Categories
ข่าวกีฬา

“ฮารีเมามาลายาลิ่วชิง”

มาเลเซีย โดนตีเสมอท้ายเกม แต่แม่นโทษดับ

ศึกฟุตบอลคิงคัพ คู่ที่ 2 ณ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ทีมชาติไทย ในฐานะเจ้าบ้านที่ครองแชมป์รายการนี้สูงที่สุด พร้อมกับจัดตัวผู้เล่นแบบฟูลทีม  จะต้องพบกับทีมชาติมาเลเซีย ที่ปรับโฉมมาใช้บริการโค้ชชาวเกาหลีใต้และตัวผู้เล่นที่เป็นตัวลูกครึ่งและโอนสัญชาติกว่าครึ่งทีม อีกทั้งยังเน้นให้โอกาสผู้เล่นหน้าใหม่ๆอีกด้วย

ทีมชาติไทย พยายามจะตั้งเกมของตัวเองให้ได้ แต่การจัดตัวผู้เล่นกับตำแหน่ง อาการบาดเจ็บของ ชนาธิป รวมถึงความเนือยของผู้เล่นกว่าครึ่งทีม มันสวนทางกับทีมชาติมาเลเซีย ที่วิ่งไล่เพรสซิ่งแดนบน จนเจ้าบ้านขึ้นบอลและออกบอลให้พ้นจากแดนตัวเองไม่ได้ กระนั้นทีมเยือนไม่สามารถดักและจู่โจมได้ถนัดนัก กระทั่งนาทีที่ 32 ฮารีเมามาลายาขึ้นนำ 0-1 จากการตัดบอลและเลือกยิงมุมแคบด้วยความแม่นนยำ นั่นจึงทำให้ทัพช้างศึกพยายาม เร่งสปีดบอลจนสามารถพาบอลเข้าสู่แดนอันตรายได้ แต่เมื่อถึงจังหวะเข้าทำดันจ่ายบอลไม่ได้เปรียบ ทำให้โอกาสที่ควรได้มันหลุดลอยไป

ครึ่งหลัง ทีมชาติไทย พยายามแก้เกมด้วยการวางบอลจากแดนตัวเองไปยังริมเส้นแดน 3-4 ของคู่แข่ง ซึ่งการส่ง ศุภณัฎฐ์ ลงมาช่วยให้เกมรุกดูมีมิติขึ้น จนในช่วง 30 นาทีสุดท้าย ไทย สามารถอัพสปีดบอลแดนกลางและจ่ายแทงให้กับแนวรุกแบบได้หลุดเดี่ยวหลายหน แต่ความเฉียบคมไม่มี จากนั้นรูปเกมค่อยๆขึงใส่ได้แบบเบ็ดเสร็จ

อย่างไรเสียการเปิดบอลจากด้านข้างดูเหมือนไม่ค่อยได้เปรียบ ซึ่งกว่าจะมาได้ประตูตีเสมอก็นาทีสุดท้ายของการทดเวลา ส่วนทางฝั่งทีมชาติมาเลเซีย พละกำลังเริ่มทดถอยจนเกมรับมีหลุดรั่ว กระทั่งต้องเปลี่ยนตัวเพื่อเติมความสดและแพ็คเกมรับให้แน่น พร้อมกับวางเกมสวนกลับไว้ แต่สุดท้ายเกมรับดันประกบตัวผิดพลาดจนถูกตีเสมอ ขณะที่ช่วงการดวลจุดโทษ เสือเหลืองมีความนิ่งและเฉียบคมกว่า ทำให้เป็นฝ่ายชนะไป  

    บทสรุปจากเกม ทีมชาติไทย ในครึ่งแรกเล่นได้น่าผิดหวัง เพราะสปีดบอลช้า ผู้เล่นมีอาการเฉื่อยชา แล้วถูกเพรสซิ่งจนต่อเกมไม่ติดและเสียประตู กลับกันในครึ่งหลังรูปเกมดีขึ้น แต่ความเฉียบคมที่มีไม่มากพอทำให้ต้องลุ้นเหนื่อยท้ายเกม ซึ่งยังโชคดีที่ยิงตีเสมอเพื่อยื้อยิงจุดโทษได้ กระนั้นดันมาตายเพราะความไม่นิ่งและเฉียบคม

ส่วนทางฝั่งทีมชาติมาเลเซีย ทักษะเป็นรอง แต่ที่เหนือกว่าคือการวิ่งเพรสซิ่ง กล้าเข้าบอล มีวินัยในการเล่น และมีความมั่นใจ จนสามารถนำไปก่อน แม้ว่าในช่วงครึ่งหลังจะหวิดโดนเพราะกำลังเริ่มทดถอย แต่สุดท้ายคุณสมบัติที่เหนือกว่า ก็ได้กลายเป็นปัจจัยให้พวกเขาชนะและผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“1 ประตูก็ 3 แต้ม”

เชียงราย พอเพียง ยิงเฉือน เทโร จากจุดโทษ 1-0 ประเดิมซีซั่น

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดเปิดฤดูกาล 2022/23 ณ สนามลีโอเชียงราย ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ฤดูกาลก่อนผลงานไม่ค่อยดี กระทั่งทำอันดับได้แค่กลางตาราง จะต้องพบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่ปีก่อนหนีตายสำเร็จก่อนปิดซีซั่น สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 3-4-3 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-4-2

      ในช่วงต้นเกม ลีโอ เชียงราย เพรสซิ่งสูงใส่ผู้มาเยือน แล้วดักบอลเอามาจู่โจมได้ดี ซึ่งการเล่นในลักษณะนี้ได้นำพาให้เจ้าถิ่นนำ 1-0 จากตัดบอลและเลือกตัดฟาวล์ ทำให้กลายเป็นจุดโทษและ วิคเตอร์ สังหารไม่พลาด จากนั้นกว่างโซ้งมหาภัยเล่นตามสูตรของตัวเอง คือ ถอยไปรับและรอโต้กลับ ส่วนทางฝั่ง โปลิศ เทโร ช่วงต้นเกมพวกเขาออกบอลไม่พ้นแดนตัวเอง แถมเสียบอลหน้าบ้านถี่มาก ก่อนจะเสียประตูและรูปเกมเข้าทางเจ้าบ้าน ทำให้ต้องอาศัยการต่อบอลเร็ว แต่ก็ต้องระวังเพราะแนวรุกเจ้าถิ่นมีความชำนาญในการโต้กลับ สุดท้ายการโยนและยิงไกลต้องถูกงัดขึ้นมาใช้  

ครึ่งหลังเป็น เชียงราย ที่คุมเกมไว้ได้อยู่หมัด ผ่านการตั้งรับที่หนาแน่นและปล่อยให้ โปลิศ เทโร ต่อบอลบุกเข้าใส่ แล้วเมื่อไรที่ได้บอลก็จะสวนกลับแบบสุดทาง ซึ่งน่าได้ประตูเพิ่มถ้าเฉียบคมกว่านี้ ส่วนทางฝั่งมังกรโล่เงิน พาบอลเข้าพื้นที่เขตโทษไม่ได้เลย หรือต่อให้เข้าไปได้ก็แค่หันหลังให้ประตู กระทั่งการยิงไกล คือ ท่าไม้ตายสุดท้าย แต่ก็ไม่มีความใกล้เคียงที่จะเป็นประตู 

บทสรุปจากเกม ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ใช้การเพรสซิ่งสูงใส่เพื่อให้ได้บอลกลับมาครอง ซึ่งการเล่นลักษณะนี้ช่วยให้พวกเขาขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ทำให้หลังจากนั้นสามารถถอยไปตั้งรับและรอโต้กลับตามถนัด กระนั้นมันน่าเสียดายที่พวกเขามีโอกาสแล้วไม่ได้ประตูเพิ่ม ส่วนทางฝั่งโปลิศ เทโร เอฟซี การเล่นที่ผิดพลาดในช่วงต้น ได้กลายเป็นปัจจัยให้พวกเขาต้องเสียประตู

ซึ่งนี่เป็นโจทย์ที่ไม่ควรพลาดถ้าต้องเล่นกับเชียงราย ทำให้เมื่อโดนยิงนำไปแล้ว การจะทวงคืนเป็นได้ยาก เพราะเจ้าบ้านมีความเชี่ยวชาญในการเล่นแบบเขี้ยวลากดิน ในขณะที่ตัวเองไม่ได้มีศักยภาพมากมายที่จะไปขึงบุกใส่ใคร สุดท้ายกลายเป็นพวกเขาบุกเท่าไรก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ เพราะแนวรับเจ้าถิ่นยืนอัดแน่นเต็มพื้นที่กรอบเขตโทษ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“พลาดทีเดียวถึงขั้นแพ้”

ขอทีเดียว เฉือน หนองบัว 1-0 ประเดิมนัดแรกในลีกสูงสุด

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดเปิดซีซั่น 2022/23 ณ สนามห้วยกระทิง ลำปาง เอฟซี ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นทีมสุดท้าย จะต้องพบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว แถมทำผลงานขั้นเซอร์ไพรส์ ด้วยการจบอันดับ 5 สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-4-2 ขณะที่ทีมเยือนปรับเป็น 4-3-3 

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นทั้ง 2 ทีมต่างมีความไม่สมบูรณ์ในตัวเอง เริ่มจาก ลำปาง ที่ใช้ตัวเก่าจากลีกรองเป็นตัวหลัก ซึ่งมันช่วยให้การวิ่งไล่บอลในแดนตัวเองเกิดความแน่หนาในเกมรับ แต่เมื่อตัวเองได้บอลและจะทำเกมรุก รูปแบบการเข้าทำไม่มีทีมเวิรค์และเน้นความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะต่างชาติ ทำให้การจบสกอร์แบบหวาดเสียวแทบไม่มีให้เห็น ส่วนทางฝั่งหนองบัว รูปเกมดูดีกว่า กระนั้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประสิทธิภาพในเกมรุกค่อนข้างทดถอยเพราะการให้บอลและโยนไปให้กองหน้าขาดความแม่นยำ รวมถึงการต่อบอลที่ยังดูติดๆขัดๆ อย่างไรเสียพวกเขาก็มีโอกาสเหน่งๆ แล้วดันทำไม่ได้เอง

