วรวุฒิ สุขุนา

ข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลไทยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คงหลีกหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่เจ้าแบงค์ วรวุฒิ สุขุนา อดีตนักฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูของสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ดื่มสุราและขับรถเก๋งส่วนตัวไปชนผู้ที่กำลังออกกำลังกายจนเสียชีวิตคาที่ 1 ศพ และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ซึ่งในตอนแรกนั้น ต้นสังกัดได้สั่งพักงานและหยุดจ่ายเงินเดือนจนกลายว่าคดีจะสิ้นสุด แต่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ตค. ที่ผ่านมา นาย วิทยา คุณปลื้ม ได้มีมติยกเลิกสัญญา ทำให้กระแสสังคมคลี่คลายไปได้ หลังจากถูกกระแสโจมตีในเรื่องของการออกมาแสดงจุดยืน

เจ้า วรวุฒิ สุขุนา ถือเป็นเด็กในไส้ของชลบุรี เอฟซี ที่ได้รับการปลุกปั้นมาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน อีกทั้งด้วยฝีมือที่เตะตาโค้ชทีมชาติ จึงถูกเรียกมาเฝ้าเสาให้กับทีมชาติไทยชุดเยาวชน ขณะที่เดียวกันเมื่อ วรวุฒิ เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น ก็ได้ถูกส่งให้ไปเล่นทีมในลีกล่างกับ บ้านค่าย ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี ชุดบี และที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการไปเฝ้าเสาให้ อุทัยธานี เอฟซี ในไทยลีก 3 แล้วสามารถช่วยทีมจนได้แชมป์และเลื่อนชั้น ขณะที่ฟอร์มการเล่นก็โดดเด่นจน ชลบุรี เอฟซี ต้องเรียกกลับมาเป็นมือสำรองของ ชนินทร์

โอกาสทองของ วรวุฒิ ดูเหมือนจะเป็นใจให้เจ้าตัว เพราะการนั่งสำรองเพียง 4 นัด นายทวารมือ 1 ของทีมอย่างเจ้าบาส ดันเกิดอาการบาดเจ็บ ทำให้เจ้าตัวต้องถูกส่งลงสนาม แล้วสามารถโชว์ฟอร์มได้แบบไม่เป็นรอง ซึ่งถึงตรงจุดนี้หากเจ้าแบงค์ยังรักษามาตรฐานแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ การแย่งชิงมือ 1 มาอย่างถาวรสามารถเกิดขึ้นได้

กระนั้นด้วยความขาดสติและไม่คิดไต่ตรองอย่างถี่ถ้วน กับการเมาแล้วขับและขับรถไปชนคนตาย มันได้ลบล้างฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาทั้ง 6 นัด ลบล้างดีกรี ชื่อเสียงที่สะสมมาทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ส่วนนับจากนี้คงไม่ต้องสืบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราแค่คดีล้มบอล หรืออื่นๆ ยังหมดอนาคตไปจากวงการฟุตบอล ฉะนั้นในเคสที่หนักกว่าและมีคนเสียชีวิตอย่างนี้ คงต้องกล่าวว่าเจ้าแบงค์ ต้องแขวนถุงมือเป็นที่แน่นอนแล้ว
บทเรียนที่ประเมินค่าไม่ได้ในครั้งนี้ คงเป็นอุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับนักฟุตบอลไทยทุกคนที่เป็นสายดื่ม ซึ่งหากถามว่าดื่มได้หรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าดื่มได้ แต่การดื่มนั้นต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบในตัวเอง ส่วนในเคสของ วรวุฒิ เมื่อไม่มีความรับผิดชอบในตัวเอง แล้วมันดันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา สุดท้ายราคาที่ต้องจ่าย คือ อนาคตในเส้นทางลูกหนังทั้งชีวิตที่ต้องจบลงเท่านี้ เรื่องคดีความที่ต้องไปต่อสู้ว่าจะต้องติดคุกหรือไม่ ต้องชดใช้ค่าเสียหายอีกไม่รู้เท่าไร และชีวิตจะไปยังไงต่อเมื่อไม่ฟุตบอล ซึ่งเมื่อมองมุมไหนก็ไม่คุ้มที่จะแลกแม้แต่น้อย
ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com
FB : Sport lover