มีโอกาสแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายเจ๊า เวียดนาม 0-0 รอบรองนัดแรก
ศึกฟุตบอล AFF mitsubishi electric cup 2022 รอบรองชนะเลิศคู่แรก นัดที่ 1 ณ สนามเกลอรา บังการ์โน ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่ผ่านเข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์กลุ่ม A จะต้องเปิดบ้านพบ ทีมชาติเวียดนาม ที่เข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม B สำหรับผังการเล่นของทั้ง 2 ทีม เจ้าบ้านวางระบบ 4-5-1 ขณะที่ทีมเยือนใช้ระบบ 3-5-2

ช่วงต้นเกม ทีมชาติเวียดนามเคาะบอลในแดนตัวเอง เพื่อบิ้วเกมขึ้นไปในแดน 1-2 แต่เมื่อเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ผู้เล่นทีมชาติอินโดนีเซียจะเข้าถึงบอลเร็วและปิดพื้นที่กลางสนามไว้อย่างแน่นหนา นั่นจึงทำให้นักเตะเวียดนามต้องเร่งจ่ายบอล ออกบอลลำบาก ทำให้การพาบอลไปถึงแดนสุดท้ายเพื่อจบสกอร์แทบจะไม่มี แล้วเมื่อเกมผ่านไปราว 30 นาที ทัพดาวทองเริ่มมีภาพของการจ่ายบอลเสียมากขึ้น

พร้อมกันนั้นทางฝั่งเดอะการ์รูด้า ก็เริ่มจะโต้กลับและมีโอกาสที่หวาดเสียว ซึ่งในช่วง 10 นาทีสุดท้ายถือเป็นนาทีทองของเจ้าบ้าน เพราะการทำชิ่ง 1-2 หรือการวางบอลจากแดนกลาง มันทะลุถึงแดนสุดท้ายและมีโอกาสจบสกอร์เหน่งๆ แต่ลูกทีมของ ชิน แต ยัง ไม่สามารถฉวยโอกาสนี้ยิงประตูขึ้นนำได้

ครึ่งหลัง ปาร์ค ฮัง ซอ พยายามกำชับลูกทีมไม่ให้เสียบอลง่าย หรือหากเสียก็ต้องสกัดฟาวล์เพื่อไม่ให้เจ้าบ้านพาบอลเข้าไปในแดนอันตราย ซึ่งทำได้ดี แต่ในส่วนของเกมรุกยังไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าบ้านที่ยืนป้องกันอย่างหนาแน่นได้

ขณะที่ทีมชาติอินโดนีเซีย เกมรับยังเล่นตามแผนเดิมและทำได้ดีต่อเนื่อง แต่ในแผงเกมรุกเมื่อถูกตัดฟาวล์หนักๆ รวมถึงการถูกปิดพื้นที่ไม่ให้เจาะง่ายๆ พวกเขาก็แทบจะไม่มีโอกาสเหน่งๆเหมือนช่วงท้ายครึ่งแรกอีกเลย
บทสรุปจากเกม ทีมชาติอินโดนีเซีย มีเกมรับเป็นจุดเด่นเมื่อต้องเจอกับทีมในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่า แล้วตรงจุดนี้สามารถช่วยให้พวกเขาไม่เสียประตูก็จริง แต่ในแผงเกมรุกกลับไม่เฉียบคมเอาเสียเลย โดยเฉพาะในช่วงนาทีทองท้ายครึ่งแรก ซึ่งหากมีสัก 1 ประตู

ก็เชื่อว่ารูปเกมจะเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล ขณะที่ทีมชาติเวียดนาม ทีแรกจะมาต่อบอลและเจาะเข้าไป แต่พอเจอแนวรับที่รักษาพื้นที่ได้เหนียวแน่นและเข้าหาบอลเร็วทุกจังหวะ พวกเขาก็เริ่มเสียบอลง่าย กระทั่งไม่สามารถต่อบอลเข้าไปในแดน 3-4 ของเจ้าถิ่นได้เลย นอกจากนี้ยังมีช่วงที่แนวรับสมาธิหลุดไป กระนั้นยังโชคดีที่คู่แข่งไม่เฉียบคมเอง
ติดตาม ข่าวกีฬา ในทุกสัปดาห์ได้ที่ livethaileague.com
FB : Sport lover