ครึ่งหลังเริ่มมาได้แค่ 27 วินาที ลำปาง ขึ้นนำ 1-0 จากการเปิดบอลแล้วโหม่งไม่ดี แต่ผู้รักษาประตูกับกองหลังของทีมเยือนดันสื่อสารกันไม่ดี ทำให้บอลลั่นจนไปเข้าทางผู้เล่นลำปาง ได้โหม่งระยะเผาขน จากนั้นหนองบัว ยังคงเดินหน้าบุกต่อ โดยพยายามเล่นแบบเดิม คือ การต่อบอลและโยนจากด้านข้าง รวมถึงการวางบอลแทงเพื่อเล่นกับไลน์กองหลัง ซึ่งก็มีโอกาสและน่าได้ประตูตีเสมอ แต่ก็ยังไม่ได้ ขณะที่รถม้ามรกต หลังจากขึ้นนำไปแล้ว ก็ได้สวนกลับแบบนานๆครั้ง อีกทั้งการสวนขึ้นมาก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ทำให้จบเกมด้วยชัยชนะ 1-0 ของเจ้าถิ่น

บทสรุปจากเกม ลำปาง เอฟซี ถือว่าออกสตาร์ทได้สวยกับชัยชนะนัดแรกตั้งแต่วันเปิดหัวซีซั่น กระนั้นหากเจาะลึกลงไปที่ฟอร์มการเล่น ศักยภาพของนักเตะค่อนข้างเป็นรองจากทีมอื่นๆในลีกสูงสุด โดยจากที่เห็นในนัดนี้ พวกเขาพยายามจะเล่นเกมรับให้เหนียวแน่น แต่ก็โดนเจาะเข้ามาอยู่ตลอด อย่างไรก็ดีด้วยความที่คู่แข่งไม่คม มันก็เป็นผลให้พวกเขาไม่เสียประตู ส่วนประตูที่ได้มาก็เป็นส้มหล่นลูกใหญ่ แล้วหากเกมนี้ไม่มีจังหวะนี้ รถม้ามรกตทำได้เต็มที่คือเสมอ ขณะที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี พยายามเล่นแบบเดิมๆเหมือนฤดูกาลที่แล้ว แต่พอตัวผู้เล่นมีการเปลี่ยนแปลง ประสิทธิภาพที่เคยทำได้มันดูลดลง ทำให้นับจากนี้ต้องรีบปรับจูนทีมให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นพญาไก่ชนจะลำบากแน่นอน

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ร่วงทีมแรก เพราะเสริมหน้าไม่เสริมหลัง”  

สรุปผลงาน เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

หลังจากสร้างปรากฏการณ์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในถ้วยช้างเอฟเอ คัพ เมื่อครั้งยังอยู่ลีกรอง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ได้สร้างผลงานชิ้นโบว์อีกอย่าง คือ การไต่ขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดด้วยระยะเวลาอันสั้น กระนั้นการเล่นลีกสูงสุดปีแรกของทัพช้างเผือกก็ไม่ได้สวยหรูอย่างใจคิด เพราะด้วยศักยภาพของนักเตะที่เป็นรองทีมอื่นๆ ทำให้ผลงานจมโซนแดงตั้งแต่เริ่มต้นยันจบเลกแรก

      เชียงใหม่ มีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยราว 10 คะแนน นั่นจึงทำให้บอร์ดบริหารได้จัดการเสริมทัพนักเตะ ด้วยการยืมแนวรุก 2 ตัวจาก ลีโอ เชียงราย มาร่วมทีม คือ บิลล์ โรซิม่าร์ กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา มาช่วยทำเกมบุกเพราะตลอดเลกแรกที่ผ่านมา เกมรุกเข้าขั้นฝืดและยิงใครไม่ค่อยได้ กระทั่งกลายเป็นอีกสาเหตุที่พวกเขาเก็บแต้มไม่ค่อยได้

ทันทีที่เลก 2 เปิดฉาก เชียงใหม่ ก็ยังคงอาการเดิมกับการเสียประตูและพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป ทำให้ ไอตัน เลือกไขก๊อกลาออกไป ก่อนที่โค้ชจั๊บ สุรชัย จิระศิริโชติ จะขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชแทน พร้อมกับพาทีมคว้าชัยเหนือ สมุทรปราการ และการท่าเรือ ซึ่งตรงจุดนั้นทำให้ช้างเผือกมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นและมีหวังที่จะอยู่รอด แต่ด้วยความผิดพลาดก่อนตลาดปิดที่ไม่เสริมกองหลัง มันก็กลายเป็นผลให้ทีมต้องเสียประตูแทบทุกนัด แม้เกมรุกจะน่ากลัวและยิงได้เกือบทุกนัดก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้เพราะเสียประตูเยอะกว่า กระทั่งนัดที่เสมอกับ เชียงราย 0-0 พวกเขามีอันต้องตกชั้นอย่างเป็นทางการ

      การก้าวขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดและตกชั้นกลับไปอย่างรวดเร็วของ เชียงใหม่ มันมีความน่าเสียดายเกิดขึ้น เพราะในเรื่องของงบประมาณพวกเขาไม่ขัดสน แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและเป็นสาเหตุที่ทำให้ตกชั้น คือ การเสริมตัวผู้เล่น โดยในเลกแรกพวกเขาผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง กับการเสริมตัวผู้เล่นเก่งๆเพื่อมาช่วยตัวที่อยู่กับทีมมานานตั้งแต่ลีกรอง ทำโอกาสแก้ตัวก่อนเปิดเลก 2 จำเป็นต้องเสริมอย่างเต็มที่และเพียงพอ

แต่สิ่งที่ปรากฏ บอร์ดบริหารเลือกเสริมตัวผู้เล่นเพียงครึ่งเดียว คือ เสริมกองหน้า แต่ไม่เสริมกองหลัง ทำให้เมื่อทีมต้องลงแข่ง ความสมดุลจึงไม่มีเพราะเกมรับพร้อมจะเสียประตูตลอด ส่วนเกมรุกแรกๆก็ยิงได้เรื่อยๆ แต่เมื่อยิงเท่าไรทีมก็ไม่ชนะ ความท้อแท้หมดกำลังก็เกิดขึ้น สุดท้ายผลงานจึงเป็นอย่างที่เห็น นั่นคือ การกลับไปเริ่มต้นในไทยลีก 2 เป็นทีมแรก

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

ใครถูกใครผิด ?

เงินเดือนไม่ออก = ไปเล่นฟุตบอลเดินสาย

ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดจากภาวะโควิด-19 แน่นอนว่ามันผลโดยตรงต่อสโมสรฟุตบอล โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่ไม่สามารถจับจ่ายเงินได้ถนัดมือ แล้วตรงจุดนี้มันก็ได้กระทบชิ่งไปถึงนักบอล จนมีข่าวว่านักเตะบางรายได้ออกไปเล่นฟุตบอลเดินสาย กระทั่งสโมสรมีการยกเลิกสัญญาตามมา ซึ่งจากประเด็นตรงนี้ใครผิดใครถูกนับจากนี้เราจะมาวิเคราะห์กัน

ต้นเรื่องทั้งหมดเริ่มจากโควิด-19 ที่ทำให้สมาคมฟุตบอลสั่งเบรคการแข่งขันนานเกือบครึ่งปี จากนั้นเมื่อกลับมารีสตาร์ท มาตรการหลายๆอย่างก็มีผลให้รายรับของสโมสรลดลง ไล่ตั้งแต่การจำกัดผู้เข้าชมที่ 25% เป็นอย่างต่ำ ไหนจะเรื่องของสปอนเซอร์ที่ไม่สามารถสนับสนุนได้เท่าเดิม หรือถอนตัวไปเลย กระทั่งสมาคมฟุตบอลเอง ก็ไม่สามารถมอบเงินสนับสนุนแก่สโมสรได้เต็มเม็ดและตรงเวลา ซึ่งสำหรับสโมสรใหญ่อาจไม่มีปัญหา เพราะพวกเขาสามารถควักมาจ่ายได้แบบสบายๆ แต่สำหรับสโมสรเล็กที่สายป่านสั้นและต้องพึ่งพาเงินสนับสนุน ต่างชักหน้าไม่ถึงหลังแบบถ้วนหน้า นั่นจึงทำให้คนที่อยู่ปลายห่วงโซ่อาหารอย่างนักฟุตบอล ต้องได้รับผลกระทบ คือ ได้รับเงินเดือนช้า ได้รับไม่ตรงงวด ไปจนถึงไม่ได้รับเลยเป็นเวลาหลายเดือน

ในมุมของนักฟุตบอล แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานเพื่อหารายได้ เพื่อจับจ่ายใช้สอยสำหรับภาระต่างๆ แต่ในเมื่อเงินเดือนไม่ออก พวกเขาก็ต้องหาลู่ทางอื่นเพื่อให้ได้เงินมา เช่น ใช้เงินเก็บ หยิบยืมจากคนรู้จัก หรือหาอาชีพเสริม แต่สำหรับบางคนนั้นไม่มีทักษะอื่นนอกจากเล่นฟุตบอล นั่นจึงทำให้บางคนเลือกออกไปเล่นบอลเดินสาย ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าผิดสัญญากับสโมสร แต่นี้อาจเป็นหนทางสุดท้ายที่จะได้เงินมาจุนเจือตัวเองและครอบครัวได้  

ในมุมของสโมสร ถือว่าผิดที่ไม่จ่ายเงินเดือนให้ตรงงวดตามสัญญา แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจากโควิด-19 มันก็ได้กลายเป็นบทเรียนว่าทุนทรัพย์สำรองนั้นมีความสำคัญ ขณะที่นักบอลที่ออกไปเล่นเดินสาย ก็มีความผิดที่ละเมิดสัญญา เพราะนักฟุตบอลเป็นสมบัติขอสโมสรและต้องลงเล่นกับต้นสังกัดที่เซ็นสัญญาเท่านั้น อีกทั้งถ้าบาดเจ็บขึ้นมา คนรับผิดชอบก็คือสโมสร ฉะนั้นหากสรุป ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีความผิดที่ไม่ทำตามตกลงในสัญญาที่เซ็นกันไว้ กระนั้นหากมีการเจรจากันปัญหานี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเจรจาแล้วยังคงออกไปเล่นฟุตบอลเดินสายอีก ก็คงต้องว่าไปตามกฎ คือ การยกเลิกสัญญา พร้อมกับจ่ายเงินเดือนที่คงค้างให้เสร็จสิ้นแล้วค่อยแยกทางกัน

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“กระต่ายประเดิมแชมป์”

บีจี ปทุม ฟอร์มหรู คว่ำบุรีรัมย์ 10 คน 3-2 เถลิงแชมป์ 2 สมัยซ้อน

ศึกฟุตบอลแชมป์ชนแชมป์ ไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนส์ คัพ 2022/23 ปีนี้ได้โยกมาจัดที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา โดยคู่ชิงในวันนี้เป็นการพบกันของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทริปเปิ้ลแชมป์ 3 ถ้วยเมื่อฤดูกาลที่ผ่าน กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เป็นรองแชมป์ในลีก ส่วนผังการเล่นในวันนี้ ทั้ง 2 ทีมต่างมาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน

        การแข่งขันเริ่มต้นไปได้เพียง 6 นาที บีจี ปทุม ชิงนำก่อน 0-1 จากการสวนขึ้นมา แล้ว ปฐมพล เลือกยิงไกลจากนอกกรอบ ซึ่งเป็นการยิงที่ดี ส่วนแล้วรับบุรีรัมย์ไม่ถึงขั้นผิดพลาด แต่ป้องกันได้ดีไม่สุด จากนั้นรูปเกมกลายเป็นบุรีรัมย์ ที่ต้องพยายามตั้งเกม ซึ่งเกือบจากได้ฟรีคลิกที่แนวรับบีจี ปทุม ประกบหลวม ขณะที่ลูก open play เซตขึ้นมาและเข้าแดนสุดท้ายแบบนานๆที กระทั่งนาทีที่ 34 บุรีรัมย์มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 โดยลูกนี้ต้องชมคนเปิดที่โยกแล้วเปิดได้ถูกจังหวะ ขณะที่คนโหม่งอย่างโบรินกี้ ก็ขยับหาพื้นที่ได้ดี

        การมีประตูตีเสมอเกิดขึ้นก่อนจบครึ่งแรก ทำให้ทั้ง 2 ทีมต่างเปิดหน้าแลกใส่กัน จนในนาทีที่ 37 บีจี ปทุม ออกนำ 1-2 อีกครั้ง จากการเปิดบอลเข้าไปตรงกรอบเขตโทษ แล้ว อิคซาน เลือกโหม่งแล้วบอลพุ่งเช็คเสาเข้าไปแบบสุดสวย จากนั้น บุรีรัมย์ พยายามจะเอาคืนและเกือบได้ แต่ถูก VAR ริบคืนเพราะล้ำหน้า

ครึ่งหลัง บุรีรัมย์ มาเจอจุดเปลี่ยนใหญ่ คือ การโดนไล่ออกแข้งต่างชาติตัวใหม่ ซึ่งเสียบหนักและไม่ถึงบอล จากนั้นในจังหวะถัดมา บีจี ปทุม ฉวยโอกาสนี้ยิงเพิ่มเป็น 1-3 จาก วรชิต ที่ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ แต่ไม่มีตัวที่จะจ่ายได้ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวเลือกลากหลบและดึงจังหวะก่อนยิงเข้าไป แถมในรูปเกมในตอนนั้น กระต่ายแก้วก็เกือบจะยิงทิ้งห่างเป็น 1-4 เหมือนกัน ถ้าไม่ชนเสาและคานเสียก่อน กระทั่งท้ายเกม บุรีรัมย์ ที่ดูจะเสียรูปขบวนไป ก็มาได้ประตูตีตื้น 2-3 จากจุดโทษ นั่นจึงทำให้ปราสาทสายฟ้าพยายามจะโหมช่วงท้ายอีกหน แต่เจาะไม่ถึงและเกือบโดนยิงเพิ่ม ทำให้เกมนี้จบลงด้วยชัยชนะของ  บีจี ปทุม 2-3

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจองานลำบากตั้งแต่เสียประตูแรกเร็ว จนต้องเร่งและได้ประตูตีเสมอ แต่ก็มิวายที่จะเสียคืนในทันที กระทั่งการมาเหลือ 10 แล้วโดนยิงทิ้งห่างเป็น 1-3 มันก็ทำให้เกมแทบจะจบในทันที ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขุมกำลังค่อนข้างลงตัวแต่ก็ยังมีตำหนิ ไล่ตั้งแต่เกมรับที่พลาดลูกอากาศให้เห็น กับการเข้าทำในแดนสุดท้ายที่ยังไม่ค่อยเห็นรูปแบบเท่าไร แต่วันนี้ยิงได้เพราะจังหวะทุกอย่างลงล็อคและนักเตะยิงได้เฉียบคม     

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“เก่งเล็ก แต่กระดูกยังไม่ถึง”

สรุปผลงาน สมุทรปราการ ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

สมุทรปราการ ซิตี้ ในเลกแรก มีช่วงที่เซอร์ไพรส์กับการขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ทั้งๆที่ก่อนเริ่มฤดูกาล พวกเขาปล่อยตัวผู้เล่นหลักออกไปเยอะ ก่อนที่สถานการณ์ต่างๆจะเลวร้ายลง เริ่มจากการบาดเจ็บยาวของ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แล้วตามด้วยการอำลาทีมแบบสุดช็อคของ อิชิอิ ที่เลือกย้ายไปคุม บุรีรัมย์ ซึ่งมีศักดิ์ ศรี และชาติตระกูลที่สูงกว่า นั่นจึงทำให้สถานการณ์ของเขี้ยวสมุทรค่อนข้างระส่ำ เพราะผลงานก็ดรอป แถมกุนซือที่คิดว่าจะเป็นของตาย ก็เลือกตัดสินใจด่วนแบบนี้  

      สมุทรปราการ ซิตี้ ยังคงยึดแนวทางเจแปนนิสสไตล์ด้วยการดึง โยชิดะ กุนซือผู้มากประสบการณ์จากญี่ปุ่น ซึ่งเคยฝากผลงานชิ้นเอกเมื่อครั้งยังทำงานที่ อุราวะ เร้ดไดม่อน พร้อมกันนั้นยังได้เสริมตัวต่างชาติอย่าง ซามูเอล โรซ่า จากบุรีรัมย์ เข้ามาแทน เอลิอันโด ในตำแหน่งแนวรุก ซึ่งตรงนี้น่าจะเพียงพอต่อการประคองตัวให้อยู่รอดของเขี้ยวสมุทร

การคุมทีมของโยชิดะ สมุทรปราการเล่นดีมีทรงและมีทีมเวิรค์พอสมควร แต่ปัญหาคือเกมรุกไม่มีไอเดีย หรือรูปแบบการเข้าทำที่เป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้ผลงานมักลงเอยด้วย 0 และ 1 แต้ม ซึ่งเป็นอย่างนี้อยู่ 7 นัดติดต่อกัน จนอันดับร่วงลงมาในโซนแดง กระทั่งชัยชนะนัดแรกของเลก 2 มาเกิดขึ้นในเกมที่ไม่น่าเป็นไปได้ นั่นคือการบุกชนะ การท่าเรือ แบบคาบ้าน 0-2 กระนั้นโมเมนตัมก็ไม่ได้เหวี่ยงพวกเขา เพราะผลงานก็กลับไปอยู่ในวังวนเดิม คือ 1 ไม่ก็ 0 แต้ม สุดท้ายการตกชั้นแทบถามหา แต่พวกเขาไม่ยอมจำนนเมื่อบุกชนะ สุพรรณบุรี และเปิดบ้านชนะ ขอนแก่น ซึ่ง 6 แต้มในโค้งสุดท้าย มันเป็นการปลุกเขี้ยวสมุทรให้ลุกขึ้นสู้ฮึดสุดท้าย แต่แล้วในนัดปิดฤดูกาลกับ ลีโอ เชียงราย สมุทรปราการ สร้างปาฏิหาริย์ไม่สำเร็จ เพราะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 1-2

      การตกชั้นลงไปสู่ไทยลีก 2 ของ สมุทรปราการ มองมุมหนึ่งเหมือนน่าใจหาย หากดูจากอันดับที่เคยขึ้นไปถึงจ่าฝูง แต่หากมองจากสภาพทีมในเลกที่ 2 เพียงอย่างเดียว มันก็ต้องยอมรับว่านักเตะหลายคนมีความสามารถ แต่เมื่อต้องทำเกมรุกเพื่อทะลายตาข่ายของคู่แข่ง ขุนพลเขี้ยวสมุทรไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ นอกจากนี้การขาดผู้นำอย่าง เจริญศักดิ์ ก็ถือเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ทีมไร้แรงขับเคลื่อน ดังจะเห็นได้จากช่วงท้ายซีซั่นที่เจ้าตัวกลับมาลงสนาม แล้วสามารถเก็บแต้มได้เป็นกอบกำ ฉะนั้นหากเจ้าตัวไม่เจ็บยาวหรือกลับมาไวกว่านี้ ทีมอาจจะไม่ตกชั้นก็เป็นได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“องค์ประกอบไม่ดี เกือบเอาตัวไม่รอด”

สรุปผลงาน ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

นับตั้งแต่ ราชชันมังกร ก้าวขึ้นสู่ไทยลีก 1 เมื่อฤดูกาล 2013 ปีที่แล้วถือเป็นจุดสูงสุดของสโมสรกับการไปลุย ACL รอบแบ่งกลุ่ม จากการจบอันดับ 4 ในเลกแรกของฤดูกาล 2020/21 แต่เหตุไฉนในเลกแรกของฤดูกาลนี้ ราชันมังกรกลับแปลงร่างเป็นงูดิน กับผลงานสุดดำดิ่งจนจ่อพื้นที่โซนแดง

      ในช่วงที่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีฟอร์มอันโหดเหี้ยม ตัวแปรที่สำคัญคงหนีไม่พ้นการมี 3 ประสานตัวรุกชาวต่างชาติอย่าง ล็องจิล, คาราบูเอ้ และ โบลี่ แต่เมื่อ 2 รายหลังมีอันต้องย้ายทีมไป ราชันมังกรกลับไม่สามารถหาตัวแทนได้ ดังจะเห็นได้จาก 6 เกมใน ACL ที่ประสิทธิภาพการทำประตูไม่มีความอันตรายอีกแล้ว จนเมื่อเกมลีกเริ่มออกสตาร์ท การได้ แดร์เลย์ อาจเป็นดีลที่ดี แต่ปัญหาใหญ่ คือ กองกลางที่ไม่สามารถคุมจังหวะ คุมเกม และแจกจ่ายบอลไปให้แนวรุกได้ กระทั่งหน้าเป้าต้องรับบอลจากด้านข้างหรือบอลจังหวะเก็บตกเป็นหลัก ส่วนในแผงกองหลัง การจับคู่กับของ ปวีร์ และ ปวีณวัช ถือเป็นหายนะของทีมอย่างแท้จริง เพราะทั้ง 2 ต่างเชื่องช้าตามหุ่นที่ปรากฏ อีกทั้งยังเฟอะฟะผิดพลาดง่ายๆ กลับกันมันเป็นการแจ้งเกิดแก่ กัมพล ที่ต้องออกแรงเซฟช่วยทีมเกือบทุกนัด

ทันทีที่ออกสตาร์ทเลก 2 ราชบุรี ปรับเปลี่ยนผู้เล่นเพียงเล็กน้อย และตัวกุนซือใหญ่ยังเป็น สมชาย ไม้วิลัย ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่ากังวล เพราะสภาพทีมไม่มีความสมบูรณ์ อีกทั้งอันดับก็ไม่ห่างจากโซนแดง กระทั่งหลังเกมที่เปิดบ้านพ่าย เมืองทอง ในสภาพที่ทีมเยือนมีผู้เล่นติดโควิดค่อนทีม มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้บอร์ดบริหาร ต้องทำปรับตำแหน่งกุนซือ ด้วยการไปดึง บรูโน เปไรร่า กุนซือชาวโปรตุเกส เข้ามาคุมทีม โดยในช่วง 5 นัดแรกในลีก เก็บแต้มมากขึ้น พ่ายแพ้น้อยลง ทำให้อันดับขยับมาอยู่กลางตาราง แต่เมื่อหมดช่วงโปรโมชั่น ผลงานของ ราชันมังกร ก็กลับมาเหมือนเดิม กระนั้นด้วยบุญเก่าที่เก็บสะสมมา มันก็ช่วยให้พวกเขาจบเหนือโซนแดง 6 แต้ม

      การจบอันดับ 12 ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี คงไม่ต้องสืบว่าหลุดจากเป้าหมายไปมากขนาดไหน โดยปัจจัยที่นำมาสู่ฤดูกาลอันแสนสาหัสนี้ คงจะไล่ตั้งแต่การเสริมตัวต่างชาติในแนวรุกที่ทนแทนตัวเก่าไม่ได้ การมีเกมรับเป็นจุดอ่อนและไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายการเปลี่ยนโค้ช คือ ไพ่สุดท้ายที่ ราชันมังกร ใช้ แล้วยังดีที่มันได้ผลอยู่บ้าง มิเช่นนั้นพวกเขามีสิทธิร่วงลงไปลีกรองเป็นแน่

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

รีวิวโปรแกรมรีโว่ไทยลีก

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 นัดที่ 5 (คู่วันอาทิตย์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 นัดที่ 5 ของฤดูกาล ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ถือว่าเป็นวันของทีมใหญ่ที่จะลงสนามเพื่อไล่ล่าคว้า 3 แต้ม แต่ทางกลับกันทีมเล็กที่ผลงานไม่ดี ก็หวังที่จะหยิบแต้มมาให้ได้เช่นกัน ฉะนั้นคู่ไหนว่าแน่ คู่ไหนมีสิทธิ์พลิก นับจากนี้เราจะมารีวิวกัน

ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ ลำปาง เอฟซี (วันอาทิตย์, 17.30 น.) ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก

      เชียงรายเปิดหัวฤดูกาลนี้อย่างสวยหรูด้วย 9 แต้มเต็มจาก 3 นัด แต่นัดล่าสุดมีอันต้องเสียซิงค์ประเดิมพ่ายแก่ พีที ประจวบ ตรงข้ามกับทางฝั่งลำปาง ที่การออกสตาร์ท 2 นัดแรกดูเหมือนจะมาดี แต่ใน 2 นัดหลัง คงได้ลิ้มรสชาติลีกสูงสุดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ฉะนั้นการเล่นที่บ้านของเชียงราย พวกเขาได้เปรียบทุกอย่างและน่าจะเฉือนชนะผู้มาเยือนได้แบบไม่มีปัญหา  

ราชบุรี เอฟซี พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี (วันอาทิตย์, 18.00 น.)

      ราชบุรีกลับมาในปีนี้ได้ไฉไลกว่าเดิม เพราะนอกจากจะไม่แพ้ใคร ก็ยังไม่เสียประตูให้ใครอีกด้วย ขณะที่ โปลิศ เทโร มีเกมตกค้าง 2 นัด แต่จากโปรแกรมที่ลงเตะไปแล้วถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะพวกเขาพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัด ฉะนั้นหากเทียบฟอร์มกันแล้ว ราชันมังกรเหนือกว่าชัดเจนและจะคว้าชัยได้แบบสบายๆ   

สุโขทัย เอฟซี พบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (วันอาทิตย์, 18.00 น.)

      ถึงนาทีคงต้องยอมรับกันตรงๆว่า สุโขทัย ที่พึ่งกลับขึ้นมานั้น ศักยภาพยังห่างไกลจากทีมอื่นๆในลีกสูงพอสมควร ทำให้ไม่แปลกนักที่ผลงานจะไม่ดี ต่างจาก ทรู แบงค็อก ที่การออกสตาร์ทสวยหรูแบบนี้ทุกปีเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นแม้ว่าแข้งเทพจะบุกไปเยือน ก็จะไม่มีปัญหาสำหรับการเก็บ 3 แต้ม อีกทั้งการยิงประตูมากกว่า  1 ลูก ก็น่าจะมีให้เห็น    

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด (วันอาทิตย์, 19.00 น.) ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก

      บุรีรัมย์ นัดที่แล้วเกือบไม่รอด กับการไล่ตีเสมอ บีจี ปทุม 2-2 แบบมีดราม่า ซึ่งการเก็บ 1 แต้มทำให้พวกเขาเกาะกลุ่มหัวตารางก็จริง แต่จากฟอร์มการเล่นที่มักเสียประตูทุกนัด ก็ได้กลายเป็นปัญหาที่อิชิอิ ต้องแก้ ส่วนทางฝั่งเมืองทอง มาตรฐานของทีมค่อนข้างตกลง โดยเฉพาะการขาดพ็อพพ์ ที่เห็นได้ชัดถึงศักยภาพในเกมรุกที่มลายหายไป พร้อมกับการยิงประตูคู่แข่งที่ยากขึ้น ฉะนั้นการเล่นที่ช้างอารีน่าในครั้งนี้ ปราสาทสายฟ้าน่าจะกินผู้มาเยือนแบบนิ่มๆได้  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“องค์ประกอบไม่ดี เกือบเอาตัวไม่รอด”

สรุปผลงาน ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

นับตั้งแต่ ราชบุรี ก้าวขึ้นสู่ไทยลีก 1 เมื่อฤดูกาล 2013 ปีที่แล้วถือเป็นจุดสูงสุดของสโมสรกับการไปลุย ACL รอบแบ่งกลุ่ม จากการจบอันดับ 4 ในเลกแรกของฤดูกาล 2020/21 แต่เหตุไฉนในเลกแรกของฤดูกาลนี้ ราชันมังกรกลับแปลงร่างเป็นงูดิน กับผลงานสุดดำดิ่งจนจ่อพื้นที่โซนแดง

      ในช่วงที่ ราชบุรี มีฟอร์มอันโหดเหี้ยม ตัวแปรที่สำคัญคงหนีไม่พ้นการมี 3 ประสานตัวรุกชาวต่างชาติอย่าง ล็องจิล, คาราบูเอ้ และ โบลี่ แต่เมื่อ 2 รายหลังมีอันต้องย้ายทีมไป ราชันมังกรกลับไม่สามารถหาตัวแทนได้ ดังจะเห็นได้จาก 6 เกมใน ACL ที่ประสิทธิภาพการทำประตูไม่มีความอันตรายอีกแล้ว จนเมื่อเกมลีกเริ่มออกสตาร์ท การได้ แดร์เลย์ อาจเป็นดีลที่ดี แต่ปัญหาใหญ่ คือ กองกลางที่ไม่สามารถคุมจังหวะ คุมเกม และแจกจ่ายบอลไปให้แนวรุกได้ กระทั่งหน้าเป้าต้องรับบอลจากด้านข้างหรือบอลจังหวะเก็บตกเป็นหลัก ส่วนในแผงกองหลัง การจับคู่กับของ ปวีร์ และ ปวีณวัช ถือเป็นหายนะของทีมอย่างแท้จริง เพราะทั้ง 2 ต่างเชื่องช้าตามหุ่นที่ปรากฏ อีกทั้งยังเฟอะฟะผิดพลาดง่ายๆ กลับกันมันเป็นการแจ้งเกิดแก่ กัมพล ที่ต้องออกแรงเซฟช่วยทีมเกือบทุกนัด

ทันทีที่ออกสตาร์ทเลก 2 ราชบุรี ปรับเปลี่ยนผู้เล่นเพียงเล็กน้อย และตัวกุนซือใหญ่ยังเป็น สมชาย ไม้วิลัย ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่ากังวล เพราะสภาพทีมไม่มีความสมบูรณ์ อีกทั้งอันดับก็ไม่ห่างจากโซนแดง กระทั่งหลังเกมที่เปิดบ้านพ่าย เมืองทอง ในสภาพที่ทีมเยือนมีผู้เล่นติดโควิดค่อนทีม มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้บอร์ดบริหาร ต้องทำปรับตำแหน่งกุนซือ ด้วยการไปดึง บรูโน เปไรร่า กุนซือชาวโปรตุเกส เข้ามาคุมทีม โดยในช่วง 5 นัดแรกในลีก เก็บแต้มมากขึ้น พ่ายแพ้น้อยลง ทำให้อันดับขยับมาอยู่กลางตาราง แต่เมื่อหมดช่วงโปรโมชั่น ผลงานของราชันมังกรก็กลับมาเหมือนเดิม กระนั้นด้วยบุญเก่าที่เก็บสะสมมา มันก็ช่วยให้พวกเขาจบเหนือโซนแดง 6 แต้ม

      การจบอันดับ 12 ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี คงไม่ต้องสืบว่าหลุดจากเป้าหมายไปมากขนาดไหน โดยปัจจัยที่นำมาสู่ฤดูกาลอันแสนสาหัสนี้ คงจะไล่ตั้งแต่การเสริมตัวต่างชาติในแนวรุกที่ทนแทนตัวเก่าไม่ได้ การมีเกมรับเป็นจุดอ่อนและไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายการเปลี่ยนโค้ช คือ ไพ่สุดท้ายที่ราชันมังกรใช้ แล้วยังดีที่มันได้ผลอยู่บ้าง มิเช่นนั้นพวกเขามีสิทธิร่วงลงไปลีกรองเป็นแน่

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover