Categories
ข่าวกีฬา

รีวิวโปรแกรมรีโว่ไทยลีก

ฤดูกาล 2022/23 นัดที่ 5 (คู่วันอาทิตย์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 นัดที่ 5 ของฤดูกาล ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ถือว่าเป็นวันของทีมใหญ่ที่จะลงสนามเพื่อไล่ล่าคว้า 3 แต้ม แต่ทางกลับกันทีมเล็กที่ผลงานไม่ดี ก็หวังที่จะหยิบแต้มมาให้ได้เช่นกัน ฉะนั้นคู่ไหนว่าแน่ คู่ไหนมีสิทธิ์พลิก นับจากนี้เราจะมารีวิวกัน

ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ ลำปาง เอฟซี (วันอาทิตย์, 17.30 น.)

      เชียงรายเปิดหัวฤดูกาลนี้อย่างสวยหรูด้วย 9 แต้มเต็มจาก 3 นัด แต่นัดล่าสุดมีอันต้องเสียซิงค์ประเดิมพ่ายแก่ พีที ประจวบ ตรงข้ามกับทางฝั่งลำปาง ที่การออกสตาร์ท 2 นัดแรกดูเหมือนจะมาดี แต่ใน 2 นัดหลัง คงได้ลิ้มรสชาติลีกสูงสุดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ฉะนั้นการเล่นที่บ้านของเชียงราย พวกเขาได้เปรียบทุกอย่างและน่าจะเฉือนชนะผู้มาเยือนได้แบบไม่มีปัญหา  

ราชบุรี เอฟซี พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี (วันอาทิตย์, 18.00 น.)

      ราชบุรีกลับมาในปีนี้ได้ไฉไลกว่าเดิม เพราะนอกจากจะไม่แพ้ใคร ก็ยังไม่เสียประตูให้ใครอีกด้วย ขณะที่ โปลิศ เทโร มีเกมตกค้าง 2 นัด แต่จากโปรแกรมที่ลงเตะไปแล้วถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะพวกเขาพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัด ฉะนั้นหากเทียบฟอร์มกันแล้ว ราชันมังกรเหนือกว่าชัดเจนและจะคว้าชัยได้แบบสบายๆ   

สุโขทัย เอฟซี พบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (วันอาทิตย์, 18.00 น.)

      ถึงนาทีคงต้องยอมรับกันตรงๆว่า สุโขทัย ที่พึ่งกลับขึ้นมานั้น ศักยภาพยังห่างไกลจากทีมอื่นๆในลีกสูงพอสมควร ทำให้ไม่แปลกนักที่ผลงานจะไม่ดี ต่างจาก ทรู แบงค็อก ที่การออกสตาร์ทสวยหรูแบบนี้ทุกปีเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นแม้ว่าแข้งเทพจะบุกไปเยือน ก็จะไม่มีปัญหาสำหรับการเก็บ 3 แต้ม อีกทั้งการยิงประตูมากกว่า  1 ลูก ก็น่าจะมีให้เห็น    

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด (วันอาทิตย์, 19.00 น.)

      บุรีรัมย์ นัดที่แล้วเกือบไม่รอด กับการไล่ตีเสมอ บีจี ปทุม 2-2 แบบมีดราม่า ซึ่งการเก็บ 1 แต้มทำให้พวกเขาเกาะกลุ่มหัวตารางก็จริง แต่จากฟอร์มการเล่นที่มักเสียประตูทุกนัด ก็ได้กลายเป็นปัญหาที่อิชิอิ ต้องแก้ ส่วนทางฝั่งเมืองทอง มาตรฐานของทีมค่อนข้างตกลง ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีกโดยเฉพาะการขาดพ็อพพ์ ที่เห็นได้ชัดถึงศักยภาพในเกมรุกที่มลายหายไป พร้อมกับการยิงประตูคู่แข่งที่ยากขึ้น ฉะนั้นการเล่นที่ช้างอารีน่าในครั้งนี้ ปราสาทสายฟ้าน่าจะกินผู้มาเยือนแบบนิ่มๆได้  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“เก่งเล็ก แต่กระดูกยังไม่ถึง”

สรุปผลงาน สมุทรปราการ ซิตี้ ในเลกที่ 2 ฤดูกาล 2021/22

สมุทรปราการ ซิตี้ ในเลกแรก มีช่วงที่เซอร์ไพรส์กับการขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ทั้งๆที่ก่อนเริ่มฤดูกาล พวกเขาปล่อยตัวผู้เล่นหลักออกไปเยอะ ก่อนที่สถานการณ์ต่างๆจะเลวร้ายลง เริ่มจากการบาดเจ็บยาวของ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แล้วตามด้วยการอำลาทีมแบบสุดช็อคของ อิชิอิ ที่เลือกย้ายไปคุม บุรีรัมย์ ซึ่งมีศักดิ์ ศรี และชาติตระกูลที่สูงกว่า นั่นจึงทำให้สถานการณ์ของเขี้ยวสมุทรค่อนข้างระส่ำ เพราะผลงานก็ดรอป แถมกุนซือที่คิดว่าจะเป็นของตาย ก็เลือกตัดสินใจด่วนแบบนี้  

      สมุทรปราการ ยังคงยึดแนวทางเจแปนนิสสไตล์ด้วยการดึง โยชิดะ กุนซือผู้มากประสบการณ์จากญี่ปุ่น ซึ่งเคยฝากผลงานชิ้นเอกเมื่อครั้งยังทำงานที่ อุราวะ เร้ดไดม่อน พร้อมกันนั้นยังได้เสริมตัวต่างชาติอย่าง ซามูเอล โรซ่า จากบุรีรัมย์ เข้ามาแทน เอลิอันโด ในตำแหน่งแนวรุก ซึ่งตรงนี้น่าจะเพียงพอต่อการประคองตัวให้อยู่รอดของเขี้ยวสมุทร

การคุมทีมของโยชิดะ สมุทรปราการเล่นดีมีทรงและมีทีมเวิรค์พอสมควร แต่ปัญหาคือเกมรุกไม่มีไอเดีย หรือรูปแบบการเข้าทำที่เป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้ผลงานมักลงเอยด้วย 0 และ 1 แต้ม ซึ่งเป็นอย่างนี้อยู่ 7 นัดติดต่อกัน จนอันดับร่วงลงมาในโซนแดง กระทั่งชัยชนะนัดแรกของเลก 2 มาเกิดขึ้นในเกมที่ไม่น่าเป็นไปได้ นั่นคือการบุกชนะ การท่าเรือ แบบคาบ้าน 0-2 กระนั้นโมเมนตัมก็ไม่ได้เหวี่ยงพวกเขา เพราะผลงานก็กลับไปอยู่ในวังวนเดิม คือ 1 ไม่ก็ 0 แต้ม สุดท้ายการตกชั้นแทบถามหา แต่พวกเขาไม่ยอมจำนนเมื่อบุกชนะ สุพรรณบุรี และเปิดบ้านชนะ ขอนแก่น ซึ่ง 6 แต้มในโค้งสุดท้าย มันเป็นการปลุกเขี้ยวสมุทรให้ลุกขึ้นสู้ฮึดสุดท้าย แต่แล้วในนัดปิดฤดูกาลกับ ลีโอ เชียงราย สมุทรปราการ สร้างปาฏิหาริย์ไม่สำเร็จ เพราะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 1-2

      การตกชั้นลงไปสู่ไทยลีก 2 ของ สมุทรปราการ มองมุมหนึ่งเหมือนน่าใจหาย หากดูจากอันดับที่เคยขึ้นไปถึงจ่าฝูง แต่หากมองจากสภาพทีมในเลกที่ 2 เพียงอย่างเดียว มันก็ต้องยอมรับว่านักเตะหลายคนมีความสามารถ แต่เมื่อต้องทำเกมรุกเพื่อทะลายตาข่ายของคู่แข่ง ขุนพลเขี้ยวสมุทรไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ นอกจากนี้การขาดผู้นำอย่าง เจริญศักดิ์ ก็ถือเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ทีมไร้แรงขับเคลื่อน ดังจะเห็นได้จากช่วงท้ายซีซั่นที่เจ้าตัวกลับมาลงสนาม แล้วสามารถเก็บแต้มได้เป็นกอบกำ ฉะนั้นหากเจ้าตัวไม่เจ็บยาวหรือกลับมาไวกว่านี้ ทีมอาจจะไม่ตกชั้นก็เป็นได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“กระต่ายยิงรัวส่งท้าย”

บีจี ปทุม ไม่ผ่อนคันเร่ง ถล่ม ชลบุรี ส่งท้าย 4-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาล ณ สนามปทุมธานี สเตเดี้ยม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่การันตีอันดับ 2 จะต้องพบกับ ชลบุรี เอฟซี ที่ต้องการจบซีซั่นแบบสวยๆ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 แบบผสมตัวสำรอง ส่วนทีมเยือนวาง 4-2-3-1 โดยให้โอกาสบางคนที่ไม่ค่อยได้ลงเช่นกัน

บีจี ปทุม เริ่มเกมด้วยการเคาะบอลจากหน้าบ้านตัวเอง แล้วเข้าไปในแดนคู่แข่งแบบไม่จ่ายขวางพร่ำเพื่อ ก่อนที่ผู้เล่นทางริมเส้นจะอาศัยการเลี้ยงจี้เลี้ยงตัดแล้วยิง จนเกือบได้ประตู ขณะเดียวเดียวกัน ชลบุรี ต้องแพ็คเกมรับตั้งแต่แดน 3 แต่ก็รับมือไม่อยู่ กระนั้นประตูนำ 1-0 ของเจ้าถิ่น มาจากความผิดของ เอลสตรอง ที่สื่อสื่อกับ ทัดพิชา ไม่เคลียร์ สุดท้ายกลายเป็นโขกเข้าประตูตัวเองแบบสุดสวย

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม ควรได้ประตูนำ 2-0 อย่างยิ่ง เพราะการต่อขึ้นมาแบบสุดสวย มันเป็นผลให้ทีมเยือนไล่เพรสไม่เจอบอล แต่การจบสกอร์ของ เจนรบ นับว่าผิดหวัง กลับกันพอเป็นคราวของ ชลบุรี พวกเขาสามารถตีเสมอ 1-1 จากการแทงบอลที่ไม่น่ามีปัญหา แต่ ประสิทธิ์ จับจังหวะบอลผิด กระทั่งเด้งขาตัวเองแล้ว คานยุบ ได้ล่อเป้าง่ายๆ อย่างไรเสีย บีจี ปทุม ไม่เสียอาการและยังเดินหน้าต่อได้ แล้วใช้เวลาไม่นานก็ยิงขึ้นนำ 2-1 จากการเคาะขึ้นมาและหนีเพรสซิ่งฝ่ายตรงข้ามไปที่ฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลย้อนมาหน้ากรอบให้ พีรพงษ์ ยิงเสียบหน้าต่างเสาไกล จากนั้นเหมือนสกอร์ไหล เพราะประตู 3-1 มีลักษณะคล้ายๆประตูที่ 2 แต่ในจังหวะสุดท้ายมีการฟาวล์ในกรอบ การทำประตูจึงมาจากจุดโทษ ส่วนประตู 4-1 เป็นการขึง แล้ววางข้ามไลน์ ดิโอโก้ให้ เบียดชนะเหลี่ยม เคลิช เข้าไปล่อตาข่าย

      บทสรุปจากเกม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เล่นได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะการเซตขึ้นมาแบบไม่มีจ่ายเสียง่ายๆ อีกทั้งมันยังช่วยให้การเพรสซิ่งบริเวณแดนกลาง สามารถพานบอลไปถึงแดนหน้า กระทั่งยิงประตูได้แบบมากมาย  ส่วนเกมรับก็ไม่มีปัญหา นอกเสียจากความผิดพลาดส่วนบุคคที่ทำให้เสียประตู ขณะที่ ชลบุรี เอฟซี ไม่ถึงกับฟอร์มแย่ แต่คุณภาพสู้เจ้าถิ่นไม่ได้ ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากความพยายามที่จะเพรสซิ่งกลางสนาม เพื่อให้บอลไม่หลุดเข้าไปในแดนอันตราย แต่ยิ่งไล่เท่าไรก็ไล่บอลไม่จนมุมและต้องวิ่งหน้าตั้งกลับมาหน้าประตู สุดท้ายจึงต้านไม่อยู่และต้องพ่ายแพ้ไป

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“แดร์เลย์ เบิ้ล 2”

ราชบุรี  ได้ แดร์เลย์ยิงเบิ้ล เฉือน ขอนแก่น 2-1 ปิดท้ายซีซั่น  

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาล ณ สนามิตรผล สเตเดี้ยม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ไม่มีอะไรต้องกังวล วันนี้จึงทำการส่งชื่อ โตโน่ ภาคิน ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง จะต้องพบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ไม่มีอะไรต้องกังวลเช่นกัน ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 ขณะที่ทีมเยือนเป็น 3-5-2

      การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ราชบุรี มิตรผล ใช้บอลด้านข้างกดดันได้ดี แต่ยังขาดโอกาสยิง กลับกัน ขอนแก่น มีแค่ เมโล่ ที่คอยเลี้ยงฝ่าคนเดียว แต่พวกเขาได้ประตูนำ 0-1 จากฟรีคลิกที่เปิดแล้วเหมือนน้ำหนักเบา แต่มันกลายเป็นดีที่ตัวแรกได้เข้าชาร์ต กระนั้นก็ต้องโทษแนวรับที่ประกบไม่ดี และ อุกฤษณ์ ที่เลือกขยับออกมาจนหมดสิทธิ์เซฟ จากนั้นกลายเป็นจงอางผยองที่ดูดีกว่า แต่ยังติดแนวรับเจ้าบ้านเท่านั้น อย่างไรเสียด้วยความยอดเยี่ยมของ แดร์เลย์ ที่โยนบอลใส่ แล้วตัวเองโดนประชิด แต่ก็ยังเบียดและยิงบอลเข้าจากมุมแคบเข้าเสาไกล ตีเสมอเป็น 1-1 แบบที่ราชันมังกรไม่ได้เหนือกว่า และแทบจะไม่มีโอกาส   

ครึ่งหลัง ขอนแก่น พยายามโจมตีด้วยบอลด้านข้าง แต่ก็ยังเหมือนช่วงท้ายครึ่งแรก คือ ยังไม่ได้ยิงแบบเหน่งๆ กลับกันพอเป็น ราชบุรี ที่ได้บุกบ้าง กลับได้ประตูนำ 2-1 จากเปิดเข้าหัว แดร์เลย์ ซึ่งโหม่งไปชนเสา แต่เหลี่ยมบอลไปโดนเท้า ยศพล เด้งเข้าประตูไป แล้วจากนั้นราชมังกรก็เลือกที่จะปิดเกม

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีช่วงที่เล่นดีกว่าคู่แข่ง คือ ช่วงต้นเกม แต่พอเสียประตูแรก รูปเกมก็เป็นรองมาตลอด กระนั้นยังดีที่ แดร์เลย์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมนี้ กับการวางใส่เจ้าตัวเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ได้ประตูถึง 2 ลูก กระทั่งเป็นผลให้ราชันมังกรคว้า 3 แต้ม เป็นการส่งท้าย ส่วนทางฝั่ง ขอนแก่น ยูไนเต็ด เกมนี้มาแบบรัดกุม จนเมื่อได้ประตูนำ 0-1 นักเตะเริ่มมั่นใจและกล้าจะสู้กับเจ้าบ้านแบบไม่เกรงกลัว แต่ในเรื่องของจังหวะพวกเขาแพ้เจ้าถิ่น โดยประตูแรกที่เสียป้องกันแบบแนบสนิทแล้ว กระนั้นก็ยังเอาไม่อยู่ ส่วนประตูที่ 2 เหลี่ยมบอลไม่เป็นใจให้ เพราะมันชนเสาแล้วมาเด้งโดนเท้าพอดี ส่วนเกมรุกที่ได้เห็นในวันนี้ จงอางผยองเน้นการโจมตีทางริมเส้นด้วยโยนป้อนให้หน้าเป้า ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับขอนแก่น ที่มักโจมตีด้วยฝากบอลหรือแทงทะลุช่องให้แนวรุก

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“แข้งเทพโหดส่งท้าย”

บียู ทำเสียแบบงงๆ ก่อนไล่ถล่ม เชียงใหม่ 4-2      

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาล ณ สนามธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่การันตีอันดับ 3 เป็นที่แน่นอนแล้ว จะต้องพบกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่ได้ลงเล่นเกมส่งท้าย ก่อนลงไปสู่ไทยลีก 2 ในฤดูกาลหน้า ฉะนั้นเกมนัดนี้ไม่มีกดดันใดๆต่อทั้ง 2 ทีม ส่วนผังการเล่นที่ทั้งคู่วางมา เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 ขณะที่ทีมเยือนเป็น 3-4-3

ด้วยความที่ทั้ง 2 ทีม ไม่มีความกดดันใดๆ ทำให้รูปเกมช่วงครึ่งชั่วโมงแรกเป็นไปอย่างน่าเบื่อ กระนั้นโอกาสแรกของเกมเป็นทางฝั่งเชียงใหม่ ที่ได้ส้มหล่นจากเจ้าบ้านที่สกัดไม่ดี แต่นักเตะช้างเผือกยิงไม่คมเอง จากนั้นเมื่อเข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย ทรู แบงค็อก เริ่มตั้งเกมและขึงบุก จนแนวรับทีมเยือนต้องบ็อคพื้นที่กรอบเขตโทษ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดพ้นที่จะเสียประตู 1-0 จากลูกโหม่งเตะมุมของเอฟเวอร์ตัน ที่กระโดดโขกแบบเต็มแรงและได้ทิศทาง

ครึ่งหลัง เชียงใหม่ ได้ลูกตีเสมอ 1-1 จากความผิดพลาดของ มิก้า ที่สกัดแล้วกลายเป็นพุ่งเสียบเสาไกลอย่างสุดสวย กระนั้นการเสียประตูในครั้งนี้ มันได้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ บียู เร่งเครื่องแล้วได้ประตูแบบไหลมาเทมา ไล่ตั้งแต่ประตู 2-1 ที่โยกบอลไปมาจน คาร์เตอร์ ว่าง ก็จัดการโยนให้โหม่งแบบเฉือนๆ ประตู 3-1 เป็นการโต้กลับเร็ว แล้ว ชนานันท์ ตัดสินใจยิงบริเวณหัวกะโหลกด้านซ้ายแบบเฉียบคม ประตู 4-1 แนวรับทีมเยือนเปิดพื้นที่ว่างไว้ ทำให้ วานเดอร์ จัดการยิงแบบไม่เหลือซาก อย่างไรก็ดี ช้างเผือกมาได้ประตูตีตื้น 4-2 จากจุดโทษเป็นการปลอบใจ

บทสรุปจากเกม ทรู แบงค็อก เริ่มเกมแบบไม่รีบร้อน จนเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็ได้เร่งเครื่องจนได้ประตู ก่อนที่ในครึ่งหลังจะรัวหนักและได้เพิ่มอีก 3 ประตู ซึ่งหากดูจากภาพรวม ถือว่าเป็นการจบสกอร์ที่เฉียบคมและใช้โอกาสไม่เปลื้อง แต่สำหรับเกมรับยังคงเสียประตูง่าย ทั้งๆที่ไม่ถูกกดดันอะไรเลย ส่วนทางฝั่ง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด วันนี้วางเกมรับแน่นหนาตามสูตรทีมรอง จนเมื่อถูกขึงบุกใส่ก็เริ่มเห็นถึงการแพ็คป้องกันพื้นที่กรอบเขตโทษ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ส่วนในครึ่งหลัง มาตรฐานการป้องกันอ่อนกำลังลงจนโดนยิงแบบรัวๆ ขณะที่เกมรุกแทบจะไม่มีรูปการณ์เข้าทำอะไรเลย จะมีเพียงการใช้ความสามารถเฉพาะตัว อีกทั้ง 2 ประตูที่ได้มา ก็มีโชคเข้ามาช่วยแบบเต็มๆ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“แฮร์มิลตันมา อะไรก็ง่าย”

หนองบัว ปิดท้ายสวยหรู บุกถล่ม โคราช คาบ้าน 0-4 คว้าอันดับ 6

  ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาล ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ในวันนี้ได้กลับมาเล่นปิดท้ายในรังเหย้าแบบไร้ความกังวล จะต้องพบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่อยากได้ 3 แต้ม เพื่อเก็บสถิติและทำอันดับให้สูงที่สุด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 ส่วนทีมเยือนเป็น 4-4-2 พร้อมกับหวนคืนสู่สนามของ แฮร์มิลตัน

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น หนองบัว ออกสตาร์ทได้ดีกว่า อีกทั้งวันนี้เมื่อพาบอลมาถึงแดน 3 จะเน้นปาดออกไปทางซ้ายให้ จิรพันธ์ ได้ลากคัดเข้ามาเพื่อโจมตี กระนั้นประตูนำ 0-1 มาจากการปาดบอลของ แฮร์มิลตัน ออกไปทางขวา แล้วเจ้าตัววิ่งเข้ากรอบเขตโทษเพื่อรอโหม่งบอล ซึ่งมันสุดยอดตรงที่มีคนยืนล้อม 3 คน แต่เอาไม่อยู่เลย ส่วนทางฝั่ง นครราชสีมา เกมทางด้านริมเส้นแทบจะแผงฤทธิ์ไม่ออก จะมีเพียงแค่ 1-2 ครั้ง ที่ได้เปิดแล้วเกือบได้ประตู

ครึ่งหลังกลายเป็น หนองบัว ได้โชว์แบบจัดเต็ม เริ่มจากประตู 0-2 ที่แฮร์มิลตัน ได้รับและไหลย้อนให้ เลอสันต์ วิ่งมาซัด และสกอร์ไหลเป็น 0-3 เมื่อไปเตะ ทาร์เดลี่ จากข้างหลังจนได้จุดโทษ จากนั้นพญาไก่ชนก็ยังบุกอยู่เรื่อยๆ แต่โอกาสเฉี่ยวไปมา กระทั่งท้ายเกม ช่องกว้างมหาศาลที่ถูกเปิดไว้ เหล่าลูกทีมของโค้ชวังจึงจัดการกระซวกตาข่ายแบบไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ส่วนทางฝั่งโคราช 45 นาที เสียบอลง่ายจนต้องได้แต่ตั้งรับ ซึ่งการไม่ได้บอลก็เท่ากับไม่ได้บุกไปโดยปริยาย

บทสรุปจากเกม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง เพราะได้เล่นในบ้านและคู่แข่งไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่ตัวเองไม่เคยมีช่วงเวลาที่เล่นได้ดีกับการครองบอลเพื่อทำเกมบุก ซึ่งมีให้เห็นแบบเหน่งๆแค่ 1-2 ครั้งเท่า ส่วนเกมรับในครึ่งแรกไปลูกเดียว แต่พอเข้าสู้ครึ่งหลังเหมือนเขื่อนแตก เพราะเปิดพื้นที่จนโดนยิงแบบขาดลอย ส่วนทางฝั่ง หนองบัว พิชญ เอฟซี การกลับมาของ แฮร์มิลตัน ช่วยให้ทีมมีศักยภาพที่น่ากลัวขึ้น แล้วเพื่อนร่วมทีมก็มีฮึดตามด้วย ทำให้ในครึ่งแรกได้สกอร์นำตามต้องการ ขณะที่ครึ่งหลัง พอพวกเขาได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 ก็ยังเลือกที่จะบุกต่อ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสปิริตขั้นสูง เพราะแม้ว่าอันดับจะการันตีแล้ว แต่ก็ยังเล่นแบบเต็มที่อยู่

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สมหวังทั้งคู่”

เมืองทอง ได้ท็อปโฟร์ เฉือน ประจวบ ที่รอดตกชั้น 2-1     

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือเกมนัดสุดท้าย ณ สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด จะต้องลงล่าท็อปโฟร์ด้วยการพบกับ พีที ประจวบ เอฟซี ที่การบุกมาเยือนมีความกดดันเต็มบ่า เพราะหากพวกเขาแพ้ แล้ว สมุทรปราการ ชนะ มันจะเป็นต่อพิฆาตที่ต้องร่วงตกชั้น ส่วนผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบเก่ง 4-1-4-1 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 3-5-2

      ในช่วงต้นเกมต่างฝ่ายต่างเล่นแบบเน้นความปลอดภัย จนในนาทีที่ 24 เมืองทอง มาได้ประตูนำ 1-0 โดยจังหวะเปิดครั้งแรกล้น แล้ว อานิเยร์ ตามไปเก็บและจ่ายยัดให้ ซาร์เดอร์ ยิงแบบไม่มีสิทธิ์เซฟ ซึ่งในจังหวะนี้แนวรับทีมเยือนดูเหม่อลอยไปหน่อย เพราะไม่ประกบชิดและสกัดไม่เด็ดขาด จากนั้น พีที ประจวบ ต้องพยายามบุก เพราะไม่อยากรอลุ้นผลอีกคู่ แต่ด้วยความที่ตัวเองเสียบอล มันก็เข้าทางเจ้าบ้านที่ได้สวนกลับตามถนัด แต่ยังดีที่แนวรับต่อพิฆาตยังลงมาปิดพื้นที่ไว มิเช่นนั้นอาจโดนยิงเพิ่มไปแล้ว  

ครึ่งหลัง เมืองทอง บุกขึ้นมาแล้วไม่ได้ประตูเพราะบอลออกเส้นหลังก่อน จากนั้นในจังหวะต่อเนื่องได้เกิดจุดพลิกผัน พีที ประจวบ ได้จุดโทษจากแฮนด์บอล  แล้ว โมต้า สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 1-1 ซึ่งจากสกอร์ตรงนี้ ทีมเยือนค่อนข้างพอใจจึงกลับมาเล่นแบบประคอง แต่การประคองมันก็เหมือนรอโดนยิง เนื่องจาก เมืองทอง โจมตีใส่เป็นระลอก กระทั่งมาได้ประตูนำ 2-1 จากการแทงไปหน้ากรอบแล้วเหลือแค่แตะหลบ ราโอวัช ก่อนใส่สกอร์เท่านั้น ส่วนในช่วงเวลาที่เหลือราว 10 กว่านาที ต่อพิฆาตไม่เร่งเกมอีกต่อไป เพราะผลสกอร์อีกคู่เป็นใจ ทำให้เกมนี้เหลือแค่เล่นให้จบเท่านั้น

บทสรุปจากเกม เมืองทอง ยูไนเต็ด ลงเล่นเกมนี้แบบไม่มีความกดดันเท่าไร ทำให้เกมบุกเดินไปเรื่อยๆ เมื่อมีโอกาสก็เข้าทำทันที ซึ่งจะเห็นจากทั้ง 2 ประตู ที่ช่องว่างเมื่อไรโจมตีทันที ส่วนประตูที่เสียไป ถือเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคล ขณะที่ พีที ประจวบ เอฟซี วันนี้เหมือนเล่นตามมีตามเกิดและรอให้ฝนฟ้าเป็นตัวสิน เพราะการเล่นในแมตช์นี้ไม่เหมือนกับทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตาย ซึ่งมันจะเห็นได้จากเกมรับที่ยืนไม่แน่นหนาตลอด 90 นาที แล้วพอมีดวงและสกอร์เป็นใจ ก็กลับมาเล่นรับเสมือนรอโดนยิง แล้วสุดท้ายก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ กระนั้นยังดีที่ผลอีกคู่เป็นใจ มิเช่นนั้นมีสิทธิ์น้ำตาตกในไปแล้ว

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สิงห์จเด็จโดนน็อค”

เทโร ปิดท้ายซีซั่น น็อค การท่าเรือ 2-1   

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 30 หรือนัดปิดฤดูกาล ที่สนามบุญยะจินดา โปลิศ เทโร เอฟซี ที่จะได้ลงเล่นในบ้านนัดสุดท้าย วันนี้จัดชุดเต็มในระบบ 3-4-3 พบกับ การท่าเรือ เอฟซี ของโค้ชจเด็จ ที่โชว์ผลงานอย่างสวยหรูในนัดก่อน ส่วนวันนี้จัดตัวจริงผสมสำรองบางรายในระบบ 4-1-4-1

      การแข่งขันในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ถือเป็นเกมที่สนุกสุดมันส์ โดยทางฝั่งการท่าเรือ พยายามยืนแพ็คในแดน 1 และ 2 เพื่อไม่ให้คู่แข่งเคาะบอลเข้ามาโดยง่าย แต่ทางฝั่งเจ้าบ้านใช้การวางบอลยาวข้ามไปแดน 3 สุดท้ายนักเตะการท่าเรือต้องวิ่งหน้าตื่นลงไปตั้งรับ ส่วนเกมรุก สิงห์เจ้าท่าพยายามเคาะบอลให้เกิดช่องทางริมเส้น แล้วเปิดไปหน้าประตู ซึ่งก็เข้าเป้าแต่ยังไม่ได้ประตู ขณะเดียวกันก็มีการจ่ายแทงถึงหน้าประตูแบบนานๆครั้ง

      โปลิศ เทโร วางเกมรับแน่หนาและยังไม่มีข้อผิดพลาด ส่วนเกมรุกต้องใช้การวางบอลยาวเป็นหลัก กระทั่งมาได้ประตูนำ 1-0 จากการโต้กลับ โดย เปาลิสต้า ลากบอลตัดเข้าในและยิง แต่ชนเสา แล้วจังหวะนั้น ธีรเทพ ตามมาเก็บบอลและลากไปทางมุมแคบ ก่อนจะซัดแสกหน้าเข้าไป จากนั้นรูปเกมก็เบาลงเพราะ เทโร รับแน่นและรอสวนกลับ ส่วน การท่าเรือ ถ้าไม่เบาเกมอาจโดนเพิ่ม เพราะที่ผ่านมาใช้กำลังวิ่งกวดไปเยอะ

ครึ่งหลังรูปเกมยังดูทรงๆ จน การท่าเรือ เริ่มเปลี่ยนตัวและแก้เกม จนนาทีที่ 76 ก็มาได้ลูกตีเสมอ 1-1 จากการลากบอลรอของ นูรูณ จนเมื่อ ซัวเรช เข้าช่องก็จัดการเปิดบอลแล้วใช้อกพักเข้าไป จากนั้นกลายเป็นสิงห์เจ้าท่าโหมบุกเพื่อหวังเอา 3 แต้ม แต่ดันมีจังหวะที่ไปเลี้ยงวนจนโดนฉกและสวนกลับ ก่อนที่ เปาลิสต้า จะลงโทษด้วยการยิงนำ 2-1

บทสรุปจากเกม โปลิศ เทโร เอฟซี วางเกมรับมาได้ดี อีกทั้งยังดักบอลและโต้กลับได้มีประสิทธิภาพ กระทั่งยิงได้ 2 ประตู ส่วนประตูที่เสียต้องยอมรับว่าการชิงไหวชิงพริบช้ากว่าคู่แข่ง ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี การยืนเพรสในแดน 1 และ 2 สุดท้ายทำให้นักเตะเหนื่อยกว่าเดิม กับการต้องวิ่งหน้าตื่นลงไปตั้งรับ อีกทั้งการเสียบอลกลางทางก็ทำให้นักเตะเสียพลังงานเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ช่วงท้ายครึ่งต้องผ่อน มิเช่นนั้นจะโดนเพิ่ม กระทั่งครึ่งหลัง รูปเกมเริ่มดีขึ้นและได้ประตูตีเสมอ แต่สุดท้ายดันมีความผิดพลาดส่วนบุคคล จนต้องแพ้แบบโดนน็อค

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สุพรรณอเดสู่ขิต”

สุพรรณบุรี สู่ขิต แพ้ถล่ม บียู 5-2 ร่วงลีกรองหนแรกในรอบ 9 ปี  

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 29 ในโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ในตอนนี้น่าจะการันตีอันดับ 3 ต้องพบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่การแพ้ในนัดล่าสุดถือเป็นเรื่องเสียหายอย่างใหญ่หลวง แล้วมันก็ส่งให้วันนี้ต้องชนะสถานเดียว มิเช่นนั้นจะต้องเป็นทีมที่ 2 ที่ต้องตกชั้นตามเชียงใหม่ไป สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-3-3 ส่วนทีมเยือนเป็น 3-5-2

      ทรู แบงค็อก ขึงและวางบอลเข้าใส่แนวรับทีมเยือน ซึ่งมีที่ได้ประตูและถูกริบ ก่อนจะมาได้จริงๆในนาทีที่ 17 จากจุดโทษ จากนั้นก็ยังเป็นแข้งเทพที่บุกและครองบอลแทบจะฝ่ายเดียว ส่วนทางฝั่งสุพรรณบุรี ได้แต่ตั้งรับและเกมรุกไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งการขาด ดานีโล่ ทำให้พ่อเลี้ยงอย่าง เอนริเก้ ต้องโชว์ฉายเดี่ยว กระนั้นในนาทีที่ 40 ช้างศึกยุทธหัตถีมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 โดยในจังหวะนี้ไม่มีอะไรเลย เพราะมันเป็นการเปิดแบบธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือแนวรับบียู ยืนนิ่งและปล่อยให้ตัวประกบที่ใกล้ที่สุดเป็นแนวรุกอย่าง ชนานันท์

ครึ่งหลังรูปเกมยังทรงๆ กระทั่งนาทีที่ 64 แนวรับทีมเยือนไปดึงแขน เฮแบร์ตี้ ก่อนจะลุกขึ้นมายิงจุดโทษเป็น 2-1 จากนั้นเหมือนสกอร์ไหลและแนวรับทีมเยือนเริ่มสมาธิแกว่ง ไล่ตั้งแต่ประตู 3-1 ที่ไปรุม วานเดอร์ หลยุส์ พอเขี่ยให้ เฮแบร์ตี้ ก็ไม่เหลือ ส่วนประตู 4-1 เป็นการโหม่งตัดหน้า กระนั้นในแผงเกมรับของแข้งเทพ ก็น่าตำหนิที่เสียประตู 4-2 จากการเปิดมาหน้าปากประตู แล้วมีผู้เล่นบียูยืนอยู่เต็มไปหมด แต่ดันปล่อยให้ จอง ฮัน ซอล ที่อยู่ไกลลิบ ได้วิ่งมาโหม่งเสียอย่างนั้น ขณะที่ประตูปิดท้าย 5-2 คาร์เตอร์ ลากขึ้นมา แล้วเปิดอัดเท้า รุ่งรัฐ เข้าไป

  บทสรุปจากเกม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เกมรุกไม่ค่อยน่าห่วง เพราะเมื่อมีโอกาสก็สามารถทำได้เรื่อยๆ เว้นเสียแต่เกมรับที่เสียง่ายๆแบบนี้หลายนัด ซึ่งหากปล่อยไว้ไปยังฤดูกาลหน้า มันจะมีผลต่อการลุ้นแชมป์แน่นอน ส่วนทางฝั่ง สุพรรณบุรี เอฟซี พอไม่มี ดานีโล่ จากที่เป็นรองก็ยิ่งเป็นรองมากขึ้น ทำให้ในเกมนี้ต้องรับให้หนาแน่น แล้วรอเล่นฉาบฉวย แต่พอลงไปเล่นจริงๆเกมรับไม่แน่นหนา แถมมีความผิดพลาดส่วนบุคคล ทำให้ความพ่ายต้องเกิด สุดท้ายการตกชั้นมันก็สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของทีมที่มีจำกัดเพียงเท่านี้จริงๆ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ไม่มีแฮร์มิลตัน หนองบัวก็แค่ไก่บ้าน”

หนองบัว ขาดแฮร์มิลตัน ก่อนบุกพ่าย ท่าเรือ ขาดลอย 3-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 29 คู่สุดท้ายของวันอาทิตย์ ณ สนามแพท สเตเดี้ยม การท่าเรือ เอฟซี ที่เหลือเพียงทำผลงานให้ดีที่สุดในยุคของจเด็จ มีลาภ จะต้องพบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ในตอนนี้มีลุ้นทำอันดับให้สูงที่สุดสำหรับประวัติศสตร์ของสโมสร ส่วนในเรื่องผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 4-4-2 ขณะที่ทีมเยือนเป็น 5-4-1      

ก่อนเกมจะเริ่มและในระหว่างแข่งช่วงต้นเกม ฝนตกสนามลื่นทำให้การต่อบอลยากลำบาก นั่นจึงทำให้ทั้ง 2 ทีมยังตั้งเกมไม่ติด กระนั้นเพียง 17 นาที หนองบัว พิชญ ต้องมาเลือก 10 เพราะ แรมซี่ย์ น็อตหลุดไปตบหู ธนบูรณ์ ทำให้สถานการณ์ก่อนเกมที่ไม่มี แฮร์มิลตัน ก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่และเป็นรองกว่าเดิม ส่วนทางฝั่ง การท่าเรือ มีความได้เปรียบแต่ขึงบุกไม่ได้ อย่างไรเสียก็ยังมีจังหวะจบที่น่าได้สุดๆ แต่เหลี่ยมบอลไม่เป็นใจ  

ครึ่งหลัง การท่าเรือ ออกมาเล่นเกมบุก แล้วเพียงนาทีที่ 47 ก็ได้ประตูนำ 1-0 จากการเปิดเลียดของ ปกรณ์ แล้ว ยุทธพงษ์ สกัดพลาด ก่อนที่ กิตติคุณ จะพลาดต่อด้วยการรับหลุดมือ จากนั้นนาทีที่ 64 การท่าเรือมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 จากการเปิดเลียดคล้ายๆกัน แต่คราวนี้ ซัวเรส ได้ยิงจ่อๆ ขณะที่ลูกปิดกล่อง 3-0 เป็นการโต้กลับ ซึ่งต้องชม ธีรศักดิ์ ที่ลากขึ้นมาและจ่ายให้ นูรูณ ยิง ส่วนทางฝั่ง หนองบัว เกมรับค่อนข้างรั่ว ยืนตำแหน่งหลุดและเปิดพื้นที่ให้เจ้าบ้านได้เปิดง่ายๆ ไม่ต่างจากเกมรุกที่พอไม่มีแฮร์มิลตัน ก็บุกไม่ขึ้นและไม่มีจังหวะจบแบบหวาดเสียวให้เห็น

      บทสรุปจากเกม การท่าเรือ เอฟซี ในครึ่งแรกเหมือนเสียเวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ เพราะไม่สามารถทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน แม้คู่แข่งจะเหลือ 10 คน ตั้งแต่นาทีที่ 17 กระนั้นยังดีที่ครึ่งหลังได้ประตูเร็ว ทำให้ความมั่นใจเริ่มมาและยิงทิ้งห่างได้ ขณะที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี พอออกไปเล่นทีมเยือนก็มักมีลักษณะแบบนี้ คือ เกมรับรั่วไหล แล้ววันนี้ดันมีความผิดพลาดส่วนบุคคลเข้ามาประกอบ

สุดท้ายจึงเสียประตูง่ายและเยอะ ไม่ต่างจากเกมรุกที่พอขาด แฮร์มิลตัน ไป พิษสงก็หมดไปด้วย ดังจะเห็นได้จากวันนี้ไม่ปรากฏให้เห็นถึงการโยนหรือลากเลี้ยงบอลขึ้นไปจาก ทาร์เดลี่ ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงหากดาวยิงชาวบราซิลไม่อยู่ต่อ เพราะขนาดไม่อยู่บางแมตช์ ยังสร้างความแตกต่างได้ขนาดนี้ ฉะนั้นหากไม่มีถาวร พญาไก่ชนอาจเป็นทีมหนีตายก็เป็นได้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover