดียวกับครึ่งหลังที่เมื่อประตูทิ้งห่าง 3-0 จากจังหวะบอลแฉลบ ต่อพิฆาตก็ยิ่งเล่นง่าย จนสุดท้ายสามารถถล่มผู้มาเยือนแบบไม่ไว้หน้า อย่างไรเสีย เกมรับก็ยังมีรูรั่วที่ต้องปรับปรุงกับการเสียประตูง่าย

ส่วนทางฝั่ง หนองบัว พิชญ เอฟซี วันนี้พร้อมเต็มร้อยที่จะมาสู้กับเจ้าถิ่น แต่การเสียประตู 2 ลูก ในช่วง 15 นาทีแรก มันมีต่อแท็กติกที่ต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งในครึ่งแรกไม่สามารถบุกใส่เจ้าถิ่นได้ กระทั่งในครึ่งหลัง รูปเกมกำลังดีขึ้น แต่เมื่อมาเสียประตูที่ 3 เพิ่ม ทีนี่กลายเป็นสมาธิแตกและไม่ช่วยกันวิ่งไล่อีกแล้ว ทำให้สกอร์ขาดลอยอย่างที่เห็น

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ฉลาดเตี้ยอาการหนัก

ชลบุรี โคม่าหนัก บุกพ่าย ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 23 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามทรู สเตเดี้ยม รังเหย้าของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ผลงานกลับมาดีอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้ามีอาการเมาหมัดเล็กน้อย ซึ่งวันนี้ต้องเจอทีมที่เมาหมัดกว่าอย่าง ชลบุรี เอฟซี ที่ตอนนี้ตามหาชัยชนะไม่เจอมา 4 เกมติดแล้ว ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างมาในระบบ 4-2-3-1 ทั้งคู่

      ในช่วง 10 นาทีแรก ทั้ง 2 ทีมเน้นการต่อบอลเข้าไปในแดนคู่แข่ง  แต่ทางฝั่งทีมเยือนจ่ายพลาดก่อน แล้วโดน ทรู แบงค็อก ตัดได้ สุดท้ายจบที่ เฮแบร์ตี้ ซัดมุมแคบชนเสา แล้วมาเข้าทาง มาห์มู๊ด จิ้มเข้าประตูให้ทีมนำ 1-0 จากนั้นกลายเป็นบียู ที่ดูดีกว่า เพราะสามารถต่อบอลจากหลังบ้านไปจนถึงการจบสกอร์ได้หลายหน

แต่ขาดความเฉียบคม ตรงข้ามกับ ชลบุรี ที่ได้แต่ต่อบอล ไม่มีจังหวะจบสกอร์ กระนั้นช่วงทดเวลา 45+1 การวางบอลยาวให้ ชาญณรงค์ กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นพลาดตั้งแต่แดนกลางที่เปิดพื้นที่ให้ได้วางบอลแบบสะดวก รวมถึงคู่กองหลังที่ยืนห่างจากตัวรุก ทั้งๆที่มีแค่คนเดียว 

ครึ่งหลัง ชลบุรี พยายามแก้ในเรื่องการเก็บบอลไว้กับตัว โดยจะปล่อยให้ก็ต่อเมื่อเพื่อนหาช่องดีและมีทางที่บอลจะไปข้างหน้า ซึ่งมันช่วยให้ทีมมีโอกาสจบสกอร์มากขึ้น แต่ในนาทีที 61 พวกเขาป้องกันไม่ดีพอ ทำให้โดน เฮแบร์ตี้ ยิงนำ 2-1 แล้วทางฝั่งฉลามชล สมาธิหลุดอย่างชัดเจน สุดท้ายการออกบอลที่ไม่รอบครอบของ เฉลิมพงษ์ ก็ได้ส่งให้ บียู ขึ้นนำ 3-1 และจบเกมด้วยสกอร์นี้  

      บทสรุปจากเกม ทรู แบงค็อก ยู ไน เต็ด ออกสตาร์ทเกมนี้ได้ดีแถมได้ระตูนำไปก่อน นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสได้แบบต่อเนื่อง แต่พอไม่ได้ประตู เกมรับดันมาเสียง่ายๆ ซึ่งยังดีที่มีจุดเปลี่ยนเมื่อได้ประตูนำ 2-1 ทำให้ได้ 3 แต้ม ในวันนี้ ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี

วันนี้ตั้งใจเล่นต่อบอลกับพื้นเพื่อสู้กับเจ้าบ้าน แต่การจ่ายบอลพลาดทำให้พวกเขาถูกลงโทษ กระนั้นโมเมนตัมก่อนเข้าห้องแต่งตัว พวกเขาได้สกอร์ตีเสมอ 1-1 ทำให้ในครึ่งหลัง ฉลามชลแก้เกมด้วยการหาวิธีออกบอลให้ชัวร์ ซึ่งมันได้ผลและน่าจะสู้กับเจ้าถิ่นได้สนุก แต่พอเสียประตูอีกครั้ง สมาธินักเตะก็หลุดจากเกมไปเลย

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

จ่อร่วงเต็มกลืน

หนองบัว พิชญ เอฟซี ยิงนาทีท้าย ก่อนพ่าย

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 25 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามพิชญ สเดตี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ตอนนี้อาการโคม่าและไม่น่าจะมีปาฏิหาริย์สำหรับการอยู่รอด จะต้องพบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่คะแนนและอันดับอยู่กลางตาราง ทำให้การบุกมาเยือนในวันนี้ ไม่ค่อยกดดันเท่าไร ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ระบบ 4-2-3-1 ขณะที่ทีมเยือนยึดระบบ 4-4-2  

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทั้ง 2 ทีม ต่างเปิดเกมบุกใส่กัน โดยทางฝั่ง โปลิศ เทโร จะเล่นบอลเร็วและน้อยจังหวะในพื้นที่ 3-4 ซึ่งมันเห็นถึงทีมเวิรค์และการสอดประสาน แต่มันน่าเสียดายที่ไม่ได้ประตูนำ เพราะแนวรับของเจ้าบ้านช่วยกันสกัดและป้องกันไว้ได้

ส่วนทางฝั่ง หนองบัว พิชญ เน้นการขึ้นบอลทางฝั่งซ้าย ก่อนจะจ่ายเลาะไปข้างหน้า กระทั่งถึงแดนสุดท้ายก็จะตบบอลมาหน้าประตู โดยโอกาสเหน่งๆนั้นมี แต่ก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน

ครึ่งหลัง รูปเกมยังเปิดแลกใส่กันอยู่ แต่การตัดฟาวล์ของ ปิยะพล มันส่งผลให้เจ้าตัวโดนใบแดง ซึ่งหลังจาก หนองบัว เหลือ 10 คน ก็เริ่มจะพลาดง่ายๆ จนในนาทีที่ 67 จ่ายบอลพลาดหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้โดน สรวิชญ์ ฉกบอลไปกระดกข้าม กิตติคุณ ให้ เทโร นำ 0-1 อย่างไรเสียเมื่อ หนองบัว

ดึงสมาธิกลับมาได้ พวกเขาก็สร้างโอกาสจากการโจมตีทางฝั่งซ้าย แต่บอลเจ้ากรรมดันไปชนเสา กระทั่งนาทีที่ 90+4 จังหวะชิงบอลในกรอบเขตโทษของเจ้าบ้าน พีรพัฒน์ ชิงบอลมาได้ แล้วจัดการยิงเช็คเสาให้มังกรโล่เงินนำ 0-2 จากนั้นเมื่อเอาบอลมาเขี่ย พญาไก่ชนยิงไล่มา 1-2 แล้วเวลาก็หมดลงทันที

      บทสรุปจากเกม หนองบัว พิชญ เอซี เกมนี้พยายามสู้อย่างสุดความสามารถ ดังจะเห็นได้จากบิ้วอัพบอลขึ้นไป กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลังจากโดนแดงและต้องเหลือ 10 คน พวกเขาเสียสมาธิจนมีความผิดพลาด สุดท้ายโดนยิงนำ มิหนำซ้ำยังมาโดนลูกยิงเช็คเสาในช่วงทดเวลา ทำให้หมดหวังที่จะมีแต้ม ทั้งๆที่สู้ได้ดี

ส่วนทางฝั่ง โปลิศ เทโร เอฟซี ต้องชื่นชมที่มาเปิดเกมบุกสู้ แม้สถานการณ์จะลอยตัวและไม่จำเป็นต้องโหมบุกก็ได้ ซึ่งผลตอบแทนของความทุ่มเท คือการได้ 2 ประตู และ 3 แต้มกลับบ้าน อย่างไรเสียการเปิดเกมบุกแลกแบบนี้ มันเห็นถึงรูรั่วในเกมรับที่พวกเขาต้องปรับ เพราะหากเป็นทีมใหญ่ พวกเขาจะโดนลงโทษด้วยการเสียประตูอย่างแน่นอน

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

กระโดดขึ้นกลางตาราง

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แรงไม่หยุด เปิดรังตบ

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 24 ในโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ตอนนี้เก็บชัยมา 2 นัด จะต้องพบกับทีมที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่าง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด

ซึ่งสถิติการมาเยือนสนามแห่งนี้ ก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม ต่างมาใช้ระบบที่เคยชิน โดยเจ้าบ้านใช้ 4-2-3-1  และทีมเยือนวางผัง 4-4-2

      เชียงราย พยายามเล่นบอลแทง บอลไดเรค และรีบจบสกอร์แบบไม่ครองบอลไปมา แม้ว่าแนวรับเจ้าบ้านจะสปีดตามไม่ค่อยทัน แต่ก็ยังเอาอยู่ จนการแข่งขันดำเนินไปถึงนาทีที่ 34 นครราชสีมา จัดการแผงฤทธิ์ใส่ด้วยประตูนำ 1-0 จากการลากบอลของ สิโรจน์ แล้วเปิดมาหน้าประตู ก่อนจะจบด้วยการซัดวอลเลย์ของ มูสตาโว่ กระนั้นก็ต้องโทษ อภิรักษ์ ที่วิถีบอลและการตำแหน่งพร้อมสำหรับการป้องกัน

แต่ไม่ล้มตัวปัดบอล อย่างไรเสียในนาทีที่ 39 เชียงราย มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการแทงบอลขึ้นมา ซึ่ง โบนีญ่า กระชากหนี ชาร์ลี คลัฟ แล้วเปิดหักกลับมาให้ คิม จี มิน ยิงเข้าไป โดยจังหวะนี้แนวรับเจ้าถิ่นผิดพลาดเต็มๆที่ยืนตำแหน่งป้องกันไม่ดี

ครึ่งหลังเปิดฉากขึ้นมา ก็โจมตีใส่กันทันที แล้วเป็นโคราช ที่ได้ประตูจากเตะมุมของ ชาร์ลี คลัฟ ที่ยืนเป็นตัวสุดท้ายแบบไม่มีใครประกบ แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องโทษอภิรักษ์ เพราะบอลยังยู่ในวิถีที่บินปัดได้ แต่ดันยืนเฉย

จากนั้นกลายเป็นเข้าทางเจ้าถิ่น เมื่อพวเขาลงไปตั้งรับลึก ซึ่งมันเป็นเวย์ลำบากของทีมเยือน ที่ชอบเล่นเกมรุกแบบสวนกลับ ทำให้กว่าจะเจาะเข้าไปถึงแดนสุดท้าย ก็ยากลำบากพอสมควร สุดท้ายเมื่อพวกเขาดันเกมบุกแบบเต็มสูบ ก็มาโดนลูกปิดกล่อง 3-1 ในนาทีที่ 90+4  

      บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟ ซี เกมรับมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แล้วมีผลถึงการเสียประตู แต่พอได้ประตูที่ 2 เกมรับเล่นได้ดีจนคู่แข่งเจาะไม่เข้า ส่วนเกมรุก เห็นถึงความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีริมเส้น ทีเด็ดลูกเตะมุม และการโต้กลับ ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะคว้าชัยชนะแบบต่อเนื่อง

ขณะที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พยายามเล่นบอลไดเรคตามสไตล์ แต่เกมรับและความผิดพลาดส่วนบุคคล ทำให้เสียประตูจนไม่สามารถเล่นตามแผนได้ โดยสิ่งที่พวกเขาต้องพัฒนา คือการเจาะคู่แข่งที่รับลึกๆให้ได้ มิเช่นนั้นวันไหนถูกนำไปก่อน ประตูสู่ความพ่ายแพ้จะเปิดกว้างทันที

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB: Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

สถานการณ์ลุ้นแชมป์

ศึกรีโว่ไทยลีก 1 และโควตา ACL ไทยลีก 1

สถานการณ์การลุ้นแชมป์ของ ศึกรีโว่ไทยลีก 1 อาจจะกล่าวได้ว่ามันเห็นถึงบทสรุปกลายๆของทีมลุ้นแชมป์ เมื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำแต้มทิ้งห่างรองจ่าฝูงและทีมหัวตารางไปไกลกว่า 10 แต้ม

ทำให้การลุ้นอันดับที่ 2 และ 3 ดูจะเมามันส์มากกว่า เพราะแต่ละทีมยังฟอร์มไม่นิ่งและอันดับยังขึ้นๆลงๆสลับกันไปมา ฉะนั้นในบทความนี้จะมาประเมินถึงสถานการณ์ ณ ตอนนี้ และความเป็นไปได้ว่าใครจะเป็นแชมป์ และใครจะมีโอกาสติดอันดับ 2 กับ 3 เพื่อไปลุยศึก ACL ในฤดูกาลหน้า

สถานการณ์การลุ้นแชมป์  

      ในส่วนของการลุ้นแชมป์ ตอนนี้ลงแข่งไปแล้ว 22 นัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีแต้มนำ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เป็นรองจ่าฝูงถึง 12 แต้ม ซึ่งหากว่ากันตามทฤษฎี บียู ยังได้ลุ้นอยู่ แต่เมื่อดูจากเส้นทางที่ผ่านมา มันมีแต่จะห่างไปเรื่อยๆ เพราะแข้งเทพมีวันที่ฟอร์มหลุด ฉะนั้นในส่วนของแชมป์น่าจะสบายใจได้ จากนี้จึงเหลือแค่ว่าปราสาทสายฟ้า จะจบด้วยการเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายหรือไม่

สถานการณ์ทำอันดับติดโควตา ACL

      โควตา ACL รอบแบ่งกลุ่ม จะแบ่งให้ทีมแชมป์ลีก ส่วนรอบเพลย์ออฟจะให้กับทีมรองแชมป์ อย่างไรเสียหากทีมแชมป์ลีกอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์ช้างเอฟเอ คัพ ได้ โควต้ารอบเพลย์ออฟจะตกเป็นของอันดับ 3 ในตารางลีกทันที ฉะนั้นเมื่อดูสถานการณ์ ณ ตอนนี้ บุรีรัมย์ จองไปแล้ว 1 ทีม เช่นเดียวกับ แบงค็อก ที่น่าจะไม่พลาด ทำให้อันดับที่ 3 ต้องแย่งชิงกัน โดยมีถึง 5 ทีม ที่กำลังมีลุ้นอยู่ในตอนนี้

จาก 5 จะมีผู้สมหวังเพียง 1 ทีม ?

      ผลงานของ เมืองทอง ที่สามารถคว้าชัยได้ 3 เกมติด ทำให้แต้มก้าวกระโดดจนมีลุ้นโควตาถ้วยเอเชีย กระนั้นเมื่อมองถึงการยืนระยะ ก็อาจเป็นเพียงการสร้างสีสรรค์ในช่วงนี้เท่านั้น เช่นเดียวกับ การท่าเรือ ที่แม้จะดูดีขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากมีการเปลี่ยนโค้ช แต่ด้วยความไม่สม่ำเสมอในผลงาน ก็คงมีผลให้พวกเขามีลุ้นห่างๆ แต่มิอาจทำคะแนนเข้าไปใกล้กว่าที่เป็น

      เชียงราย ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะมีลุ้นโควตาตรงนี้ เพราผลงานในบ้านเป็นจุดแข็ง แต่ผลงานในช่วงนี้เหมือนจะหลุดๆไป ซึ่งต้องหากทางกลับฝั่งให้เร็วที่สุด ก่อนจะหลุดวงโคจรไปจริงๆ ขณะที่ ราชบุรี เลกที่ 2 ถือเป็นขาลงแบบชัดเจน เพราะมันมีแต่ถอยหลังลงคลองและไม่น่าจะมีโอกาสได้ลุ้นค่อนข้างแน่ ส่วน ชลบุรี อยู่ในอันดับ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการรอลุ้นโควตาส้มหล่น

กระนั้นด้วยตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บเยอะและผลงานยังหาทางกลับมาไม่ได้ มันจึงเริ่มจะเสียวๆว่าพวกเขาจะเสียอันดับตรงนี้ให้ทีมอื่น ฉะนั้นหากกล่าวโดยสรุป อันดับที่ 3 ยังมองไม่ออกว่าใครจะสมหวัง เพราะฟอร์มยังไม่มั่นคงสักทีม แต่ ชลบุรี ราชบุรี และ เชียงราย น่าจะอยู่ในข่ายที่ได้ลุ้นมากที่สุด และตัวชี้วัดก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีช่วงเก็บแต้มแบบรัวๆมากที่สุด  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover