Categories
ข่าวกีฬา

“อาถรรพ์ธันเดอร์โดมยังอยู่”

เมืองทอง บีจี ผลัดกันนำ-ตาม สุดท้ายจบมิตรภาพ 2-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 คู่บิ๊กแมตช์ของสัปดาห์นี้ ไปกันที่สนามธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ดันพลิกล็อคตกรอบบอลถ้วย ด้วยน้ำมือของทีมรองบ่อน จะต้องพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ไม่ชนะใครในลีก 4 นัดติด สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้แผน 4-1-4-1 ตามเดิม เช่นเดียวกับทีมเยือนที่เป็น 3-5-2

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เมืองทอง พยายามจะเซตบอลจากหลังตามถนัด แต่การถูกบีบสูง ทำให้เสียบอลหน้าบ้านตัวเองบ่อยครั้ง กระนั้น บีจี ปทุม ก็ไม่สามารถฉวยโอกาสตรงนี้ให้เป็นประตูได้ อีกทั้งการขึ้นเกมบุกครั้งแรกของ เมืองทอง ก็ได้กลายเป็นประตูนำ 1-0 ซึ่งการขึ้นบอลในจังหวะนี้และอีกหลายๆครั้ง เจ้าบ้านจะใช้การต่อบอลเร็วทางริมเส้นเพื่อดึงตัวประกบ จากนั้นเมื่อเข้าสู่แดน 3 ก็จะวางบอลเปลี่ยนแกนให้กับตัวที่เติมขึ้นมา แล้วมันสร้างความหวาดเสียวจนเกือบได้ประตูทิ้งห่าง ตรงข้ามกับทีมเยือนที่คู่แข่งพลาดให้ รวมถึงมีจังหวะหลุดเดี่ยว แต่ก็ยิงประตูตีเสมอไม่ได้

ครึ่งหลัง บีจี ปทุม เปลี่ยน อภิสิทธิ์ลงมายืนตำแหน่งปีกซ้าย แล้วจังหวะแรกที่เจ้าตัวจับบอล ก็ได้เปิดและกลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 โดย ชาติชาย คือ คนที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากประกบ ดิโอโก้ อยู่ดีๆ แต่พอถึงจังหวะบอลลอยมา ดันไม่กระโดดตาม จากนั้น บีจี ปทุม พยายามให้ผู้เล่นลากบอลและเคลื่อนที่เยอะๆ ซึ่งมันดีกว่าการส่งไปมาตรงที่แนวรับเจ้าบ้านตามปรกบไม่ค่อยทัน แล้วไม่นานนัก กระต่ายแก้วก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-2 กระนั้นการยิงของ อิคซาน ต้องชื่นชม เพราะมุมถูกปิดหมด แต่กลับสามารถพลิกตัวยิงจนบอลพุ่งเสียบเสาไกล

แม้ว่าจะสกอร์จะนำ 1-2 แต่ บีจี ปทุม ก็ยังเพรสซิ่งสูงและได้บอลตลอด กระนั้นการต่อบอลและจบสกอร์ที่ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถยิงเพิ่ม ส่วน เมืองทอง ออกบอลพลาดหน้าบ่อย แต่พอแกะเพรสออกมาได้ ก็สามารถใช้บอลริมเส้นโจมตีจนได้ลูกตีเสมอ 2-2

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมรับมีความผิดพลาดในการป้องกันและการออกบอล ซึ่งมันพลาดค่อนข้างเยอะ แต่ยังดีที่คู่แข่งไม่คมทำให้โดนเพียงเท่านี้ ส่วนเกมรุกต้องชื่นชมที่มีโอกาสน้อย แต่สามารถต่อบอลและสอดประสานไหลลื่น รวมถึงจบสกอร์เฉียบคม ขณะที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมรุกเพรสซิ่งจนตัดบอลดี แต่การเข้าทำย่ำแย่และไม่มีทีมเวิร์ค เช่นเดียวกับกองหลังที่เปิดช่องและเสียประตูจากลูกโด่งอีกแล้ว

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“สายฟ้ารัวสี่”

บุรีรัมย์ รัว 4 เม็ด ถล่ม เชียงใหม่ คาถิ่น 1-4

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 คู่ส่งท้ายของวันอาทิตย์ ณ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่ยังนอนบ๊วยและไม่ได้แข่งในสัปดาห์ก่อน จะต้องพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยึดจ่าฝูงและไม่ได้แข่งในสัปดาห์ก่อนเหมือนกัน สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านมาในระบบ 4-2-3-1 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 4-4-2

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เชียงใหม่ มีมิติเกมรุกที่ดูวูบวาบ ไล่ตั้งแต่การต่อบอล การวิ่งเติมสอดประสาน และการวางบอลข้ามฟากอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นเมื่อเลกแรก แต่หากพูดถึงการจบสกอร์ยังไม่มี ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ เกมรุกดูตื้อตันในช่วงต้น เพราะสภาพพื้นสนามที่เปียกแฉะและไม่คุ้นเคย หรือเพราะไม่มีแมตช์ฟิตก็เป็นได้ โดยกว่าที่เกมรุกของปราสาทสายฟ้าจะเข้าที่ ก็ต้องรอเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วจากภาพที่ปรากฏ การต่อบอลและเข้าทำยังไม่ไหลลื่นอย่างที่ควร แต่มันก็เห็นถึงรูปแบบการเข้าทำที่เน้นทางริมเส้นฝั่งซ้าย กระนั้นแนวรับเจ้าบ้านก็ยืนได้อย่างแนบแน่น จนเจาะได้ยากลำบาก

ครึ่งหลังเริ่มไปได้ไม่นาน บุรีรัมย์ มาได้ประตูขึ้นนำ 0-1 อย่างรวดเร็วจาก มาซิก้า ซึ่งจังหวะนี้เลือกที่เลี้ยงฝ่าหาช่องและยิงไปที่เสาไกล จากนั้น เชียงใหม่ พยายามจะโหมบุกแล้วเกือบได้ประตูตีเสมอแบบทันควันจากเตะมุมแต่ไม่ได้ แล้วพอไม่ได้ แนวรับก็เสียสมาธิจนมีรูรั่วและโดนยิงเพิ่มเป็น 0-2

เชียงใหม่ พยายามเปิดเกมบุกแลก แต่ด้วยความที่ตัวเองศักยภาพต่ำกว่า ทำให้การสวนกลับมาแต่ละมีความอันตราย เนื่องจากพื้นที่ที่เคยปิดได้เปิดกว้าง กระทั่งโดนเพิ่มอีก 2 รวมเป็น 0-4 อย่างไรเสีย เจ้าถิ่นก็มาได้ประตู 1-4 จากการสกัดพลาด แล้ว พูลศักดิ์ ตะบันตามน้ำเข้าไป

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เกมรุกมีศักยภาพกว่าในเลกแรก แต่ก็ยังต้องพัฒนาการสร้างจังหวะเข้าทำในมากกว่านี้ ส่วนเกมรับ ก่อนเสียประตูมีการยืนป้องกันที่ดี แต่พอเสียลูกแรก สมาธิและแท็กติกของทีม ก็เป็นผลให้สกอร์ไหลจนขาด ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมรุกดูตื้อตันในช่วงต้น แต่พอเริ่มจังหวะของเกมได้ ก็เห็นว่าพวกเขาใช้การโจมตีจากฝั่งซ้ายเป็นหลัก แล้วพอได้ประตูขึ้นนำก็เล่นสบาย อย่างไรเสีย เกมรับดันมีความผิดพลาดส่วนบุคคล ซึ่งหากหวังจะเป็นแชมป์แบบนอนมา ก็ต้องเล่นให้ชัวร์กว่านี้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“วิลเลี่ยมฝากรอยแค้น”

วิลเลี่ยมเบิ้ล 2 พา สุพรรณบุรี โค่น ประจวบ คาถิ่น 0-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 ในส่วนของโปรแกรมวันเสาร์ พีที ประจวบ เอฟซี ที่เปิดหัวเลก 2 ด้วยความพ่ายแพ้คาถิ่น จะต้องเปิดบ้านรับ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่อยู่ด้านท้ายตารางเหมือนกัน ฉะนั้นหากใครเก็บ 3 แต้มได้ การลุ้นหนีตายก็จะสดใสทันที สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านปรับมาเล่น 3-4-3 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 4-2-3-1

ในช่วงต้นเกม ทั้ง 2 ฝ่ายยังทำอะไรกันได้ไม่ถนัดนัก โดยต้องรอกว่า 10 นาที ทั้ง 2 ฝ่ายถึงเริ่มจับจังหวะของเกมและต่อบอลได้ โดยทางฝั่ง พีที ประจวบ เริ่มจากขึ้นบอลทางริมเส้นและตัดลัดเลาะเข้ามา ซึ่งมีจังหวะได้จบสกอร์ แต่ยังไม่ได้ จากนั้นเมื่อทีมเยือนเริ่มยืนป้องกันได้แน่นหนามากขึ้น เกมรุกของต่อพิฆาตก็เริ่มตื้อตันจนได้แต่จ่ายบอลขวางไปมาและด้วยการเปิด หรือยิงไกล ส่วนทางฝั่ง สุพรรณบุรี มาเล่นแท็กติกเกมรับและรอโต้กลับ ซึ่งในแผงเกมรับยืนตำแหน่งดีและไม่ข้อผิดพลาด ขณะที่เกมรุกจะพึ่งพาความสามารถส่วนบุคคล แต่ดูอันตรายเพราะหลัง 3 ของเจ้าบ้านดูจะรับมือไม่ค่อยอยู่

ครึ่งหลัง ประจวบ พยายามจะกดดันให้ได้ต่อเนื่อง แต่พอโดนทีมเยือนสวนกลับ แล้วรอบนี้เปิดพื้นที่ว่างเยอะ มันก็เป็นผลให้ วิลเลี่ยม ได้ซัดช่วย สุพรรณบุรี ขึ้นนำ 0-1 จากนั้นไล่หลังไม่กี่นาที ช้างศึกยุทธหัตถีได้โต้กลับขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพยายามจะจ่ายบอลมายังบริเวณกลางสนาม แต่ทิศทางและน้ำหนักไม่ดี กระนั้นแนวรับของเจ้าถิ่นเคลียร์บอลพลาด ทำให้ วิลเลี่ยม ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้บอลเก็บตกเอาไปส่งก้นตาข่าย พร้อมกับหนีห่างเป็น 0-2

ถึงแม้ว่า ประจวบ จะโดนนำห่าง 0-2 แต่นักเตะไม่ถอดใจและยังคงเดินหน้าเหมือนเดิม ซึ่งการกดดันนานๆ แนวรับทีมเยือนก็มีการยืนที่หละหลวมให้เห็น จนสุดท้ายเจ้าถิ่นก็ยิงตีไข่แตกไล่มา 1-2 ได้สำเร็จ อีกทั้งผู้เล่นทีมเยือนยังมาเหลือเพียง 10 คน นั่นจึงทำให้ต่อพิฆาตพยายามเร่งเกมบุกใส่แนวรับทีมเยือน ที่เลือกถอยรับเต็มพิกัดแล้ว โดยการบุกท้ายเกมมีโอกาสที่จะประตูตีเสมอ ขาดเสียเพียงลูกทีมของโค้ชหระที่ไม่เฉียบคมเอง

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม พีที ประจวบ เอฟซี เหมือนทีมที่ยังหาหลักไม่เจอ เพราะระบบการเล่นปรับเปลี่ยนไปมา แล้วนักเตะไม่สามารถตอบสนองต่อแท็กติกได้ โดยเกมรุกเมื่อต้องเจอแนวรับที่ยืนอัดแน่นเต็มพื้นที่ พวกเขาไม่สามารถต่อบอลและสอดประสานให้รวดเร็วได้ ส่วนเกมรับมีความสับสน จนเป็นเหตุให้เสียประตู ทำให้สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ต่อพิฆาตอาการหนักจริงๆ ขณะที่ สุพรรณบุรี เอฟซี การยิงได้ 2 ประตู มาจากความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะล้วนๆ ส่วนเกมรับยืนตำแหน่งได้ดีในครึ่งแรก แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลังช่วงท้ายเกม กลับมียวบจนเสียประตูและเกือบโดนยิงตีเสมอ

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ภาพเดิม มุมเดิม”

เมโล่ พลาดโทษมุมเดิม ทำขอนแก่น เจ๊า การท่าเรือ 0-0

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 ของฤดูกาล ในโปรแกรมวันเสาร์ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่เปิดหัวเลก 2 ด้วยชัยชนะ จนเริ่มเห็นถึงโอกาสอยู่รอดชัดขึ้นเรื่อยๆ จะต้องเปิดบ้านรับ การท่าเรือ เอฟซี ที่บอบช้ำจากเกมลีก และบอลถ้วย กับการถูกทีมรองบ่อนเขี่ยตกรอบ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านใช้ 3-5-2 เหมือนเดิมขณะที่ทีมเยือนวาง 3-4-3

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ขอนแก่น บุกใส่ทันทีและมีโอกาสจบสกอร์หลายหน แต่ยิงไม่ได้เอง ซึ่งการที่พวกสามารถบุกได้อย่างต่อเนื่องแบบนี้ มันเป็นเพราะผู้เล่นทีมเยือนจ่ายบอลเสียง่ายๆกลางทาง อีกทั้งเมื่อเสียบอล ก็ยังเห็นถึงการยืนป้องกันที่ไม่ค่อยดี จากนั้นพอเกมผ่านไปราว 10 นาที การท่าเรือ จ่ายบอลเสียน้อยลงและเริ่มจะครองบอลได้ แต่มันเป็นการครองบอลที่ไม่เกิดประโยชน์ เพราะต่อถึงแค่แดน 3 ก็ได้แต่เคาะไปมาจนเสีย จากนั้นเมื่อเสียก็ไล่เพรสซิ่ง เพื่อไม่ให้เจ้าบ้านได้โต้กลับเร็ว รวมถึงพยายามไม่ให้บอลถึง 2 กองหน้าต่างชาติ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

ครึ่งหลัง การท่าเรือ มีรูปเกมที่ดีขึ้น กับการขึงบุกใส่ ซึ่งการจ่ายบอลแนวทแยงสร้างความอันตราย แต่มันก็ได้เพียงไม่กี่ครั้ง อีกทั้งหลังจากนั้นก็ได้เพียงเซตขึ้นมาและรีบจบ เพราะกลัวจะไม่ได้ยิงเนื่องจากเล่นมากจังหวะเกินไป ส่วนทางฝั่งขอนแก่น 45 นาทีหลังดูเป็นรอง แต่เกมรับสามารถยืนต้านทานได้ดีแบบไม่มีข้อผิดพลาดที่เด่นชัด ส่วนเกมบุกมีโอกาสน้อยกว่า แต่การจบสกอร์ใกล้เคียงที่จะเป็นประตูมากกว่า เพียงแต่ว่า วรุฒเซฟช่วยทีมเยือนไว้ ทำให้ไม่มีประตูเกิดขึ้น กระทั่งท้ายเกม แนวรับสิงห์เจ้าท่าไปดึงเสื้อจนเป็นจุดโทษ แต่ เมโล่ ที่ทำหน้าที่สังหาร ดันยิงข้ามคาน ทั้งๆที่ วรุฒ พุ่งผิดทางแล้ว

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะ เพราะในช่วงต้นเกมมีโอกาสได้ยิงเหน่งๆหลายหนก็ไม่ได้ ระหว่างเกมก็โดนเซฟ และโอกาสทองท้ายเกมจากจุดโทษ ก็ดันยิงออกไปอีก ส่วนเกมรับก็ยืนป้องกันได้ดี จนคู่แข่งทำอะไรไม่ถนัด ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี การเล่นในช่วง 10 นาทีแรก เป็นฟอร์มที่ย่ำแย่สุดๆ ซึ่งยังดีที่ไม่โดนยิง จากนั้นรูปเกมเหมือนจะดีขึ้น แต่มิติเกมรุกไม่มีอะไรเลยเมื่อขาด ซัวเรช ส่วนครึ่งหลัง เกมรุกขึงบุกได้ แต่ก็ไม่มีจังหวะจบที่ชัดเจน อีกทั้งหลังบ้านก็พร้อมจะเสียประตูตลอด ซึ่งในวันนี้ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ยังดวงแข็งมากๆแล้วที่ไม่แพ้ออกมา

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ต่อพิฆาตเข้าขั้นวิกฤต”

ประจวบ ยังแย่ต่อเนื่อง พ่าย เชียงราย คาถิ่น 1-3

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 18 คู่ประเดิมของวันเสาร์ ณ สนามสามอ่าว สเตเดี้ยม พีที ประจวบ เอฟซี ที่สถานการณ์ตอนนี้กดดันสุดๆ จะต้องพบ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่มีสถิติยามเล่นนอกบ้านอย่างยอดเยี่ยม สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านปรับมาเป็น 3-5-2 ขณะที่ทีมเยือนใช้ 3-4-3 ตามเดิม

เปิดเกมมาได้แค่ 2 นาที เชียงราย ขึ้นนำ 0-1 จากการลากบอลเข้ามาและจ่ายแทงของ สุริยา ให้ เกทเดอร์สัน ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้า ซึ่งในจังหวะนี้ แนวรับเจ้าถิ่นผิดพลาดที่ประกบตัวอันตรายพลาด จากนั้นกลายเป็น พีที ประจวบ ที่ต้องโหมเกมบุก โดยการเปิดเกมบุกตรงนี้ ก็ได้เห็นถึงต่อบอลทางริมเส้นที่ไหลลื่นและเร็วใช้ได้ แต่พอบอลเข้าพื้นที่อันตราย จังหวะดันขาดๆเกินๆ ส่วนทางฝั่ง เชียงราย ตั้งรับและป้องกันพื้นที่อันตรายได้ดี อีกทั้งยังมีการโต้กลับและมีจังหวะเหน่งๆ แต่ดันยิงชนเสาจนคานไปเสียหมด อีกทั้งจังหวะหวาดเสียวเหล่านี้ มันก็สื่อให้เห็นถึงคุณภาพในเกมรับของเจ้าถิ่น ที่พร้อมจะเสียประตูตลอดเวลา

ในเมื่อทีมเยือนมีสกอร์แค่ 0-1 ประจวบ จึงยังคงเดินหน้าเกมรุกต่อ ซึ่งมันก็ลักษณะคล้ายกับครึ่งแรก คือ พวกเขาบุกกดดันได้ดี แต่พอเสียบอลโต้ ก็เกือบถูกทีมเยือนยิงทิ้งห่าง กระนั้นความผิดพลาดที่แนวรับทีมเยือนสกัดบอลไปโดนขาผู้เล่น ประจวบ จน อภิชาติ ได้บอลไปยิงตีเสมอ 1-1 ก็ได้กลายเป็นโมเมนตัมเปลี่ยนเกมให้ ต่อพิฆาตได้โหมบุกต่อ จนเกือบได้ประตูแซงนำ แต่ดันไม่คมเสียเอง

เชียงราย แก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวรุกลงมาใหม่ เพื่อไว้ทำเกมโต้กลับโดนเฉพาะ ซึ่งไม่นานนัก พวกเขาก็มาได้ประตู 1-2 จากการสวนกลับ โดยในจังหวะนี้แนวรับประจวบยืนเช็คไลน์พลาด แต่ อัครวิน ก็ยิงได้ดีมากๆ กับการตักบอลจังหวะเดียวข้ามหัวผู้รักษาประตู จากนั้นรูปเกมของเจ้าถิ่นเหมือนจะถอดใจ พร้อมกับมาโดนประตูของแถมจากจุดโทษเป็น 1-3

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม พีที ประจวบ เอฟซี มีรูปแบบการต่อบอลและเข้าทำในพื้นที่อันตรายที่ไหลลื่นขึ้น แต่ปัญหา คือ ความเด็ดขาดในการจบสกอร์และการกดดันคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เป็นปัญญาแบบจริงๆจังๆ คือ เกมรับ เพราะจากภาพที่เห็นในเกมนี้ พวกเขาประกบคู่แข่งไม่ค่อยอยู่และพร้อมจะเสียประตูตลอดเวลา ฉะนั้นจากสภาพทีมที่กล่าวนี้ ต่อพิฆาตเข้าสู่ภาวะวิกฤตแล้วจริงๆ ขณะที่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด การเปลี่ยนโควต้าต่างชาติในแนวรุก ดูจะเป็นการแก้ไขที่ถูกจุด เพราะ เกทเดอร์สัน มีความเร็วและการจบสกอร์ที่ดีกว่า บิลล์ แต่อาจมีข้อติงตรงที่การจบสกอร์ใช้โอกาสเปลื้องไปหน่อย ส่วนเกมรับไม่มีข้อผิดพลาดอะไรในแง่ระบบ เว้นเสียแต่ความผิดพลาดส่วนบุคคลที่เป็นผลให้ต้องเสียประตูไป 1 ลูก

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“ฉลามน็อคน้ำในเล้าไก่”

หนองบัว ยังเยี่ยมในบ้าน จัดการสอย ชลบุรี 3-2

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 ในส่วนของโปรแกรมวันเสาร์ ณ สนามพิชญ สเตเดี้ยม หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่มีสถิติการเล่นในบ้านอย่างโหดเหี้ยม จะต้องพบกับ ชลบุรี เอฟซี ที่เป็นฉลามแรงปลายเมื่อเลกแรก แต่ต้นเลก 2 นี้ ก็ต้องดูต่อไปว่าจะสานต่อความสุดยอดนั้นได้หรือไม่ สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านและทีมเยือน ต่างมามาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน

เกมการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น หนองบัว สามารถเก็บบอล พร้อมกับขึ้นเกมบุกได้อย่างไหลลื่นและรู้ใจกัน จนยากที่แนวรับฝั่งตรงข้ามจะตามประกบ จนเวลาผ่านไปแค่ราว 10 นาที เจ้าบ้านก็มาได้ประตูนำ 1-0 จากการแทงเฉียงให้เพื่อนวิ่งหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง กระนั้นไล่หลังเพียง 4 นาที แนวรับเจ้าถิ่นชะล่าใจและสกัดไม่เด็ดขาด ทำให้บอลมาเข้าทางแนวรุกชลบุรี แล้วจัดการยิงเสียบหน้าต่างเสาไกล

หลังจากสกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 หนองบัว ยังคงรักษามาตรฐานเกมบุกเอาไว้ได้ ด้วยการต่อบอล สอดประสาน และทำชิ่งอย่างรวดเร็ว ส่วนทางฝั่ง ชลบุรี สามารถยกระดับขึ้นมาสู้กับเจ้าบ้านได้ดี แต่สุดท้าย พญาไก่ชนคมกว่า จนขึ้นนำ 2-1

ครึ่งหลัง หนองบัวพยายามลดเกมบุกและเพิ่มความรัดกุมให้มากขึ้น แต่ก็มิวายมาเสียประตู 2-2 ซึ่งจังหวะนี้ แนวรับเจ้าบ้านยืนห่าง จนโดน ยู บยอง-ซู โขกเน้นๆ ทำให้หลังจากนั้น หนองบัว ได้โหมเกมบุกอีกครั้งและมีโอกาสตลอด ซึ่งสวนทางกับ ชลบุรี ที่เกมรุกขึ้นไม่ค่อยได้ กระทั่งท้ายที่สุด การโยนบอลไปที่เสาไกล ก็ได้เป็นทีเด็ดให้พญาไก่ชน ยิงนำ 3-2 และชนะไปด้วยสกอร์นี้

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม หนองบัว พิชญ เอฟซี เกมรุกจัดจ้านถึงขีดสุด เพราะสามารถต่อบอล สอดประสาน และทำชิ่งอย่างรวดเร็ว จนคู่แข่งตามไม่ทัน แต่การป้องกันในเกมรับก็ยังมีรูโห่วให้เห็น และเป็นที่มาของการเสียทั้ง 2 ประตู ซึ่งหากโค้ชวังสามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ พญาไก่ชนจะพุ่งทะยานได้ไกลและยากที่ใครจเอาชนะพวกเขา ขณะที่ ชลบุรี เอฟซี การยืนหลัง 4 ในวันนี้ สยบคู่แข่งไม่ค่อยได้ เพราะการเสียประตูเจอทั้งทางบกและอากาศ ส่วนเกมรุกมีโอกาสเข้าทำน้อย แต่ดีที่ได้ความคมและยิงได้ 2 ลูก โดยในภาพรวมของฉลามชล ฟอร์มไม่ขี้แหล่ แต่เจ้าถิ่นเล่นได้ดีและยิงได้มากกว่าเท่านั้น

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

เปิดโปรแกรมวิเคราะห์

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 19 (คู่วันศุกร์-เสาร์)

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 19 ของฤดูกาล น่าจะเป็นสัปดาห์แรกที่ทุกคู่จะได้ลงสนามแบบไม่เลื่อนอีกแล้ว แต่กระนั้นก็ต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป สำหรับ 4 คู่ ในวันศุกร์และเสาร์ มีครบทุกรสชาติของความันส์ อีกทั้งเกมทุกสนามก็ล้วนมีความหมาย ซึ่งในแต่ละคู่จะเป็นอย่างไรและใครมีโอกาสกำชัย นับจากนี้เราจะได้รู้กัน  

ขอนแก่น ยูไนเต็ด พบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี (วันศุกร์, 18.00 น.)

      เกมเปิดหัวสัปดาห์นี้ ลงสนามในวันศุกร์ ซึ่งการแข่งขันคู่นี้นับว่ามีความสำคัญ เพราะมันคือการเจอกันของทีมท้ายตาราง โดยทางฝั่ง ขอนแก่น ผลงานก็ดีตามมาตรฐาน แต่มันก็มีเรื่องที่น่ากังวลว่านักเตะที่ติดโควิด-19 จะหายกลับมามากน้อยขนาดไหน ขณะที่ สุพรรณบุรี ผลงานกลับมาดีแบบเซอร์ไพรส์ แต่ก็ติดปัญหานักเตะติดโควิด-19 เหมือนกัน ฉะนั้นมันจึงมองสภาพความพร้อมลำบาก แต่ถ้าดูจากผลงานในบ้านของจงอางผยอง ก็เชื่อว่าพวกเขาจะไม่แพ้ในบ้าน     

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด (วันเสาร์, 17.30 น.)

      บีจี ปทุม กำลังอยู่ในช่วงผลงานสุดบู่ เพราะเป็นเวลากว่า 6 นัดแล้ว ที่พวกเขาไม่ชนะใครในลีก เช่นกันกับ เชียงใหม่ ที่ต้องการแต้มเพื่อหนีโซนแดง แต่จากที่ผ่านมา 2 นัด พวกเขาได้มาแค่แต้มเดียว แต่หากลงในรายละเอียด ก็ถือว่าพวกเขามีสภาพทีมและระบบการเล่นที่ดีกว่าในเลกแรก กระนั้นหากเทียบกัน มันคงถึงเวลาที่เจ้าบ้านต้องชนะ ก่อนที่สถานการณ์จะร้อนระอุไปมากกว่านี้  

เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (วันเสาร์, 18.00 น.)

      เกมบิ๊กแมตช์ของสัปดาห์นี้ อยู่ที่ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมืองทอง อยู่ในสภาพที่ลอยตัว จากผลงานที่ดีและสภาพนักเตะที่เป็นเด็ก แต่ในเลกที่ 2 ก็มีการเสริมทัพนักเตะต่างชาติ อย่างไรเสียด้วยสถานการณ์ที่ผู้เล่นในทีมติดโควิด-19 มันก็ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญก่อนเกมนี้ ขณะที่ บุรีรัมย์ เป็นเต็งจ๋าที่จะคว้าแชมป์ปีนี้ หากดูจากชื่อชั้นของโค้ชและนักเตะ กระนั้นด้วยความเป็นคู่รักคู่แค้น กิเลนผยองก็พร้อมจะรับมือและเชื่อว่าไม่น่าแพ้ในบ้าน เว้นเสียแต่ตัวหลักยังไม่กลับมา ซึ่งต้องนั้นอาจต้องยอมจำนนต่อทีมเยือน    

ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี (วันเสาร์, 18.00 น.)

      เชียงราย พึ่งบุกไปแพ้ โคราช มา 0-1 อีกทั้งฟอร์มการเล่นก็ไม่น่าประทับใจ ขณะที่ เทโร ผลงานมาไกลเกินจะมองถึงการหนีตาย อีกทั้งด้วยสถิติการลงเล่นในบ้านของ เชียงราย ที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ทำให้มันมีโอกาสพอสมควร ที่มังกรโล่เงินจะบุกไปเก็บมาได้อย่างน้อย 1 แต้ม  

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

“3 แต้มของโคราช”

โคราช ได้ลูกโทษยิงดับ เทโร คาถิ่น 0-1 เกาะกลางตารางเหนียวแน่น

ศึกฟุตบอลรีโวไทยลีก นัดที่ 17 ในส่วนของโปรแกรมวันอาทิตย์ ณ สนามบุญยะจินดา โปลิศ เทโร เอฟซี ที่ไม่โปรแกรมลงเตะเมื่อสัปดาห์ก่อน จะต้องพบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่ก็ไม่โปรแกรมลงเตะเหมือนกัน ฉะนั้นเกมนัดนี้ คือ นัดแรกของทั้ง 2 ทีม สำหรับผังการเล่นที่โชว์ขึ้นมา เจ้าบ้านปรับมาใช้ 3-4-3 ขณะที่ทีมเยือนยังเป็น 4-2-3-1

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทั้ง 2 ฝ่ายต่างใช้การวางบอลยาว ซึ่งมันมีจังหวะจบสกอร์ทั้งคู่ แต่ไม่มีใครได้ประตู  จากนั้นรูปเกมยังพยายามจะแลกใส่กัน โดยทางฝั่ง โปลิศ เทโร พอมี เรียว มัตซีมูระ เข้ามา การขึ้นบอลทางฝั่งซ้ายดูวูบวาบ เพราะสามารถลากและกินตัวได้ดี หรือหากรู้สึกตันจนไปต่อไม่ได้ ก็ไหลเข้ากลางเพื่อให้ตัวในยิง โดยจากโอกาสที่เกิดขึ้น มันควรจะมีสักประตูที่เป็นของมังกรโล่เงิน ส่วนทางฝั่งโคราช เล่นเกมรับเยอะและบุกน้อย แต่ก็พอมีโอกาสให้เห็น กับการวางยาวแล้วมีตัวสัมผัสบอลก่อนส่ง หรือจะเรียกว่าโหม่งเช็ด ซึ่งการเล่นลักษณะนี้ช่วยให้ คาริคารี่ สามารถวิ่งฉีกหนีเพื่อสลัดตัวประกบได้ง่าย กระทั่งท้ายครึ่งแรกมีการไปทำฟาวล์ เพราะไล่ตามแนวรุกสวาทแคทไม่ทัน ทำให้ผู้ตัดสินไม่รีรอจะให้เป็นจุดโทษและประตูนำ 0-1

ครึ่งหลัง เทโร พยายามจะบุกเหมือนเดิมเพื่อทวงประตูคืน แต่ด้วยความที่ทีมเยือนแก้ลำเกมรับมา ทำให้เจ้าบ้านขึ้นบอลลำบากและไม่ทะลุทะลวงเหมือนครึ่งแรก จนต้องใช้การยิงไกลเป็นหลัก แต่ก็โดนเซฟ ส่วนทางฝั่งโคราช 45 นาทีหลัง ขึ้นเกมรุกหรือโต้กลับไม่ได้เลย อีกทั้งได้แต่ตั้งรับ กระทั่งท้ายเกม สวาทแคทรู้ตัวว่าสกอร์นี้ คือ ผลการแข่งขันที่ดีที่สุด จึงเลือกที่จะรับแบบเต็มพิกัดจนหมดเวลา

ภาพรวมของทั้ง 2 ทีม โปลิศ เทโร เอฟซี เกมรับหาช่องว่างไม่เจอ แต่ด้วยความผิดพลาดส่วนบุคคล มีผลให้พวกเขาเสียจุดโทษ เสียประตู และพ่ายแพ้ ส่วนเกมรุก การได้ตัวผู้เล่นใหม่เข้ามา ช่วยเพิ่มความอันตรายได้ดี แต่ต้องเพิ่มการเล่นเป็นทีมเวิรค์ ซึ่งมันจะหลอมรวมให้การบุกน่ากลัวได้อย่างแน่นอน ขณะที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พอได้แนวรับตัวใหม่เข้ามา เกมรับแน่นหนาใช้ได้ แต่ก็ต้องดูกันต่อไปในระยะยาว ส่วนเกมรุก การสาดบอลและเบิ้ลให้จังหวะเดียว ถือเป็นรูปแบบการเข้าทำที่อันตรายและเป็นจุดเริ่มต้นของประตูชัย แต่สิ่งที่ต้องตำหนิ คือ ควรที่จะอย่างสม่ำเสมอ มิใช่ทำได้ในบางช่วงของเกมแบบนี้

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

พรีวิวการแข่งขัน

รีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 คู่วันอาทิตย์

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 17 ของฤดูกาล ในส่วนของโปรแกรมวันอาทิตย์ มีเกมอีก 4 คู่ ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นการพบกันของทีมใหญ่กับทีมเล็ก กระนั้นยังดีที่คู่ปิดท้ายเป็นเกมบิ๊กแมตช์ อย่างไรเสียก็ต้องขอย้ำอีกที ว่าสถานการณ์ตอนนี้ต้องติดตามแบบรายวัน ว่าจะมีเกมไหนและคู่ใดขอเลื่อนเพราะโควิด-19 หรือไม่  

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบกับ สมุทรปราการ ซิตี้ (เวลา 18.00 น.)

      กำลังขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอยู่ดีๆ แต่ดันฟอร์มจนร่วงลงมา อีกทั้งในนัดที่ผ่านมา ก็ทำได้แค่ตามตีเสมอ การท่าเรือ ทำให้การลุ้นแชมป์ของ บียู ส่อแววว่าจะยากขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนทางฝั่ง สมุทรปราการ การเปลี่ยนโค้ชมาเป็น โยชิดะ รูปแบบยังคงแนวเดิมตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่ในภาพรวมก็ยังต้องปรับปรุง โดยเฉพาะเกมรับที่เสียง่ายเกินไปสักหน่อย ฉะนั้นเกมนัดนี้ หากแข้งเทพยังอยากอยู่ในเส้นทาง ก็จำเป็นต้องเก็บ 3 แต้ม สถานเดียว

โปลิศ เทโร เอฟซี พบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (เวลา 18.00 น.)

      อยู่ในสถานะที่ลอยลำแบบกลายๆแล้ว สำหรับ เทโร โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ได้เล่น เพราะบุรีรัมย์ ยื่นหนังสือขอกักตัว เช่นกันกับ โคราช ที่ไม่ได้แข่งกับ เชียงราย ฉะนั้นการฟันธงว่าใครจะวิน ต้องดูจากสภาพทีม การเสริมทัพ และสถิติ ซึ่งการที่สวาทแคทเล่นเกมเยือนไม่ดี และมังกรโล่เงิน ก็มีผลงานในบ้านที่ไม่ขี้แหล่ ทำให้มองว่าลูกทีมของโค้ชอ้นจะไม่แพ้ในบ้าน 

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เวลา 18.30 น.)

      การเสริมทัพแบบจัดหนักของ เชียงใหม่ อาจดูน่าตื่นตา แต่ในทางปฏิบัติค่อนข้างยากจริงๆ กับการอยู่รอด ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ก็จัดการเสริมทัพแบบจัดหนัก เพื่อสานเป้าหมายสู่การเป็นแชมป์ ซึ่งแน่นอนว่าการมาเยือนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ยังไงปราสาทสายฟ้าก็ตั้งเป้าที่ 3 แต้ม

เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (เวลา 19.00 น.)

      ผลงานในลีกถือว่าลอยตัว และเหลือแค่การทำอันดับให้ที่ดีที่สุดเท่านั้นสำหรับ เมืองทอง กระนั้นการจะมีลุ้นในบอลถ้วยก็ต้องหลุดลอย เพราะดันไปพ่ายทีมรองบ่อนอย่าง อุทัยธานี เสียอย่างนั้น ส่วนทางฝั่ง บีจี ปทุม หลังจากเปลี่ยนแปลงกลับมาใช้โค้ชโอ่ง ผลงานก็ดำดิ่งจนการลุ้นแชมป์แทบจะเลือนลาง อีกทั้งการไปเยือนธันเดอร์โดม ที่ไม่เคยประสบกับชัยชนะเลย ดูแล้วคงลำบาก ฉะนั้นเกมนี้ กิเลนผยองไม่แพ้แน่     

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover

Categories
ข่าวกีฬา

คุยหลังประเด็นลูกตีเสมอ

ของ บียู ในเกมเจ๊า การท่าเรือ 1-1

ศึกฟุตบอลรีโว่ไทยลีก นัดที่ 16 มีดราม่าเกิดขึ้นอีกจนได้ กับกรณีประตูตีเสมอของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ดช่วงท้ายเกม ซึ่งในตอนแรกผู้กำกับเส้นยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าและผู้เล่นการท่าเรือหยุดเล่น แต่ผู้ตัดสินกลางสนามไม่ได้เป่าหยุดเกม ทำให้ผู้เล่นของบียูยังคงเล่นต่อ และมาได้ประตู จากนั้นมีการเช็ค VAR ปรากฎว่าลูกนี้ไม่ล้ำหน้าและเป็นประตู นั่นจึงทำให้สตาฟและผู้เล่นของการท่าเรือ เข้ามาประท้วงอย่างหนัก กระทั่งมีปัญหากระทบกระทั่งกันหลังเกม

การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน

การทำหน้าที่ของคุณคมสันต์ ที่เป็นผู้กำกับเส้น มองมุมหนึ่งก็ถือว่าผิดพลาด เพราะตัวบทกติกาเขียนไว้ชัดเจนว่าถ้าไม่ชัวร์ ไม่ต้องยก และปล่อยให้ VAR เป็นผู้ชี้ขาด แต่หากมองอีกมุมจากภาพช้า มันก็เหมือนจะล้ำหน้าเพราะตัวที่ได้บอล วิ่งออกตัวก่อน ซึ่งกว่าจะเคลียร์ว่าไม่ล้ำหน้า ก็ต้องมีการตีเส้นวัดเลยทีเดียว

ขณะที่การทำหน้าที่ของคุณชัยฤกษ์ ผู้ตัดสินกลางสนาม ก็ถือว่าถูกต้องที่ไม่ปากลั่นเป่าหยุดเกม และรอฟังจาก VAR เท่านั้น เพราะหากบ้าจี้เห็นผู้ช่วยยกธงแล้วเป่าหยุด ตรงนี้จะเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของ บียู

การตอบสนองของทีมงานและผู้เล่น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ผู้เล่นของบียู ถือว่ามีทัศนคติที่ดีกับการเล่นต่อไปหากเสียงนกหวีดไม่ดัง เช่นเดียวกันกับโค้ชแบน ที่ออกมาพูดหลังเกม ว่าถ้าหากฝ่ายตนเองเสียประตู ก็พร้อมจะยอมรับกับผลการตัดสิน เพราะการจะหยุดเล่นหรือเล่นต่อเสียงนกหวีด คือ ตัวกำหนดเท่านั้น

การตอบสนองของทีมงานและผู้เล่น การท่าเรือ เอฟซี  

ทันทีที่ผู้กับกำเส้นยกธง ผู้เล่นของการท่าเรือหยุดเล่นและยกมือหมด ยกเว้นผู้รักษาประตูที่เล่นต่อ ซึ่งการหยุดเล่นตรงนี้ถือเป็นทัศนคติที่ต้องปรับปรุง รวมถึงผู้เล่นบางรายที่ถูกเปลี่ยนตัวออก แต่ดันเขาไปประท้วงและวิ่งลงสนามหลังจบเกม ไม่ต่างกันกับโค้ชและสตาฟ ที่เข้าไปประท้วง ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อันใดเลย เพราะการตัดสินของ VAR ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด อีกทั้งมันยังเสียเวลาการถ่ายทอดสดของทางสถานีอีกด้วย กับการประท้วงที่ยาวนานเกือบ 10 นาที

บทสรุปจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้กำกับเส้นมีความผิดพลาด แต่ก็มีมุมที่เข้าใจได้ แต่พฤติกรรมการแสดงออกของผู้เล่นการท่าเรือ ถือว่าโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองที่ไปหยุดเล่น ขณะที่ตัวโค้ชและสตาฟก็ควรจะศึกษากฎกติกา เพื่อให้การประท้วงดูมีเหตุผล มิใช่อยากประท้วงไปตามอารมณ์ หรือเพราะตัวเองเสียประโยชน์

ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com

FB : Sport lover